UIEU013

ทัวร์ยุโรป Northern Italy 8 Days (Dolomites นอนบนเกาะเวนิส) (TG)

ราคาเริ่มต้น 109,900 ฿ ดาวน์โหลด PDF จองทัวร์

สายการบิน: tg

ทะเลสาบมิซูลิน่า (MISURINA LAKE) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที เป็นทะเลสาบที่สวยงามและเป็นเหมือนกับหนึ่งในแลนด์มาร์คที่นักท่อวเที่ยวต้องมาเยือนสักครรั้งหนึ่ง เป็นทะเลสาบที่หลบซ่อนตัวในหุบเขา ที่ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญอีกแห่งในโดโลไมท์

วันที่เดินทาง

12 ต.ค. 67 – 19 ต.ค. 67, 19 ก.ย. 67 – 26 ก.ย. 67, 18 ต.ค. 67 – 25 ต.ค. 67

21.00 น.  คณะเดินทางพร้อมกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ชั้น 4 แถว H สายการบินไทย (TG) เจ้าหน้าที่ให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวก
00.40 น.  ออกเดินทางสู่ เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี โดยสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG940 ( บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่องบิน)
07.35 น.  เดินทางถึง สนามบินเมืองมิลาน ประเทศอิตาลี หลังจากผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองเรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้นนำท่านเดินทางสู่ นำท่านเดินทางสู่ เมืองซีร์มิโอเน่ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.30 ชั่วโมง เป็นเมืองเก่าแก่อายุนับ 2000 ปี ด้วยลักษณะภูมิประเทศที่เป็นแหลมยื่นเข้าไปในทะเลสาบการ์ดา (LAKE GARDA) ที่สวยงาม ก่อนศตวรรษที่ 15 ซีร์มิโอเน่ อยู่ภายใต้การปกครองของเมืองเวนิส หรือจะเรียกได้ว่าเป็นอาณาบริเวณหนึ่งของเมืองเวนิสนั่นเอง เพราะสมัยนั้นเมืองต่างๆ ในประเทศอิตาลียังไม่ได้รวมตัวกันต่างเป็นเอกเทศปกครองกันเองแถมมีการทำสงครามเพื่อแย่ง ชิงเมือง ซีร์มิโอเน่เลยเป็นเมืองที่มีประวัติความเป็นมาอันยาวนาน ที่สำคัญมีหลักฐานและร่องรอยทางประวัติศาสตร์ตั้งแต่ยุคสมัยโรมันทั้งกำแพงเมืองที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อป้องกันสงคราม ในอดีตเคยเป็นเมืองที่มีผู้คนที่มีฐานะในยุคสมัยโรมันใช้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจและปัจจุบันก็เป็นเมืองพักผ่อนริมทะเลสาบ นำท่านถ่ายภาพด้านหน้าปราสาทเก่าแก่ของเมือง THE SCALLGER OF SIRMIONE สร้างในปี 1277 เมืองนี้เคยอยู่ในการปกครองของตระกูล Scaliger

เที่ยง  บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่ เขตอุทยานแห่งชาติโดโลไมท์ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.30 ชั่วโมง นำท่านแวะชม ทะเลสาบคาเรซซ่า Carezza Lake หรือในภาษาอิตาเลี่ยนเรียกว่า “Lec de ergobando” แปลได้ว่า ทะเลสาบสายรุ้ง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งทะเลสาบที่มีชื่อเสียงในอุทยานโดโลไมท์ น้ำในทะเลสาบมีหลายเฉดสีตั้งแต่ เขียว,เทอร์ควอยซ์,ฟ้าและน้ำเงิน ทำให้ทะเลสาบแห่งนี้ถูกเรียกว่าทะเลสาบสายรุ้ง มีฉากหลังเป็นเทือกเขา Latmar ด้วยวิวทะเลสาบสีเขียวทองที่ถูกห้อมล้อมไปด้วยเขาสูงปลายแหลม สะท้อนสีสันหลากหลายของธรรมชาติ จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองโบลซาโน (Bolzano) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที เป็นเมืองใหญ่ที่สุดในเขตโดโลไมท์ โบลซาโน่เป็นเมืองหลวงของภูมิภาคทีโรลใต้ ซึ่งล้อมรอบด้วยแม่น้ำ ที่นี่แม่น้ำ Talvera จะไหลลงไปในแม่น้ำ Israco และมารวมกันเป็นแม่น้ำ Adige (เมืองโบลซาโน เป็นเมืองที่ใช้ในการพักค้างคืนเท่านั้น อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงได้หากไม่มีที่พักว่างในช่วงวันเดินทางนั้นๆ โดยทางบริษัทจะเปลี่ยนไปยังเมืองอื่นแทนโดยยังคงซึ่งความสะดวกสบายในการเดินทาง)

ค่ำ  บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร นำท่านเข้าสู่ที่พัก
 Four Points by Sheraton Bolzano Hotel หรือเทียบเท่า
เช้า  บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่ เมืองออร์ติเซ่ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง เมืองแห่งศูนย์กลางของการท่องเที่ยวในแถบอุทยานโดโลไมท์ เป็นเมืองรีสอร์ทเล็กๆที่ตั้งอยู่ในหุบเขา Dolomites Val Gardena โดยมีเทือกเขาต่างๆอยู่รายล้อม ที่นี่จัดได้ว่าเป็นเมืองศูนย์กลางการท่องเที่ยวโดโลไมท์ในด้านตะวันตก จึงมีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมเยือนตลอดทั้งปี นำท่านขึ้นกระเช้า Ortisei / St.Ulrich – Seiser Alm / Alpe di Suisi นำท่านขึ้นไปที่ระดับความสูง 1,684 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล สู่บนเนินเขาที่เราเรียกว่า “ALPE DI SIUSI” นำท่านชมวิวทิวทศน์บนทุ่งหญ้าราบเลียบบนภูเขา Seiser Alm ที่ได้ขึ้นชื่อว่ากว้างใหญ่ที่สุดในยุโรปและยังได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก Unesco อีกด้วย ท่านจะได้สัมผัสความงดงามอันประหลาดมหัศจรรย์ของดินแดนเทือกเขาโดโลไมท์ จากมุมสูงรอบด้าน ชมทัศนียภาพอันยิ่งใหญ่ของหุบเขา โตรกผา โดยมีเทือกเขา SASOLUNGO MOUNTAIN RANGE ที่มีรูปทรงประหลาดยอดเขาแหลมชันเป็นจุดเด่น อิสระให้ท่านเดินเล่นตามอัธยาศัย

เที่ยง  บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร หลังจากนั้นนำท่านเดินทางสู่ ชุมชน Val di Funes หรือ Villnöß ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที ชุมชนเล็กๆทางภาคตะวันตกของอุทยานโดโลไมต์ ประกอบไปด้วยหมู่บ้านเล็กๆ 6 หมู่บ้าน โดยมีชื่อเสียงจากการมีวิวทิวทัศน์ที่สวยที่ในเขต South Tyrol
จากนั้นนำท่านเก็บภาพความประทับใจอีกนึงสถานที่ ณ โบสถ์ Santa Maddalena โบสถ์ที่ถือเป็นสถานที่ไฮไลต์ทที่ถูกถ่ายรูปมากที่สุดในอุทยานโดโลไมต์ มีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามมีฉาหหลังเป็นเทือกเขา Odles (การเดินขึ้นไปเก็บภาพความประทับใจนี้ ท่านจะต้องเดินขึ้นลงเนินไปและกลับประมาณ 2 กิโลเมตร เพื่อไปเก็บภาพ) จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ ทะเลสาบเบรียส ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง ( Lake Braies) หรือ (Pragser Wildsee)

ทะเลสาบที่ได้ขึ้นชื่อว่าไข่มุกแห่งโดโลไมต์ ตั้งอยู่ในหุบเขาโดโลไมต์และยังได้เป็นส่วนหนึ่งในมรดกโลก (Unseco) อีกด้วย หลังจากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองคอร์ติน่า ดอมปาสโซ่ (CORTINA D’AMPEZZO) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง เป็นเมืองสกีรีสอร์ทที่อยู่ในอุทยานแห่งชาติเทือกเขาโดโลไมท์ (DOLOMITE) คอร์ติน่าดอมปาสโซ่นั้นสกีรีสอร์ท BEST OF THE ALPS เพียงแห่งเดียวของอิตาลีที่ได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 10 สกีรีสอร์ทที่ดีที่สุดในโลก เคยใช้เป็นสถานที่จัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวในปี 1956 และเคยเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ เจมส์ บอนด์ 007 ตอน FOR YOUR EYE ONLY
ค่ำ  บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร นำท่านเข้าสู่ที่พัก
 De La Poste Hotel หรือเทียบเท่า
เช้า  บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ที่ ทะเลสาบมิซูลิน่า (MISURINA LAKE) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที เป็นทะเลสาบที่สวยงามและเป็นเหมือนกับหนึ่งในแลนด์มาร์คที่นักท่อวเที่ยวต้องมาเยือนสักครรั้งหนึ่ง เป็นทะเลสาบที่หลบซ่อนตัวในหุบเขา ที่ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญอีกแห่งในโดโลไมท์

หลังจากนั้นนำท่านเดินทางสู่ Noventa Di Piave Designer Outlet ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.30 ชั่วโมง ให้ท่านได้เลือกเดินซื้อสินค้าตามใจชอบ ซึ่งแต่ละร้านลดราคาสินค้ามากถึง 70 เปอร์เซนต์ มีร้านค้ากว่า 170 ร้าน ให้เวลาท่านได้อิสระช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนมมากมาย อิสระอาหารกลางวันตามอัธยาศัย
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เวนิส เมสเตร้ แคว้นเวเนเซีย (Venezia) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาที ดินแดนแสนโรแมนติก เป็นเมืองที่ไม่เหมือนใคร โดยใช้เรือแทนรถ ใช้คลองแทนถนน มีสมญานามว่าเป็น “ราชินีแห่งทะเลเอเดรียติก” มีเกาะน้อยใหญ่กว่า 118 เกาะและมีสะพานเชื่อมถึงกันกว่า 400 แห่ง จากนั้นนำท่านออกเดินทางสู่ ท่าเรือตรอนเคตโต้ เพื่อเตรียมตัวนั่งเรือข้ามสู่เกาะเวนิสเพื่อท่องเที่ยวและพักค้างคืนบนเกาะแห่งนี้
เพื่อความสะดวกกรุณาเตรียมกระเป๋าใบเล็กสำหรับพักบนเกาะเวนิส 1 คืน
จากนั้นนำทุกท่านนั่งเรือเพื่อไปยัง ท่าเรือซานมาร์โค (San Marco Pier) บนเกาะเวนิส จากนั้นให้ถ่ายรูปสวยๆ เก็บเป็นที่ระลึกกันที่ พระราชวังดอดจ์ (Doge’s Palace) พระราชวังริมน้ำแสนอลังการที่สร้างตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 ในสไตล์เวเนเชียนโกธิค ที่เคยเป็นที่ประทับของผู้ปกครองแต่เก่าก่อนของเวนิส แต่ตั้งแต่ปี 1923 ก็ได้เปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์ให้คนทั่วไปได้เข้าชม เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กหลักของเวนิส จากนั้นเดินเที่ยวชมแลนด์มาร์คสำคัญต่างๆ ในเมือง และเก็บภาพสถานที่ต่างของเมืองแห่งคลองไม่ว่าจะเป็น จัตุรัสเซนต์มาร์ค (St. Mark’s Square) จัตุรัสหลักของเมืองเวนิสและยังเป็นศูนย์กลางเมืองตั้งแต่โบราณ รายล้อมไปด้วยอาคารสวยๆ สไตล์โกธิค และจุดเด่นของจัตุรัสเซนต์มาร์คแห่งนี้ก็คือ มหาวิหารเซนต์มาร์ค (St. Mark’s Basilica) ที่ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของจัตุรัสเซนต์มาร์ค มหาวิหารใหญ่ของศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก อลังการด้วยการตกแต่งด้วยโดมใหญ่ รูปปั้นมากมายที่ทั้งละเอียดและประณีต และที่อยู่ติดกันและโดดเด่นด้วยความสูงถึง 50 เมตรก็คือ หอระฆัง ถือเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของเมืองที่เห็นได้ไม่ว่าจะอยู่มุมไหนของเมืองก็ตาม และที่พลาดไม่ได้เลยก็คือ สะพานถอนหายใจ สะพานอันโด่งดังแห่งนี้ตั้งอยู่เหนือแม่น้ำที่คั่นกลางระหว่างคุกเก่ากับพระราชวังดอดจ์ ทำจากหินปูนที่แกะสลักและออกแบบอย่างงดงามเช่นเดียวกับพระราชวังดอดจ์และอาคารโดยรอบ

ค่ำ  บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร นำท่านเข้าสู่ที่พัก
 Albergo Cavalletto and Doge Orseolo Hotel หรือเทียบเท่า

เช้า  บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองฟลอเรนซ์ (FLORENCE) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง เมืองสวยอันดับ 1 ของอิตาลี เมืองที่ได้ขึ้นชื่อว่าหากมาอิตาลีแล้วไม่ได้มาเยือนฟลอเรนซ์ก็เหมือนว่ายังมาไม่ถึงอิตาลีอย่างแท้จริง เมืองเก่าที่มีความเจริญสูงสุดในศตวรรษที่ 13-16 เมืองที่ถือเป็นต้นกำเนิดของชาวอิตาลี เป็นเมืองที่ยังคงความสวยงามและมีการอนุรักษ์ไว้ได้อย่างดี เมืองทั้งเมืองเต็มไปด้วยศิลปะ โดยเฉพาะศิลปะยุคเรเนสซองส์เป็นยุคที่ศิลปะเฟื่องฟูที่สุด

เที่ยง  บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร จากนั้นนำท่านชม จัตุรัสซินยอเรตตา จตุรัสกลางเมืองซึ่งปัจจุบันเป็นศาลาว่าการเมือง ณ จตุรัสแห่งนี้ท่านจะได้พบกับศิลปะมากมาย อาทิเช่น รูปปั้นเดวิดจำลอง ที่เหมือนของจริงทุกประการชมสถาปัตยกรรมอันโดดเด่นของเมืองและไม่มีที่ไหนเหมือน มหาวิหารซานตามาเรีย เดลฟิออเร มหาวิหารที่มียอดโดมขนาดใหญ่เป็นอีกหนึ่งสัญญาลักษณ์ของเมือง หอศีลจุ่มที่มีความสวยความงาม ชมสะพานเวคคิโอ หรือสะพานทองคำ สะพานข้ามแม่น้ำอาร์โนแห่งแรกของเมือง อิสระให้ทุกท่านถ่ายรูป หรือเลือกช้อปปิ้งสินค้ามากมายตามอัธยาศัย จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองปิซ่า (Pisa) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง

เมืองแห่งศิลปะที่สำคัญของอิตาลี เป็นเมืองเล็กๆอยู่ทางตะวันตกของ Florence ด้านตะวันตกของเมืองติดกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน แม้ว่าจะเป็นเมืองเล็กๆ แต่ Pisa ก็เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวทั่วโลก และนำท่านเดินทางเข้าสู่ บริเวณ จัตุรัสดูโอโมแห่งปิซ่า หรือ จัตุรัสกัมโป เดย์ มีราโกลี (Compo Dei Miracoli) ที่ประกอบด้วยกลุ่มอาคารสถาปัตยกรรมแบบโรมาเนสก์ โดยเริ่มจาก หอพิธีเจิมน้ำมนต์ (Baptistry of St. John) ที่ใหญ่ที่สุดในอิตาลี ชม มหาวิหารดูโอโม (Duomo) ที่งดงามและหอเอนแห่งเมืองปิซ่าอันเลื่องชื่อ นำท่านถ่ายภาพคู่กับ หอเอนปิซ่า (Leaning Tower of Pisa) สัญลักษณ์แห่งเมืองปิซ่า 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลาง เริ่มสร้างเมื่อปี ค.ศ.1173 ใช้เวลาสร้างประมาณ 175 ปี แต่ระหว่างการก่อสร้างต้องหยุดชะงักลงไปเมื่อสร้างไปได้ถึงชั้น 3 ก็เกิดการยุบตัวของฐานขึ้นมา และต่อมาก็มีการสร้างหอต่อเติมขึ้นอีกจนแล้วเสร็จ โดยใช้เวลาสร้างทั้งหมดถึง 177 ปี โดยที่หอเอนปิซ่านี้ กาลิเลโอ บิดาแห่งวิทยาศาสตร์ ซึ่งเป็นชาวอิตาเลี่ยนได้ใช้เป็นสถานที่ทดลองทฤษฎีแรงโน้มถ่วงของโลกที่ว่า สิ่งของสองชิ้น น้ำหนักไม่เท่ากัน ถ้าปล่อยสิ่งของทั้งสองชิ้นจากที่สูงพร้อมกัน ก็จะตกถึงพื้นพร้อมกัน จากนั้นให้ท่านอิสระให้ท่านได้เลือกซื้อสินค้าที่ระลึกราคาถูก ที่มีร้านค้าเรียงรายอยู่มากมาย
ค่ำ  บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร นำท่านเข้าสู่ที่พัก
 Grand Duomo Hotel หรือเทียบเท่า
เช้า  บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองมิลาน (MILAN) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง เมืองสำคัญในภาคเหนือของประเทศอิตาลี ตั้งอยู่ในแคว้นที่ราบลอมบาร์ดีเป็น เมืองที่มีชื่อเสียงในด้านแฟชั่นและศิลปะ ซึ่งมิลานถูกจัดให้เป็นเมืองแฟชั่นในลักษณะเดียวกับ นิวยอร์ก ปารีส ลอนดอน และ โรม

เที่ยง  บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร จากนั้นนำท่านถ่ายรูปกับ มหาวิหารมิลาน (Milan Duomo) มหาวิหารประจำเมืองขนาดใหญ่แห่งนี้คือโบสถ์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศอิตาลีเด่นด้วยศิลปะแบบโกธิค ใช้เวลาในการก่อสร้างทั้งสิ้น 579 ปี ตั้งอยู่ในระดับความสูง 108.5 เมตรจากพื้นดินราย ล้อมด้วยยอดแหลมอีก135ยอดทำให้อาสนวิหารดูสง่าและแปลกพร้อมด้วยรูปแกะสลักจากหินอ่อนที่ประดับอยู่โดยรอบสลักอย่างวิจิตรบรรจงด้วย รูปปั้นนักบุญรูปเรื่องราวในพระคัมภีร์จำนวนมากประดับโดยรอบ อิสระช้อปปิ้ง ที่ Galleria Vittorio Emanuele II ที่ตั้งอยู่ทางฝั่งขวาของมหาวิหารมิลานเป็นห้างสรรพสินค้าที่เก่าแก่ที่สุดในอิตาลีโดยสร้างขึ้นในปี1877มากมายด้วยร้านค้า ร้านอาหารมากมายในอาคารขนาด 4 ชั้น สองข้างทางเดินกว้างที่โดดเด่นมากก็คือหลังคาทรงโดมเป็นกระจกใส ทำให้สามารถช้อปปิ้งได้ในทุกสภาพอากาศ
ค่ำ  บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร นำท่านเข้าสู่ที่พัก
 The Hub Hotel หรือเทียบเท่า

เช้า  บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ ทะเลสาบโคโม (Lago di Como) ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นทะเลสาบที่สวยงามที่สุดของอิตาลี ตั้งอยู่ใกล้กับเมืองโคโม ในแคว้นลอมบาร์เดีย ทางเหนือของประเทศอิตาลี บริเวณเชิงเทือกเขาแอลป์ ทะเลสาบโคโมล้อมรอบด้วยภูเขาสูงที่ยังมีป่าไม้เขียวชะอุ่ม หลายจุดบนชายฝั่งเป็นช่องเขาแคบและหน้าผาที่สวยงาม ทางเหนือของทะเลสาบคือเทือกเขาแอลป์ยาวเหยียดสุดสายตาเป็นกำแพงธรรมชาติที่สร้างฉากหลังอันงดงามอลังการให้กับดินแดนบริเวณนี้ เทือกเขาแอลป์นั้นมีหิมะปกคลุมอยู่ตลอดปี ได้เวลาอันสมควรนำท่านสู่สนามบิน
14.05 น. ออกเดินทางสู่ สนามบินสุวรรณภูมิ ประเทศไทย โดยสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG941 ( บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่องบิน)
05.55 น.  เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ ประเทศไทย โดยสวัสดิภาพพร้อมความประทับใจ