UIEU006a

ทัวร์ยุโรป GRAND TOUR OF SWITZERLAND 8 DAYS (EK)

ราคาเริ่มต้น 129,900 ฿ ดาวน์โหลด PDF จองทัวร์

สายการบิน: Image

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ ยอดเขากอร์เนอร์กรัท (Gornergrat) โดยรถไฟ เส้นทางจะผ่านธรรมชาติทิวทัศน์อันยิ่งใหญ่สวยงามทั้งสองข้างทางสู่ ยอดเขากอร์เนอร์กรัท ที่มีความสูงเหนือระดับน้ำทะเล 3,286 เมตร ที่นี่ท่านจะได้พบจุดที่สวยที่สุดของการชมยอดเขาต่างๆ และเป็นจุดชม ยอดเขาแมทเธอร์ฮอร์น อีกแห่งหนึ่งที่สวยงาม อิสระให้ท่านถ่ายรูปบรรยากาสที่สวยงามแห่งนี้และสนุกสนานกับกิจกรรมบนยอดเขา ถึงเวลาอันสมวรนำท่านเดินทางกลับสู่เมืองเซอร์แมทอีกครั้งโดยรถไฟ

วันที่เดินทาง

กรกฏาคม 67 – ตุลาคม 67

ทัวร์ยุโรป 
22.00 น.  คณะเดินทางพร้อมกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ชั้น 4 ประตู 9 แถว T สายการบินเอมิเรตส์ แอร์ไลน์ (EK) เจ้าหน้าที่ให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวก

01.35 น. ออกเดินทางสู่ เมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK385 ( บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่องบิน)
04.45 น. เดินทางถึง เมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แวะเปลี่ยนเครื่อง
08.30 น.  ออกเดินทางสู่ เมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK089 ( บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่องบิน)
13.15 น.  เดินทางถึง เมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ หลังผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองศุลกากรและรับกระเป๋าเดินทางเรียบร้อยแล้ว นำท่านชม เมืองเจนีวา เมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงและมีความสำคัญมากเป็นอันดับต้นๆของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ตัวเมืองนั้นตั้งอยู่บริเวณที่ทะเลสาบเจนีวาไหลเข้ารวมกับแม่น้ำโรห์น (Rhone river) โดยทะเลสาบเจนีวานั้นตั้งอยู่ทางตะวันตกของประเทศ เป็นแหล่งน้ำจืดที่ใหญ่เป็นอันดับสองของทวีปยุโรปกลาง รองจากทะเลสาบบาลาต้นในประเทศฮังการี สำหรับกรุงเจนีวา ได้รับการยกย่องว่าเป็นเมืองนานาชาติ (Global City) เนื่องจากเป็นที่ตั้งขององค์กรระหว่างชาติสำคัญๆ หลายองค์กร เช่น สำนักงานใหญ่ขององค์การสหประชาชาติประจำทวีปยุโรป, องค์การอนามัยโลก (WHO), องค์การการค้าโลก (WTO) เป็นต้น นำท่านชม น้ำพุเจดโด กลางทะเลสาบเลคเลมังค์ น้ำพุที่ได้รับการยอมรับว่าสูงและมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก และยังเป็นหนึ่งในสถานที่สำคัญที่มีชื่อเสียงที่สุดของกรุงเจนีวา โดยสามารถมองเห็นได้จากทุกจุดในเมือง น้ำพุเจดโดเป็นน้ำพุที่ได้รับการยอมรับว่าเป็น “สัญลักษณ์ของกรุงเจนีวา” โดยน้ำพุสามารถพุ่งได้สูงสุดประมาณ 140 เมตร (459 ฟุต) น้ำพุถูกติดตั้ง ในปี 1886 นักท่องเที่ยวที่มาเยือนและมีโอกาสล่องเรือมาในทะเลสาบ เจนีวามักไม่พลาดที่จะมาชมน้ำพุด้วยเช่นกัน นำท่านแวะชมและถ่ายภาพกับ นาฬิกาดอกไม้ ที่สวนอังกฤษ (Jardin Anglais) ริมทะเลสาบเจนีวา ซึ่งบ่งบอกถึงความสำคัญของอุตสาหกรรมการผลิตนาฬิกา

จากนั้นนำท่านเดินทางไปยัง เมืองโลซานน์ เป็นอีกเมืองที่ตั้งอยู่บนของทะเลสาบเจนีวา เมืองโลซานน์นับได้ว่าเป็นเมืองที่มีเสน่ห์โดยธรรมชาติมากที่สุดเมืองหนึ่งของสวิตเซอร์แลนด์มีประวัติศาสตร์อันยาวนานมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 4 ในสมัยที่ชาวโรมันมาตั้งหลักแหล่งอยู่บริเวณริมฝั่งทะเลสาบที่นี่ เนื่องจากเมืองโลซานน์ตั้งอยู่บนเนินเขาริมฝั่งทะเลสาบเลคเลมังค์ จึงมีความสวยงามโดยธรรมชาติ ทิวทัศน์ที่สวยงามและอากาศที่ปราศจากมลพิษ จึงดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้มาพักผ่อนตากอากาศที่นี่ เมืองนี้ยังเป็นเมืองที่มีความสำคัญสำหรับชาวไทยเนื่องจากเป็นเมืองที่เคยเป็นที่ประทับของสมเด็จย่า นำท่านถ่ายภาพ อาคารสำนักงานโอลิมปิกสากล ซึ่งตั้งอยู่บริเวณทะเลสาบเลคเลมังค์ จากนั้นนำท่านถ่ายภาพและเยี่ยมชม ศาลาไทย ที่รัฐบาลไทยได้ร่วมกันก่อสร้างให้เมืองโลซานน์ ในวโรกาสเฉลิมฉลองพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองราชย์ครบ 60 ปีและเชื่อมความสัมพันธ์ไทย-สวิสฯ ครบ 75 ปี

ค่ำ  บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร นำท่านเข้าสู่ที่พัก
 Movenpick Lausanne หรือเทียบเท่า

เช้า  บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองแทสช์ (Tasch) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.30 ชั่วโมง ตั้งอยู่ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เป็นประเทศขนาดเล็กที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล และตั้งอยู่ในทวีปยุโรปตะวันตก ซึ่งมีเทือกเขาแอลป์ซึ่งเป็นเทือกเขาที่ใหญ่สุดของทวีปยุโรป เลาะเลียบตามหุบเขา ชมทิวทัศน์สวยอันงดงามตลอดเส้นทาง จากนั้นนำท่านเดินทางโดยรถไฟสู่เมืองเซอร์แมท (Zermatt) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 15 นาที โดยรถไฟซึ่งเป็นเมืองที่ไม่อนุญาตให้รถยนต์วิ่งและเป็นเมืองที่ได้รับการยกย่องว่า ปลอดมลพิษที่ดีของโลกตั้งอยู่บนความสูงกว่า 1,620 เมตร ซึ่ง เป็นที่ตั้งของยอดเขาแมทเทอร์ฮอร์น ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของสวิตเซอร์แลนด์ เมืองเซอร์แมทเป็นเมืองเล็กๆ หรืออาจจะเรียกได้ว่าเป็นหมู่บ้านก็ได้ เพราะว่ามีประชากรในเมืองไม่ถึง 10,000 คน ทางตอนใต้ของสวิตติดกับชายแดนอิตาลี โดยมี Pennine Alps ซึ่งเป็นส่วนนึงของเทือกเขา Alps เป็นเส้นกั้นระหว่าง 2 ประเทศหากพูดถึง Zermatt ก็ต้องนึกถึงยอดเขาแหลมที่มีลักษณะคล้ายปีรามิด ชื่อว่า Matterhorn ที่ตั้งตระหง่านอยู่ใกล้ๆ เมือง มีความสูงถึง 4,478 เมตร สามารถมองเห็นได้จากแทบทุกมุมของเมือง ซึ่ง Matterhorn นี้ถือเป็นสัญลักษณที่สำคัญของ Zermatt
เที่ยง  บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ ยอดเขากอร์เนอร์กรัท (Gornergrat) โดยรถไฟ เส้นทางจะผ่านธรรมชาติทิวทัศน์อันยิ่งใหญ่สวยงามทั้งสองข้างทางสู่ ยอดเขากอร์เนอร์กรัท ที่มีความสูงเหนือระดับน้ำทะเล 3,286 เมตร ที่นี่ท่านจะได้พบจุดที่สวยที่สุดของการชมยอดเขาต่างๆ และเป็นจุดชม ยอดเขาแมทเธอร์ฮอร์น อีกแห่งหนึ่งที่สวยงาม อิสระให้ท่านถ่ายรูปบรรยากาสที่สวยงามแห่งนี้และสนุกสนานกับกิจกรรมบนยอดเขา ถึงเวลาอันสมวรนำท่านเดินทางกลับสู่เมืองเซอร์แมทอีกครั้งโดยรถไฟ

ค่ำ  บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร นำท่านเข้าสู่ที่พัก
 Hotel Alex Zermatt หรือเทียบเท่า (โรงแรมที่พักในเมืองเซอร์แมท)

เช้า  บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองอันเดอร์แมท (ANDERMATT) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ในระหว่างการเดินทางท่านจะได้สัมผัสกับทิวทัศน์อันงดงามของธรรมชาติทั้งทะเลสาบและเทือกเขาแอลป์ของสวิสฯตอนกลาง โดยรถไฟสายสำคัญ กลาเซียเอ็กซ์เพลส (GLACIER EXPRESS) ใช้เวลาเดินทางแบบชมทัศนียภาพประมาณ 3 ชั่วโมง เป็นรถไฟด่วนที่ช้าที่สุดเพื่อให้ผู้โดยสารได้ดื่มด่ำกับทัศนียภาพของธรรมชาติสองข้างทางที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามความสูงต่ำของภูมิประเทศผ่านทิวทัศน์อันตระการตาของหุบเขา ป่าไม้ น้ำตก ลำธาร ทุ่งหญ้า หมู่บ้านชนบท เมืองตากอากาศและหิมะอันขาวโพลน

เที่ยง  บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองอินเตอร์ลาเก้น ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ระหว่าง ทะเลสาบทูน (Tune lake) และ ทะเลสาบเบรียนซ์ (Brienz lake) อิสระช้อปปิ้งตามอัธยาศัย ท่านสามารถเลือกซื้อนาฬิกายี่ห้อดังหลากหลายที่ผลิตในสวิส ไม่ว่าจะเป็น ROLEX, OMEGA, CHOPARD, TAG HEUER, PATEK PHILIPPE, LONGINES และอื่นๆ อีกมากมาย และให้ท่านได้สัมผัสบรรยากาศและธรรมชาติแบบสวิตเซอร์แลนด์ในเมืองเล็กๆ
ค่ำ  บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร นำท่านเข้าสู่ที่พัก
 Metropole หรือเทียบเท่า

เช้า  บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองกรินเดลวาลด์ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาที เพื่อเตรียมตัวเดินทางขึ้นสู่ ยอดเขาจุงฟราว TOP OF EUROPE โดยกระช้าไฟฟ้า EIGER EXPRESS ซึ่งเป็นกระเช้าใหม่ล่าสุดที่จะพาทุกท่านขึ้นสู่ยอดเขาในเวลาเพียง 15 นาที (จากสถานี Grindelwald Terminal ไปยัง Eiger Glacier Terminal)

ซึ่งยอดเขาจุงฟราวได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโก้ให้เป็นมรดกโลกอีกของสวิตเซอร์แลนด์ ที่อยู่บนความสูงกว่าระดับน้ำทะเลกว่า 4,158 เมตร ที่มี่หิมะปกคลุมตลอดทั้งปี นำท่านชม กลาเซียร์ หรือธารน้ำแข็งขนาดใหญ่ จากนั้นสนุกสนานกับการเล่นหิมะในลานกว้าง(Plateau) หรือเลือกเดินไปยัง SPHINX ซึ่งเป็นจุดชมวิวที่สูงที่สุดในยุโรป สามารถมองเห็นได้กว้างไกลที่สุด ณ จุด 3,571 เมตร ชม ถ้ำน้ำแข็ง ที่แกะสลักให้สวยงาม อยู่ใต้ธารน้ำแข็ง 30 เมตร สัมผัสกับภาพของธารน้ำแข็ง Alestsch ที่ยาวที่สุดในเทือกเขาแอลป์ยาวถึง 22 ก.ม. และหนา 700 เมตร และไม่ควรพลาดกับการส่งโปสการ์ดโดยที่ทำการไปรษณีย์ที่สูงที่สุดในยุโรป อิสระให้ท่านได้เดินเล่นและถ่ายรูปตามอัธยาศัย
เที่ยง  บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารบนยอดเขา จากนั้นนำท่านลงจากยอดเขาจุงเฟรา และเดินทางสู่ เมืองลาเทอบรุนเน่น (LAUTERBRUNNEN) นำท่านเดินเล่นแวะถ่ายรูปกับหมู่บ้านเล็กๆในหุบเขาที่แยกเป็นสองแพร่ง เงียบสงบที่ไม่วุ่ยวาย โดยมีฉากหลังของหมู่บ้านคือน้ำตกที่มีชื่อเสียงที่สุดชื่อว่า ชเตาบ์บาค (Staubbach) น้ำตกที่มีความสูง 300 เมตร และเป็นหนึ่งในน้ำตกที่ตกลงมาแบบม้วนเดียวจบที่สูงที่สุดในยุโรป นำท่านเดินทางโดยรถโค้ชสู่สู่ กรุงเบิร์น ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง เมืองหลวงของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมืองโบราณเก่าแก่สร้างขึ้นเมื่อ 800 ปีที่แล้ว โดยมีแม่น้ำอาเร่ (Aare) ล้อมรอบตัวเมือง เสมือนเป็นป้อมปราการทางธรรมชาติไว้ 3 ด้าน คือ ทางด้านทิศเหนือ ทิศใต้ และทิศตะวันออก ส่วนทิศตะวันตกชาวเมืองได้สร้างกำแพง และสะพานข้ามที่สามารถชักขึ้นลงได้
ค่ำ  บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร นำท่านเข้าสู่ที่พัก
 Hotel Ambassador หรือเทียบเท่า

เช้า  บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม จากนั้นนำท่านเที่ยวชมสถานที่สำคัญต่างๆในกรุงเบิร์น กรุงเบิร์นได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโกให้เป็นเมืองมรดกโลก ในปี ค.ศ. 1863 นอกจากนี้เบิร์น ยังถูกจัดอันดับอยู่ใน 1 ใน 10 ของเมืองที่มีคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุดของโลกในปี ค.ศ. 2010 นำท่านชม บ่อหมีสีน้ำตาล สัตว์ที่เป็นสัญลักษณ์ของกรุงเบิร์น นำท่านชม มาร์กาสเซ ย่านเมืองเก่า ปัจจุบันเต็มไปด้วยร้านดอกไม้และบูติค เป็นย่านที่ปลอดรถยนต์ จึงเหมาะกับการเดินเที่ยวชมอาคารเก่า อายุ 200-300 ปี นำท่านลัดเลาะชม ถนนจุงเคอร์นกาสเซ ถนนที่มีระดับสูงสุดของเมืองนี้ ซึ่งเต็มไปด้วยร้านภาพวาดและร้านขายของเก่าในอาคารโบราณ ชม นาฬิกาไซ้ท์คล็อคเค่นทรัม อายุ 800 ปี ที่มีโชว์ให้ดูทุกๆชั่วโมงในการตีบอกเวลาแต่ละครั้ง หอนาฬิกานี้ ในช่วงปี ค.ศ. 1191-1256 ใช้เป็นประตูเมืองแห่งแรก ภายหลังได้ดัดแปลงไซ้ท์คล็อคเค่นทรัมให้กลายมาเป็นหอนาฬิกา พร้อมติดตั้งนาฬิกาดาราศาสตร์เข้าไป จากนั้นอิสระให้ท่านเดินเล่นและเก็บภาพตามอัธยาศัยหรือจะเลือกช้อปปิ้งซื้อสินค้าแบรนด์เนมและซื้อของที่ระลึก
เที่ยง  บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองลูเซิร์น ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง อดีตหัวเมืองโบราณของสวิสเซอร์แลนด์ เป็นดินแดนที่ได้รับสมญานามว่า หลังคาแห่งทวีปยุโรป (The roof of Europe) เพราะนอกจากจะมีเทือกเขาสูงเสียดฟ้าอย่างเทือกเขาแอลป์แล้ว ก็ยังมีภูเขาใหญ่น้อยสลับกับป่าไม้ที่แทรกตัวอยู่ตามเนินเขาและไหล่เขา สลับแซมด้วยดงดอกไม้ป่าและทุ่งหญ้าอันเขียวชอุ่ม จากนั้นนำท่านชมและแวะถ่ายรูปกับ สะพานไม้ชาเปล หรือสะพานวิหาร (Chapel bridge) ซึ่งข้ามแม่น้ำรอยซ์ เป็นสะพานไม้ที่เก่าแก่ ที่สุดในโลก มีอายุหลายร้อยปี เป็นสัญลักษณ์และประวัติศาสตร์ของเมืองลูเซิร์นเลยทีเดียว สะพานวิหารนี้เป็นสะพานที่แข็งแรงมากมุงหลังคาแบบโบราณ เชื่อมต่อไปยังป้อมแปดเหลี่ยมกลางน้ำ จั่วแต่ละช่องของสะพานจะมีภาพเขียนเรื่องราวประวัติความเป็นมาของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เป็นภาพเขียนเก่าแก่อายุกว่า 400 ปี แต่น่าเสียดายที่ปัจจุบันสะพานไม้นี้ถูกไฟไหม้เสียหายไปมาก ต้องบูรณะสร้างขึ้นใหม่เกือบหมด จากนั้นนำท่านเที่ยวชม รูปแกะสลักสิงโตบนหน้าผาหิน เป็นอนุสาวรีย์ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองที่หัวของสิงโตจะมีโล่ห์ ซึ่งมีกากบาทสัญลักษณ์ของสวิตเซอร์แลนด์อยู่ อนุสาวรีย์รูปสิงโตแห่งนี้ออกแบบและแกะสลักโดย ธอร์ วอลเส้น ใช้เวลาแกะสลักอยู่ราว 2 ปี ตั้งแต่ ค.ศ. 1819-1821 โดยสร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ทหารสวิสฯ ในด้านความกล้าหาญ ซื่อสัตย์ จงรักภักดี ที่เสียชีวิตในประเทศฝรั่งเศส ระหว่างการต่อสู้ป้องกันพระราชวังในครั้งปฏิวัติใหญ่สมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 16
ค่ำ  บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร นำท่านเข้าสู่ที่พัก
 Radisson Blu Lucerne หรือเทียบเท่า

เช้า  บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม จากนั้นนำท่านเดินทางสู่สถานีกระเช้าเพื่อเตรียมตัวเดินทางขึ้นสู่ ยอดเขาสแตนเซอร์ฮอร์น (Mt.Stanserhorn) มีความสูงที่ 1,898 เมตร(6,227 ฟุต) ระหว่างทางคุณจะได้ชมวิวแบบพาโนราม่าและให้ท่านได้สัมผัสการเดินทางโดยขึ้นกระเช้า “Cabrio” กระเช้าลอยฟ้าเปิดประทุนที่มี 2 ชั้นแห่งแรกของโลก และสามารถจุผู้โดยสารได้เกือบ 60 ท่าน โดยชั้นดาดฟ้าจะสามารถจุได้ 30 ท่าน ระยะเกือบ 2 กิโลเมตร ระหว่างทางขึ้นสู่ยอดเขาท่านจะสามารถมองเห็นวิวแบบ 360 องศา จากนั้นให้ท่านได้เพลิดเพลินกับความสวยงามของธรรมชาติและทัศนียภาพที่งดงาม

เที่ยง  บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร จากนั้นนำท่านลงจากยอดเขาและเดินทางต่อไปยัง เมืองซูริค ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง นำท่านเที่ยวชม จัตุรัสปาราเดพลาทซ์ (Paradeplatz) จัตุรัสเก่าแก่ที่มีมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 17 ในอดีตเคยเป็นศูนย์กลางของการค้าสัตว์ที่สำคัญของเมืองซูริค ปัจจุบันจัตุรัสนี้ได้กลายเป็นชุมทางรถรางที่สำคัญของเมืองและยังเป็นศูนย์กลางการค้าของย่านธุรกิจ ธนาคาร สถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุดในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ นำท่านแวะถ่ายรูปกับ โบสถ์ฟรอมุนสเตอร์ (Fraumunster Abbey) จากบนสะพานมุนสเตอร์บรูค เป็นโบสถ์ที่มีชื่อเสียงของเมืองซูริค สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 853 โดยกษัตริย์เยอรมันหลุยส์ ใช้เป็นสำนักแม่ชีที่มีกลุ่มหญิงสาวชนชั้นสูงจากทางตอนใต้ของเยอรมันอาศัยอยู่ นำท่านสู่ ถนนบาห์นโฮฟซตราสเซอ (Bahnhofstrasse) เป็นถนนอันลือชื่อที่มีความยาวประมาณ 1.4 กิโลเมตร เป็นถนนที่เป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติ ว่าเป็นถนนช้อปปิ้งที่มีสินค้าราคาแพงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ตลอดสองข้างทางล้วนแล้วแต่เป็นที่ตั้งของห้างสรรพสินค้า ร้านค้าอัญมณี ร้านเครื่องประดับ ร้านนาฬิกาและโรงแรมระดับหรู อิสระให้ท่านเดินเล่นและเลือกซื้อสินค้าตามอัธยาศัย ได้เวลาอันสมควรนำท่านสู่สนามบิน
22.15 น. ออกเดินทางสู่ เมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK086 ( บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่องบิน)
06.25 น. เดินทางถึง เมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แวะเปลี่ยนเครื่อง
09.40 น. ออกเดินทางสู่ สนามบินสุวรรณภูมิ ประเทศไทย โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK 372 ( บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่องบิน)
19.15 น.  เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ ประเทศไทย โดยสวัสดิภาพพร้อมความประทับใจ

ทัวร์ยุโรป