7. VZRHMXP75WY-7 รักนะ 3000 ริกิ กลาเซียร์ CH FR IT 7 วัน 5 คืน BY WY

ทัวร์ยุโรป รักนะ 3000 ริกิ กลาเซียร์ 7 วัน 5 คืน (WY)

ราคาเริ่มต้น 69,999 ฿ ดาวน์โหลด PDF จองทัวร์

เดินทางสู่ แคว้นอัลซาส (Alsace) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.30 ชั่วโมง) อีกหนึ่งแคว้นของฝรั่งเศส ที่หลายคนต่างร่ำลือกันว่า เป็นแคว้นที่ยังคงรักษาวัฒนธรรมและประเพณีท้องถิ่นเอาไว้เป็นอย่างดี ดินแดนที่ยังคงอนุรักษ์วิถีชีวิตและความเป็นอยู่แบบเก่า รวมไปถึงอาคารบ้านเรือนที่ยังคงเป็นสถาปัตยกรรมท้องถิ่นที่มีความสวยงามไม่เปลี่ยนแปลง ลัดเลาะผ่านเมืองเล็กเมืองน้อยที่ขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามตามแบบฉบับอัลซาสแท้ๆ และขึ้นชื่อในการผลิตไวน์จากองุ่นพันธุ์ Riesling หนึ่งในสุดยอดองุ่นที่นำมาผลิตไวน์ขาว

วันที่เดินทาง

พฤศจิกายน 67 – ธันวาคม 67

ทัวร์ยุโรป

วันแรก สนามบินสุวรรณภูมิ – สนามบินมัสกัต – สนามบินซูริค – ซูริค (สวิตเซอร์แลนด์)
06.00 น. คณะพร้อมกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ชั้น 4 เคาน์เตอร์สายการบิน โอมานแอร์ (WY) โดยมีเจ้าหน้าที่บริษัทฯคอยต้อนรับและอำนวยความสะดวกด้านเอกสารการเดินทาง
09.10 น. ออกเดินทางสู่ สนามบินมัสกัต ประเทศโอมาน โดยสายการบิน โอมานแอร์ เที่ยวบินที่ WY818 (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง) (ใช้เวลาบินประมาณ 6.10 ชั่วโมง)
***เที่ยวบินหรือเวลาอาจมีการเปลี่ยนแปลง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสายการบินเป็นผู้กำหนด***
ขอสงวนสิทธิ์ในการเลือกที่นั่งบนเครื่องบิน เนื่องจากเป็นตั๋วกรุ๊ป การจัดที่นั่งจะเป็นระบบ RANDOM
ที่นั่งอาจจะไม่ได้นั่งติดกัน ทางบริษัทไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงได้ ซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขของสายการบิน

12.00 น. เดินทางถึง สนามบินมัสกัต ประเทศโอมาน (เวลาท้องถิ่น) จากนั้นรอต่อเครื่องเพื่อเดินทางสู่ เมืองซูริค ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ (รอแวะเปลี่ยนเครื่องประมาณ 3 ชั่วโมง)
15.00 น. ออกเดินทางสู่สนามบินซูริค ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยสายการบิน โอมานแอร์ เที่ยวบินที่ WY153 (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง) (ใช้เวลาบินประมาณ 6.15 ชั่วโมง)
19.05 น. ถึง สนามบินซูริค เป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่ใหญ่ที่สุดในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ (เวลาประเทศสวิตเซอร์แลนด์ช้ากว่าประเทศไทย 6 ชั่วโมง กรุณาปรับเวลาให้ตรงตามเวลาท้องถิ่น เพื่อความสะดวกในการนัดหมาย) ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง และศุลกากร หลังรับสัมภาระเรียบร้อยนำท่านเข้าสู่ที่พัก
ที่พัก โรงแรมมาตรฐาน 3-4 ดาว หรือเทียบเท่า

วันที่สอง นั่งรถรางสู่ยอดเขาริกิ – ซุก – ชมย่านเมืองเก่า – ลูเซิร์น – อนุสาวรีย์สิงโต – สะพานไม้ชาเปล (B/L/-)
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
นำท่าน นั่งรถรางสู่ยอดเขาริกิ (Mt.Rigi) ราชินีแห่งเทือกเขา (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง) เดินทางโดยรถไฟฟันเฟือง ท่านจะได้ชมวิวแบบ พาโนราม่า ซึ่งได้ให้บริการมาตั้งแต่ปี 1871 เพื่อขึ้นพิชิตยอดเขาริกิซึ่งมีความสูง 6,000 ฟุต หรือ 1,800 เมตร ด้วยรถไฟกลไกใช้ระบบไอน้ำ ซึ่งเป็นรถจักรที่เก่าแก่ที่สุดสร้างเมื่อปี 1858 แต่ได้รับบูรณะเป็นอย่างดี เพลิดเพลินกับการชื่นชมธรรมชาติตลอดการเดินทางจนถึงเขาริกิ เป็นจุดที่สามารถมองเห็นทัศนียภาพอันงดงามที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์ จะมองเห็นทิวทัศน์รอบด้าน เป็นจุดชมวิวทิวทัศน์ที่งดงามที่สุดของเทือกเขาแอลป์ และยังสามารถมองเห็นทะเลสาบจากยอดเขาริกิอีกด้วย เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่นักท่องเที่ยวชื่นชอบ

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
นำท่านเดินทางสู่ เมืองซุก (Zug) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 15 นาที) เมืองเล็กๆ ตั้งอยู่ริมทะเลสาบที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 800 ปี ปัจจุบันเป็นเมืองที่รวยที่สุดของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และยังเป็นเมืองที่เรียกเก็บค่าภาษีในอัตราต่ำที่สุดในโลกอีกด้วย ท่านสามารถเดินเที่ยวในเขตเมืองเก่าของซุกได้อย่างเพลิดเพลิน บรรยากาศของอาคารบ้านเรือนที่ยังคงความเก่าแก่แต่สวยงาม พื้นถนนที่ปูด้วยหินจากยุคกลาง จัตุรัสที่มีน้ำพุโบราณประดับด้วยรูปปั้นอยู่หลายจุด ไปจนถึงทะเลสาบซุกที่สวยงามและถูกโอบล้อมด้วยเทือกเขาที่อยู่ไกลออกไป ล้วนแล้วแต่เป็นมนต์เสน่ห์ของเมืองเก่าแก่เล็กๆ แห่งนี้

นำท่านเดินทางสู่ เมืองลูเซิร์น (Luzern) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที) ตั้งอยู่ทางตอนกลางของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ (Switzerland) และ ตั้งอยู่ระหว่าง เทือกเขาปิลาตุส (Mount Pilatus) และ ภูเขาริกิ (Rigi) เป็นภูเขาที่มีทิวทัศน์ที่สวยงาม ลูเซิร์นเป็นเมืองที่มีความเป็นประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่น่าสนใจ ให้ท่านได้ถ่ายภาพคู่กับ อนุสาวรีย์สิงโต (Lion Monument) สัญลักษณ์สำคัญของลูเซิร์นถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ระลึก และเป็นเกียรติแก่เหล่าทหารหาญชาวสวิสซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวลูเซิร์นมากกว่า 700 คนที่ออกรบและเสียชีวิตในฝรั่งเศสเมื่อครั้งเกิดสงครามปฏิวัติยุคพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ซึ่งเป็นการเจาะเนื้อหินและแกะสลักขึ้นรูปเป็นประติมากรรมสิงโตตัวใหญ่สวยงามมากแม้จะมีใบหน้าโศกเศร้าดังที่ว่าก็ตาม และอีกจุดหนึ่งที่น่าชมมากในย่านนี้ก็คือ สะพานไม้ชาเปล (Chapel bridge) สะพานที่ดูไม่เหมือนสะพานและมีอายุเก่าแก่มากกว่า 600 ปี ที่ว่าไม่เหมือนสะพานก็เพราะแวบแรกอาจดูคล้ายอาคารกลางน้ำ แต่จริงๆ แล้วสร้างขึ้นเพื่อใช้ข้ามไปมาระหว่างสองฝั่งแม่นํ้ารอยซ์ อิสระให้ท่านเดินเล่นชมเมือง

เพื่อให้ท่านได้เพลิดเพลินในการเดินเล่นอย่างเต็มอิ่มจุใจ อิสระอาหารเย็นตามอัธยาศัย
ที่พัก  โรงแรมมาตรฐาน 3-4 ดาว หรือเทียบเท่า

วันที่สาม เอกิชไฮม์ (ฝรั่งเศส) – กอลมาร์ – ลิตเติ้ลเวนิส – ย่านเมืองเก่า – สตราสบูร์ก – จัตุรัสเมืองสตราสบูร์ก (B/L/-)
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
เดินทางสู่ แคว้นอัลซาส (Alsace) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.30 ชั่วโมง) อีกหนึ่งแคว้นของฝรั่งเศส ที่หลายคนต่างร่ำลือกันว่า เป็นแคว้นที่ยังคงรักษาวัฒนธรรมและประเพณีท้องถิ่นเอาไว้เป็นอย่างดี ดินแดนที่ยังคงอนุรักษ์วิถีชีวิตและความเป็นอยู่แบบเก่า รวมไปถึงอาคารบ้านเรือนที่ยังคงเป็นสถาปัตยกรรมท้องถิ่นที่มีความสวยงามไม่เปลี่ยนแปลง ลัดเลาะผ่านเมืองเล็กเมืองน้อยที่ขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามตามแบบฉบับอัลซาสแท้ๆ และขึ้นชื่อในการผลิตไวน์จากองุ่นพันธุ์ Riesling หนึ่งในสุดยอดองุ่นที่นำมาผลิตไวน์ขาว
นำท่านเดินทางสู่ หมู่บ้านเอกิซไฮม์ (Equisheim) เป็นหมู่บ้านที่งดงามราวภาพวาดที่ตั้งอยู่ในภูมิภาคอาลซาส มีชื่อเสียงในด้านสถาปัตยกรรมยุคกลางที่มีเสน่ห์ ศูนย์กลางประวัติศาสตร์ที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดี และยังได้รับยกย่องให้เป็น “Plus Beaux Villages de France” (หมู่บ้านที่สวยที่สุดในฝรั่งเศส) นอกจากนี้ยังเป็นหมู่บ้านที่อยู่ในเส้นทางไวน์ Alsace และมีชื่อเสียงในด้านการผลิตไวน์อีกด้วย อิสระให้ท่านเดินเล่นชมเมือง
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองกอลมาร์ (Colmar) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 15 นาที) เป็นเมืองเล็กๆน่ารัก ตั้งอยู่ในแคว้นอัลซาส (Alsace) เป็น 1 ใน 8 แคว้นผลิตไวน์ สำคัญของฝรั่งเศสถูกจัดให้เป็นเมืองที่มีความโรแมนติคเมืองหนึ่งของประเทศฝรั่งเศส อันเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางสายไวน์แหล่งปลูกองุ่นพันธุ์ดี เพื่อผลิตไวน์ชั้นเลิศบริเวณเชิงเขาของเทือกเขาโวชจ์ ซึ่งมีไร่องุ่นจำนวนมากเคียงคู่ไปกับอุตสาหกรรมการผลิตไวน์ชั้นเยี่ยม นำท่านเดินเที่ยวชมสถาปัตยกรรมของอาคารบ้านเรือนเก่าแก่ ช่วยทำให้เมืองดูโรแมนติกยิ่งขึ้นมรดกทางสถาปัตยกรรมพบเห็นได้จากโบสถ์แบบโกธิคและโรมันสไตล์ และอาคารเก่าหลายหลังสร้างในคริสต์ศตวรรษที่ 15 บ้านเรือนเรียงรายสองฝั่งคลองดูงดงามน่ารักจนได้รับการขนานนามว่า “ลิตเติ้ลเวนิส” อิสระให้ท่านเดินเล่นชมเมือง

นำท่านเดินทางสู่ เมืองสตราสบูร์ก (Strasbourg) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.15 ชั่วโมง) เมืองหลวงแห่งแคว้นอัลซาส (Alsace) ของประเทศฝรั่งเศส และยังได้รับการยกย่องเป็นเมืองมรดกโลกด้านมนุษยชาติจากองค์การยูเนสโกเมืองซึ่งผสมผสาน 2 วัฒนธรรมคือ ฝรั่งเศสและเยอรมัน เนื่องจากในอดีตถูกผลัดเปลี่ยนอยู่ภายใต้การปกครองของ 2 ประเทศนี้สลับกันไปมา ทั้งยังเป็นสถานที่ตั้งขององค์กรสำคัญของยุโรป อาทิ สภายุโรป องค์กรสิทธิมนุษยชน และศาลสิทธิมนุษยชนแห่งยุโรป ที่นี่ยังเป็นเมืองมหาวิทยาลัยดังชั้นนำที่เกอร์เธ (Goethe) นักเขียนชาวเยอรมันเคยศึกษาอยู่

เพื่อให้ท่านได้เพลิดเพลินในการเดินเล่นอย่างเต็มอิ่มจุใจ อิสระอาหารเย็นตามอัธยาศัย
ที่พัก  โรงแรมมาตรฐาน 3-4 ดาว หรือเทียบเท่า
วันที่สี่ เบิร์น (สวิตเซอร์แลนด์) – บ่อหมีสีน้ำตาล – ย่านเมืองเก่า – หอนาฬิกาดาราศาสตร์ ไซ้ท์ กล็อคเค่น – เวอแว – รูปปั้น ชาร์ลี แชปลิน – ส้อมยักษ์ สัญลักษณ์เมืองเวอแว – เจนีวา – ทะเลสาบเจนีวา – น้ำพุเจดโด – นาฬิกาดอกไม้
(B/L/-)
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก

นำท่านเดินทางไปยัง เมืองเบิร์น (Bern) เมืองหลวงของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3.30 ชั่วโมง) เป็นอีกหนึ่งเมืองที่ไม่ควรพลาดเมื่อเดินทางมายังสวิตเซอร์แลนด์ เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามด้วยบ้านเรือนในบรรยากาศสบายๆ ตามสไตล์เมืองเก่าทั่วไป ให้ท่านชม บ่อหมีสีน้ำตาล Bear Park สัตว์ที่เป็นสัญลักษณ์ของกรุงเบิร์น จากนั้นเที่ยวชม ย่านเมืองเก่า (Old City of Berne) ซึ่งได้รับการบรรจุไว้ในรายชื่อมรดกโลกในปี ค.ศ. 1983 และก่อตั้งขึ้นในสมัยคริสต์ศตวรรษ ที่ 12 ตั้งอยู่บนภูเขาล้อมรอบด้วยแม่น้ำอาเร (Aare River) ชม มาร์คกาสเซ ย่านเมืองเก่าที่ปัจจุบันเต็มไปด้วยร้านดอกไม้ และร้านเสื้อผ้าบูติค เป็นย่านที่ปลอดรถยนต์จึงเหมาะกับการเดินเที่ยวชมอาคารเก่าอายุ 200 – 300 ปี ชม โบสถ์แห่งกรุงเบิร์น (The Cathedral of Bern) มหาวิหารแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในสมัยยุคโกธิค ตั้งแต่ปี ค.ศ.1964 หอคอยมีความสูงราวๆ 100 เมตร สร้างแล้วเสร็จในปี ค.ศ.1893 ถือเป็นมหาวิหารที่สูงที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์ และถือเป็นสมบัติทางวัฒนธรรมของประเทศด้วย จากนั้นชม หอนาฬิกาดาราศาสตร์ ไซ้ท์ กล็อคเค่น (Zytglogge Clock Tower) หอนาฬิกายุคกลางที่มีชื่อเสียงที่สุดของย่านเมืองเก่าเบิร์น ถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 13 อายุ 800 ปี จะมีโชว์ให้ดูทุกๆ ชั่วโมงที่นาฬิกาตีบอกเวลา ปัจจุบันเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของกรุงเบิร์น ถัดจากหอนาฬิกาไปไม่ไกล จะเป็น ไอน์สไตน์เฮาส์ (Einstein House) ท่านสามารถแวะถ่ายรูปภายนอกกับบ้านที่ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ เคยอาศัยอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ รวมถึงภาพถ่าย เพื่อเป็นอนุสรณ์แด่นักฟิสิกส์ชื่อก้องโลกคนนี้

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
นำท่านเดินทางสู่ เมืองเวอแว (Vevey) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ชั่วโมง) เมืองเล็กๆ น่ารักในรัฐโวด์ของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ บนชายฝั่งทางตอนเหนือของทะเลสาบเจนีวา ที่มีทิวทัศน์เบื้องหลังเป็นเทือกเขาแอลป์ที่งดงาม เวอแวเป็นเมืองในยุคกลางและยังเป็นแหล่งผลิตไวน์ที่สำคัญแห่งหนึ่งของประเทศสวตเซอร์แลนด์ อีกทั้งเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ของบริษัทเนสต์เล่ ยักษ์ใหญ่แห่งวงการอาหาร ด้วยภูมิประเทศที่สวยงามรายล้อมด้วยภูเขา และติดทะเลสาบเจนีวา จึงได้รับการขนานนามว่า “ไข่มุกแห่งริเวียร่าสวิส” (Pearls of the Swiss Riviera)
เมืองเวอแว เป็นเมืองที่ศิลปินชื่อดังชาวอังกฤษอย่าง ชาร์ลี แชปลิน ได้มาใช้ช่วงเวลา 25 ปีสุดท้ายในชีวิต ที่เมืองแห่งนี้ ภายหลังจากที่เค้าเสียชีวิตจึงได้มีการสร้างอนุสาวรีย์เพื่ออุทิศให้กับเขา หันหน้าไปทางทะเลสาบเจนีวา และได้เปลี่ยนบ้านที่เคยอยู่ให้เป็นพิพิธภัณฑ์สำหรับผู้ที่สนใจเกี่ยวกับชีวิตของศิลปินท่านนี้อีกด้วย และไม่ไกลจาก อนุสาวรีย์ชาร์ลี แชปลิน จะเห็น The Fork ส้อมขนาดใหญ่ ทำจากสแตนเลสสูง 8 เมตร กว้าง 1.3 เมตร ออกแบบโดย Jean-Pierre Zaugg ชาว Neuchatel ตั้งตระหง่านตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ.1995 เพื่อเป็นการรำลึกวันครอบรอบ10 ปี ของ Alimentarium (พิพิธภัณฑ์อาหาร) ซึ่งได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของเมือง Vevey
เดินทางสู่ เมืองเจนีวา (Geneva) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ชั่วโมง) เมืองใหญ่อันดับสอง (รองจากซูริค ) ของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดในภาครอม็องดีอัน เป็นภูมิภาคที่ใช้ภาษาฝรั่งเศสเป็นหลักในสวิตเซอร์แลนด์ เจนีวามีสถานะเป็นเมืองหลวงของสาธารณรัฐแห่งรัฐเจนีวา ในอดีตเมืองเจนีวานี้เคยอยู่ภายใต้การปกครองของโรมัน และฝรั่งเศส แต่เมื่อได้รับอิสรภาพจึงรีบหาพันธมิตรเพราะไม่อยากโดนรุกรานอีก โดยการเข้าร่วมเป็นสมาชิกพันธรัฐสวิส จากนั้นเจนีวาก็รู้จักกันอย่างกว้างขวางในนาม “เมืองแห่งองค์กรนานาชาติ”
นำท่านชม ทะเลสาบเจนีวา (Lake Geneva) ทะเลสาบที่คล้ายรูปพระจันทร์เสี้ยว และเป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ให้ท่านถ่ายรูปกับ น้ำพุเจทโด (Jet d’Eau หรือ แฌโด) ที่ฉีดสายน้ำพุ่งสูงขึ้นไปในอากาศถึง 140 เมตร (เปิดเฉพาะวันอากาศดี) และถ่ายรูปกับ นาฬิกาดอกไม้ สัญลักษณ์ที่สำคัญของเมืองเจนีวา อิสระให้ท่านเก็บภาพบรรยากาศ
อิสระอาหารเย็นตามอัธยาศัย
ที่พัก  โรงแรมมาตรฐาน 3-4 ดาว หรือเทียบเท่า

วันที่ห้า เมืองโกล เดอ ปิยง – ยอดเขากลาเซียร์ 3000 – มิลาน (อิตาลี) (B/L/-)
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
เดินทางสู่ เมืองโกล เดอ ปิยง (Col De Pillon) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง) เป็นเมืองที่ตั้งของสถานีกระเช้าไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่จุผู้โดยสารได้ถึง 125 คน สามารถชมทัศนียภาพได้ 360 องศา
นำท่านขึ้นกระเช้ายักษ์รุ่นใหม่ เพื่อเดินทางสู่ ภูเขากลาเซียร์ 3000 ยอดเขากลาเซียร์ 3000 (Glacier 3000) ส่วนหนึ่งของภูเขากูดสตาร์ด (Gstaad Mountain) ที่ได้รับการขนานนามว่า “กลาเซียร์ 3000” (Glacier 3000) เพราะมีความสูงอยู่เหนือระดับน้ำทะเลที่ 3000 เมตร ในวันที่ฟ้าเปิด อากาศดีๆ ท่านจะสามารถมองเห็นวิวยอดเขาของสวิสเซอร์แลนด์ ได้แก่ จุงเฟรา แมทเทอร์ฮอร์น และมองบลองก์ ได้อย่างชัดเจน ที่นี่ยังให้ท่านได้ท้าทายความสูงโดยการเดินบน The Peak Walk by Tissot สะพานแขวนที่มีความยาว 107 เมตร ข้ามหน้าผาที่ระดับความสูง 3,000 เมตร

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร (บนเขา)

นำท่านเดินทางเข้าสู่ เมืองมิลาน (Milan) หรือที่คนอิตาเลียนเรียกว่า “ มิลาโน่ (Milano) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4.30 ชั่วโมง) มิลานเป็นเมืองหลักของแคว้นลอมบาร์เดีย เป็นเมืองสำคัญในภาคเหนือใหญ่อันดับ 2 ของประเทศอิตาลี มีประวัติศาสตร์ศิลปะและวัฒนธรรมที่หลากหลายผ่านสถานที่สำคัญมากมาย เมืองนี้ได้ชื่อว่าเป็นเมืองผู้นำแฟชั่นระดับแนวหน้าของโลก มีชื่อเสียงในการเป็นศูนย์กลางทางธุรกิจการค้าแฟชั่นโมเดิร์นที่มีความทันสมัย เช่นเดียวกับ ปารีส และ นิวยอร์ค อีกทั้งมิลานยังเป็นหัวใจด้านเศรษฐกิจของอิตาลีเพราะเป็นศูนย์กลางการคมนาคมเขตอุสาหกรรมที่หนาแน่นที่สุดของประเทศและเป็นศูนย์กลางการเดินทางเข้าอิตาลี โดยเฉพาะรถไฟมาจากประเทศอื่นๆในยุโรป มีสถาปัตยกรรมที่เป็นสัญลักษณ์แห่งเมืองมิลานที่สุดก็คือ “มหาวิหารดูโอโม่” (Duomo di Milano)

อิสระอาหารเย็นตามอัธยาศัย
ที่พัก  โรงแรมมาตรฐาน 3-4 ดาว หรือเทียบเท่า

วันที่หก มหาวิหารดูโอโม มิลาน – อนุสาวรีย์พระเจ้าเอ็มมานูเอลที่ 2 – ห้างสรรพสินค้ากลางเมืองมิลาน (Galleria Vittorio Emanuele II) Emanuele – Serravalle Designer Outlet – สนามบินมิลาน (B/-/-)
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก

นำท่านเที่ยวชมแลนด์มาร์กของเมืองมิลาน ณ จัตุรัสกลางเมือง (Piazza del Duomo) จุดศูนย์กลางของเมืองเนื่องด้วยเป็นสถานที่ตั้งของ มหาวิหารดูโอโม่ (Duomo di Milano) วิหารโอ่อ่าใหญ่โตอลังการ สถาปัตยกรรมสไตล์โกธิคสีขาวเด่นสวยงาม เป็นอันดับ 3 ของโลก เริ่มสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1386 แต่ระหว่างการก่อสร้างก็พบกับปัญหา และอุปสรรคมากมาย ทั้งปัญหาการเมือง และการเงิน กว่าจะเสร็จสมบูรณ์ก็ใช้เวลาไปถึง 579 ปี เปลี่ยนคนก่อสร้างไปหลายชั่วอายุคน แต่มีสถาปนิกที่คุมการก่อสร้าง ที่จะไม่กล่าวถึงไม่ได้นั่นก็คือ ลีโอนาโด นาวินชี ศิลปินชื่อก้องโลก วิหารนั้นมีการประดับประดาไปด้วยรูปปั้นกว่า 3,200 รูปที่สวยงาม และมียอดรวม 135 ยอด จนได้รับฉายาว่า “วิหารเม่น” นอกจากมหารวิหารดูโอโม่แล้วยังมีสัญลักษณ์เด่นอยู่อีก นั่นก็คือ อนุสาวรีย์พระเจ้าเอ็มมานูเอลที่ 2 (Monument to Vittorio Emanuele II) อนุสาวรีย์แห่งนี้ได้ถูกสร้างขึ้นในปี 1896 เพื่อเป็นเกียรติแด่พระเจ้าวิคเตอร์ เอ็มมานูเอลที่ 2 ผู้ที่ได้ขึ้นเป็นกษัตริย์องค์แรกของอิตาลีในปี 1861 เป็นรูปปั้นทรงม้าในอิริยาบทกำลังออกรบอยู่บนแท่นหินอ่อน

บริเวณใกล้กันจะเป็น ห้างสรรพสินค้ากลางเมืองมิลาน (Galleria Vittorio Emanuele II) ที่นี่เป็นห้างสรรพสินค้าเก่าแก่ที่สุดในอิตาลี และเรียกได้ว่า เก่าแก่ที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ ตั้งอยู่ใจกลางเมืองมิลาน ศูนย์การค้าสุดหรูของผู้หลงใหลแฟชั่นและอาหารชั้นเลิศแห่งนี้ Galleria Vittorio manuele II ตั้งอยู่ใกล้ๆกับ The Duomo

นำท่านเดินทางสู่ Shopping Outlet Serravalle (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3.30 ชั่วโมง) เอาท์เลทขนาดใหญ่ที่เน้นแบรนด์เนมในราคาสุดพิเศษจำนวนมากลดราคาสูงสุดถึง 70% แบรนด์ชั้นนำจากเกือบทั่วโลกมาให้เลือกซื้อเลือกช้อปกัน เช่น Gucci , Prada , Burberry, Stone Island , Valentino , Armani , boss , Michael Kors , Karl Lagerfeld , Benetton, Calvin Klein, Crocs , Guess, Lacoste, Diesel และอีกมากมาย

อิสระอาหารกลางวันและเย็นตามอัธยาศัย
ได้เวลาอันสมควรนำท่านเดินทางสู่ สนามบินมิลาน
21.30 น. ออกเดินทางสู่ สนามบินมัสกัต ประเทศโอมาน โดยสายการบิน โอมานแอร์ (WY) เที่ยวบินที่ WY144 (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง) (ใช้เวลาบินประมาณ 6.15 ชั่วโมง)
วันที่แปด สนามบินมัสกัต – สนามบินสุวรรณภูมิ
06.45 น. เดินทางถึง สนามบินมัสกัต ประเทศโอมาน นำท่านแวะพักเปลี่ยนเครื่อง เพื่อเดินทางสู่ ประเทศไทย (รอแวะเปลี่ยนเครื่องประมาณ 2.10 ชั่วโมง)
08.55 น. ออกเดินทางสู่ สนามบินสุวรรณภูมิ ประเทศไทย โดยสายการบิน โอมานแอร์ (WY) เที่ยวบินที่ WY815 (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง) (ใช้เวลาบินประมาณ 5 ชั่วโมง 40 นาที)
17.00 น. เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพและความประทับใจ

ทัวร์ยุโรป