1717663367

ทัวร์ยุโรป อัศจรรย์..วันเดอร์ ฝรั่งเศส สวิตเซอร์แลนด์ อิตาลี 9 วัน 6 คืน (EK)

ราคาเริ่มต้น 95,900 ฿ ดาวน์โหลด PDF จองทัวร์

สายการบิน: Image

นำท่านเดินทางสู่เมืองดิจอง Dijon ประเทศฝรั่งเศส อดีตเมืองหลวงแห่งแคว้นเบอร์กันดี ผ่านทุ่งราบอันกว้างใหญ่แหล่งผลิตมัสตาร์ดชื่อดัง อีกทั้งยังมีชื่อเสียงในการผลิตไวน์ชั้นเลิศอีกด้วย (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง) ผ่านชมอาคารบ้านเรือนสมัยเรเนสซองส์ โบสถ์และวิหารเก่าแก่ในสมัยยุคกลาง ซึ่งมีจุดเด่นคือ การมุงหลังคาด้วยกระเบื้องสีแดงสดจัดเรียงเป็นลวดลายงดงาม

วันที่เดินทาง

กันยายน 67 – ธันวาคม 67

ทัวร์ยุโรป
วันที่หนึ่ง สนามบินสุวรรณภูมิ
18.30 น. คณะพร้อมกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ ชั้น 4 บริเวณประตูทางเข้าหมายเลข 8 สายการบิน Emirates ROW T เจ้าหน้าที่คอยต้อนรับและอำนวยความสะดวก
*กำหนดการเดินทาง เดือน พ.ย.เป็นต้นไป เวลานัดหมายที่สนามบินสุวรรณภูมิจะเปลี่ยนเป็นเวลา 17.30 น.*
21.25 น. ออกเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิ โดยสายการบิน Emirates เที่ยวบินที่ EK373
*กำหนดการเดินทาง เดือน พ.ย.เป็นต้นไป เที่ยวบินที่ EK373 จะเดินทางออกจากสนามบินสุวรรณภูมิเวลา 20.35 น.*

วันที่สอง สนามบินดูไบ (สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) – สนามบินชาร์ลเดอโกลล์ – ปารีส – ประตูชัย – หอไอเฟล – ล่องเรือแม่น้ำแซน – พิพิธภัณฑ์ลูฟท์ – ร้านค้าปลอดภาษี – ห้างลา ซามาริแตง (ฝรั่งเศส)
00.50 น. เดินทางถึงสนามบินดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จากนั้นให้ท่านรอเปลี่ยนเครื่อง
04.05 น. ออกเดินทางจามสนามบินดูไบ โดยสายการบิน Emirates เที่ยวบินที่ EK071
*กำหนดการเดินทาง เดือน พ.ย.เป็นต้นไป เที่ยวบินที่ EK071 จะเดินทางออกจากสนามบินดูไบเวลา 03.20 น.*
09.25 น.
ถึง สนามบินถึงท่าอากาศยานชาร์ล เดอ โกลด์ ประเทศฝรั่งเศส นำท่านผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าประเทศไทย 5 ชั๋วโมง)
*กำหนดการเดินทาง เดือน พ.ย.เป็นต้นไป จะเดินทางถึงสนามบินชาร์ลเดอโกลล์เวลา 08.00 น.*
นำท่านเดินทางสู่มหานครปารีส Paris เมืองหลวงของประเทศฝรั่งเศส เมืองที่มีมนต์เสน่ห์อันเหลือล้น ติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลกที่นักท่องเที่ยวอยากมาเยือนมากที่สุด ปัจจุบันกรุงปารีสเป็นหนึ่งในศูนย์กลางทางเศรษฐกิจแลวัฒนธรรมที่ล้ำสมัยแห่งหนึ่งของโลก ที่ทรงด้วยอิทธิพลของการเมือง การศึกษา บันเทิง สื่อ แฟชั่น วิทยาศาสตร์และศิลปะ ทำให้กรุงปารีสเป็นหนึ่งในเมืองที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก นำเที่ยวชมความงดงามของมหานครปารีส ผ่านชมความสวยงามของแม่น้ำแซนน์ที่ตัดผ่านใจกลางกรุงปารีส ข้ามสะพานสู่ เกาะเดอ ลา ซิเต้ กลางแม่น้ำแซน ผ่านลานประวัติศาสตร์จัตุรัสคองคอร์ด (Place de la Concorde) ที่พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 และพระนางมารีอังตัวเนต ถูกตัดสินประหารชีวิตโดยกิโยตินในสมัยปฏิวัติฝรั่งเศส แล้วผ่านเข้าสู่ถนนสายโรแมนติก ชองป์เอลิเซ่ (Champs Elysees) ซึ่งทอดยาวจากจัตุรัสคองคอร์ดตรงสู่ประตูชัยนโปเลียน นำชมและถ่ายรูปคู่กับประตูชัยนโปเลียน (Arc de Triomphe) สัญลักษณ์แห่งชัยชนะของจักรพรรดินโปเลียนในศึก เอาส์เตอร์ลิทซ์ในปี1805 โดยเริ่มสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1806 แต่มาแล้วเสร็จในปี ค.ศ.1836 แล้วจากนั้นนำถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกับหอไอเฟล (Tour Eiffel) สัญลักษณ์ที่โดดเด่นสูงตระหง่านคู่นครปารีสด้วยความสูงถึง 1,051 ฟุต ซึ่งสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1889 ที่บริเวณจัตุรัสทรอคคาเดโร่

กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารจีน
บ่าย นำท่านเดินทางสู่ท่าเรือ พาท่าน ล่องเรือแม่น้ำแซน ไปตามแม่น้ำแซน แม่น้ำสายหลักที่ไหลผ่านใจกลางกรุงปารีส ชมความสวยงามของสถาปัตยกรรมอันคลาสสิคของอาคารต่างๆ ตลอดสองฝั่งแม่น้ำนับว่าเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่น่าประทับใจโดยเรือจะล่องผ่านมหาวิหารนอเตรอดามแห่งปารีส (Notre-dame de Paris) อายุกว่า 800 ปี เป็นมหาวิหารสถาปัตยกรรมสไตล์โกธิคที่งามเลิศ โดดเด่นด้วยหอคอยคู่หน้าทรงเหลี่ยมและยอดปลายแหลมบนหลังคาวิหารสูงจากระดับพื้นดินถึง 96 เมตร เป็นสถานที่ประกอบพิธีอภิเษกสมรสระหว่างพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 กับพระนางมารี อังตัวแนตต์ และยังเป็นจุดกิโลเมตรที่ศูนย์ของประเทศฝรั่งเศสอีกด้วย

นำท่านถ่ายรูปคู่กับพิพิธภัณฑ์ลูฟท์ Louvre Museum พิพิธภัณฑ์เก่าแก่ทางศิลปะที่มีชื่อเสียงและยังมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ในอดีตที่นี่เคยเป็นพระราชวังหลวงของราชวงศ์กาเปเซียง ซึ่งปัจจุบันได้เปลี่ยนเป็นที่จัดแสดงผลงานกว่า 35,000 ชิ้น ในพื้นที่กว่า 60,600 ตารางเมตร และมีผู้เข้าเยี่ยมชมมากถึง 9.7 ล้านคนต่อปี และที่นี่ยังเป็นที่จัดแสดงของภาพวาดที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก ภาพโมนาลิซาของเลโอนาร์โด ดาวินชี ศิลปินผู้มีชื่อเสียงชาวอิตาลีอีกด้วย และพานท่านตามรอยซีรี่ย์ดังEmily in Paris ที่ Palais Royal อีกหนึ่งแลนด์มาร์กจุดถ่ายรูปที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูปแท่งสีดำสลับขาวที่ไล่ระดับความสูงโดยนักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปนั่งหรือยืนถ่ายรูปได้ และให้ท่านเลือกซื้อสินค้าแบรนด์เนมได้ที่ร้านค้าปลอดภาษี Paris Look จากนั้น
พาท่านสัมผัสกับบรรยากาศที่เต็มไปด้วยนักช้อปปิ้ง

นำท่านเข้าสู่ห้างสรรพสินค้าที่เก่าแก่แห่งหนึ่งของโลกอย่าง ลา ซามาริแตง La Samaritaine ที่ก่อตั้งในปี 1870 โดย Ernest Cognacq และ Marie-Louise Jaÿ โดยสถาปนิกผู้ออกแบบคือ Frantz Jourdain โดยเป็นอาคารเก่าแก่คลาสสิกที่ถูกขึ้นทะเบียน Monument Historique ให้เป็นโบราณสถานทางประวัติศาสตร์ของฝรั่งเศสในปี ค.ศ.1990 พบกับความหรูหร่าโดดเด่นทั้งภายนอก และ ภายในอาคารของห้างด้วยศิลปะหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่ภาพวาดฝาผนัง , แผงประดับอาคารที่แสนวิจิตร มีเสน่ห์เฉพาะตัว มีการผสมผสานระหว่างศิลปะอาร์ตนูโว (Art Nouveau) กับอาร์ตเดโค (Art Déco) ได้อย่างลงตัว และภายในอาคารยังมีโครงสร้างเหล็กอันมีเอกลักษณ์ที่ถอดแบบลักษณะมาจากหอไอเฟล ซึ่งห้างได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการอีกครั้งเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2021 ที่ผ่านมา และกลายเป็นห้างสรรพสินค้าแห่งใหม่ ที่เน้นย้ำถึงเสน่ห์ของปารีส มีร้านค้าระดับพรีเมียม อาหาร และงานศิลปะ รวมแล้วกว่า 600 แบรนด์ มีนิทรรศการที่จะสลับหมุนเวียนให้ได้ชมตลอด
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารพื้นเมือง ด้วยเมนูหอยเอสคาร์โก เมนูยอดนิยมชาวฝรั่งเศส
ที่พัก นำท่านเข้าสู่ที่พัก Mercure Paris La Defense หรือระดับเทียบเท่า

วันที่สาม ปารีส – พระราชวังแวร์ซายส์ – ดิจอง (ฝรั่งเศส)
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่เมืองแวร์ซายส์ (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาที) เพื่อนำเข้าชมความงดงามของพระราชวังแวร์ซายส์ Versailles Palace อันยิ่งใหญ่ (มีไกด์ท้องถิ่นบรรยายในพระราชวัง) ที่สร้างขึ้นตามพระราชประสงค์ของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ภายในตกแต่งอย่างวิจิตรอลังการ ทั้งจิตรกรรมฝาผนัง รูปปั้น รูปแกะสลักและเครื่องเรือน ซึ่งเป็นการใช้เงินอย่างมหาศาล พาท่านชมห้องต่างๆของพระราชวัง เช่น โบสถ์หลวงประจำพระราชวัง, ท้องพระโรงที่ตกแต่งอย่างวิจิตรบรรจง, ห้องอพอลโล, ห้องเมอคิวรี่, ห้องกระจก Hall of Mirror ที่มีความยาวถึง 73 เมตร ซึ่งเป็น
ห้องที่พระยาโกษาธิบดี (ปาน) ราชทูตไทยสมัยพระนารายณ์มหาราชเคยเข้าถวายสาส์นต่อพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส อีกทั้งยังเป็นห้องที่ใช้สำหรับจัดงานเลี้ยงและ เต้นรำของพระนางมารี อังตัวแนตต์ มเหสีของพระเจ้าหลุยส์ที่ 16, ชมห้องบรรทมพระราชินีที่ตกแต่งอย่างงดงาม, ภาพ
เขียนปราบดาภิเษกของจักรพรรดินโปเลียนที่ยิ่งใหญ่

กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารจีน
บ่าย นำท่านเดินทางสู่เมืองดิจอง Dijon ประเทศฝรั่งเศส อดีตเมืองหลวงแห่งแคว้นเบอร์กันดี ผ่านทุ่งราบอันกว้างใหญ่แหล่งผลิตมัสตาร์ดชื่อดัง อีกทั้งยังมีชื่อเสียงในการผลิตไวน์ชั้นเลิศอีกด้วย (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง) ผ่านชมอาคารบ้านเรือนสมัยเรเนสซองส์ โบสถ์และวิหารเก่าแก่ในสมัยยุคกลาง ซึ่งมีจุดเด่นคือ การมุงหลังคาด้วยกระเบื้องสีแดงสดจัดเรียงเป็นลวดลายงดงาม

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารพื้นเมือง
ที่พัก นำท่านเข้าสู่ที่พัก Holiday Inn Dijon Sud – Longvic หรือระดับเทียบเท่า

วันที่สี่ ดิจอง (ฝรั่งเศส) – ลูเซิร์น – อินเทอร์ลาเก้น (สวิตเซอร์แลนด์)
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำท่านเดินทางข้าพรมแดนเข้าสู่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยเดินทางเข้าสู่เมืองลูเซิร์น Lucerne เมืองท่องเที่ยวยอดนิยมอันดับหนึ่งของสวิตเซอร์แลนด์ ที่ถูกห้อมล้อมไปด้วยทะเลสาบและขุน
เขา (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4.30 ชั่วโมง)
นำท่านชมสิงโตหินแกะสลัก Dying Lion of Lucerne ที่แกะสลักบนผาหินธรรมชาติ เพื่อเป็นอนุสรณ์รำลึกถึงการสละชีพอย่างกล้าหาญของทหารสวิส ที่เกิดจากการปฏิวัติในฝรั่งเศสเมื่อปี ค.ศ.1792 ชมสะพานไม้ชาเปล Chapel Bridge ซึ่งมีความยาวถึง 204 เมตร ทอดข้ามผ่านแม่น้ำรอยส์ Reuss River อันงดงามซึ่งเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของเมืองลูเซิร์น เป็นสะพานไม้ที่มีหลังคาที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรป สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1333 โดยใต้หลังคาคลุมสะพานมีภาพวาดประวัติศาสตร์
ของชาวสวิส ตลอดแนวสะพานแบบสมัยใหม่ มีถนนเลียบไปตามเนินเขาตลอดระยะทาง จากนั้นให้ท่านได้อิสระเลือกซื้อสินค้าของสวิส เช่น ช็อคโก แลต, เครื่องหนัง, มีดพับ, นาฬิกายี่ห้อดัง อาทิเช่น Rolex, Omega, Tag Heuer เป็นต้น
กลางวัน อิสระรับประทานอาหารกลางวันตามอัธยาศัยภายในเขตเมืองลูเซิร์น

บ่าย นำท่านเดินทางสู่เมืองอินเทอร์ลาเก้น Interlaken เมืองที่ตั้งอยู่ระหว่างทะเลสาบทูน Lake Thun และทะเลสาบเบรียนซ์ Lake Brienz (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.15 ชั่วโมง) อิสระให้ท่านได้สัมผัสบรรยากาศและธรรมชาติแบบสวิตเซอร์แลนด์ในเมืองเล็กๆ และพลาดไม่ได้กับการเลือกชมสินค้าจากร้านเคียร์ชโฮฟเฟอร์ Kirchhofer หนึ่งในสุดยอดร้านนาฬิกาและเครื่องประดับในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ มีสาขามากมาย โดยมีสาขาใหญ่ คือ เคียร์ชโฮฟเฟอร์ คาสิโน แกลเลอรี มีนาฬิกาสวิสมากกว่า 70 แบรนด์ในที่ที่เดียว อาทิ Breguet, Cartier, Piaget, Blancpain, Chopard, IWC, Parmigiani, Franck Muller, Hublot, Tag Heuer, Hermes, Rado, Gucci, Tissot, Bvlgari, Montblanc, Omega, Chanel, Seven Friday, Mido ฯลฯ รวมทั้ง Rolex (pre owned) พร้อมเครื่องประดับสุดพิเศษหลากหลายแบบ และยังเป็นศูนย์กลางเครื่องสำอางสวิสขั้นสูง, ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว รวมทั้งน้ำหอมชื่อดัง อาทิ La Prairie, Cellcosmet, Volmont, Chanel, La mer, Estee Lauder, Jo Malone ฯลฯ และอีกหลายแบรนด์ดังจากทั่วโลก รวมถึงมีจำหน่ายเครื่องหนังแบรนด์ดัง มีของที่ระลึกต่างๆ จากสวิตเซอร์แลนด์ เช่น ตุ๊กตา, มีดพับ Victorinox รวมทั้งมี Cartier boutique, Breguet & Blancpain, Swiss luxury beauty ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองอินเทอร์ลาเก้น

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารพื้นเมืองพร้อมด้วยเมนูฟองดูชีส เมนูเอกลักษณ์แบบสวิส

ที่พัก นำท่านเข้าสู่ที่พัก Stella Swiss Quality Interlaken หรือระดับเทียบเท่า

วันที่ห้า อินเทอร์ลาเก้น – กระเช้าไอเกอร์เอ๊กซ์เพรส ยอดเขาจุงเฟรา – เลาเทอร์บรุนเน่น (สวิตเซอร์แลนด์) – มิลาน (อิตาลี)
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ เมืองกรินเดลวาลด์ Grindelwald เมืองตากอากาศที่สวยงาม และเดินทางสู่กรินเดลงาลด์เทอร์มินิล เพื่อนำท่านขึ้นกระเช้าEiger Express กระเช้าลอยฟ้าตัวใหม่ที่เปิดอย่างเป็นทางการในปี ค.ศ.2020 ที่ผ่านมา โดยใช้เวลาเพีบง 15 นาที สู่สถานี Eigergletscher จากนั้นเปลี่ยนต่อด้วยรถไฟเพื่อขึ้นสู่สถานีรถไฟจุงเฟรายอร์ค Jungfraujoch สถานีรถไฟที่อยู่สูงที่สุด จนได้ฉายาว่าเป็น Top of Europe ระหว่างเส้นทางขึ้นสู่ยอดเขาท่านจะได้ผ่านชมธารน้ำแข็งที่มีขนาดใหญ่ โดยเมื่อปี คศ.2001 องค์การยูเนสโกประกาศให้ยอดเขาจุงเฟรา เป็นพื้นที่มรดกโลกทางธรรมชาติแห่งแรกของยุโรป มีความสูงกว่าระดับน้ำทะเลถึง 11,333 ฟุตหรือ 3,454 เมตร เข้าชมถ้ำน้ำแข็ง Ice Palace ที่แกะสลักให้สวยงาม อยู่ใต้ธารน้ำแข็งลึกถึง 30 เมตร อิสระให้ท่านได้สนุกสนานกับการถ่ายรูปกับประติมากรรมน้ำแข็ง เล่นหิมะบนยอดเขาและเพลิดเพลินกับกิจกรรมบนยอดเขา และที่ไม่ควรพลาดกับการส่งโปสการ์ดโดยที่ทำการไปรษณีย์ที่สูงที่สุดในยุโรป

กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารบนยอดเขา
บ่าย นำท่านเดินทางลงจากยอดเขาจุงเฟราโดยรถไฟคลาสสิคสู่ เลาเทอร์บรุนเน่น Lauterbrunnen พร้อมชมทัศนียภาพของน้ำตกชเตาบ์บาค Schtaubbach แทรกผ่านหน้าผาเป็นริ้วสไว ที่มีความสูงกว่า 300 เมตร ลงสู่เบื้องหลังบ้านเรือนสลับทุ่งหญ้า เรียกได้ว่าทัศนียภาพงดงามแบบสุดๆ
รถโค้ชรอรับท่าน นำท่านเดินทางสู่ตัวเมืองมิลาน Milan เมืองที่เรียกได้ว่า เป็นเมืองหลวงแห่งแฟชั่นของโลก (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4.30 ชั่วโมง)
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารจีน
ที่พัก นำท่านเข้าสู่ที่พัก UNAHOTELS Expo Fiera Milano หรือระดับเทียบเท่า

วันที่หก มิลาน – เกาะเวนิส – เวนิสเมสเทร่ (อิตาลี)
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านถ่ายรูปกับ มหาวิหารแห่งเมืองมิลาน Duomo di Milano ที่สร้างด้วยศิลปะแบบนีโอโกธิค ที่ผสมผสานกันเป็นสถาปัตยกรรมแบบตะวันตก สมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาการ ชมแกลเลอรี วิคเตอร์ เอ็มมานูเอล Galleria Vittorio Emanuele II ที่นับว่าเป็นชอปปิงมอลล์ที่สวยงาม หรูหราและเก่าแก่ที่สุดในเมืองมิลาน อนุสาวรีย์ ของกษัตริย์วิคเตอร์ เอ็มมานูเอลที่ 2 ผู้ริเริ่มการรวมชาติหัวเมืองต่างๆ ในอิตาลี และอนุสาวรีย์ของศิลปินชื่อดังในยุคเรเนซองส์อีก 1 ท่าน คือ ลิโอนาร์โด ดาร์วินซี่ ที่อยู่ในบริเวณด้านหน้าของโรงละครสกาล่า

สมควรแก่เวลานำท่านเดินทางสู่เมืองเวนิส Venice Mestre ฝั่งแผ่นดินใหญ่ เมืองหลวงของแคว้นเวเนโต เวนิสถูกสร้างขึ้นจากการเชื่อมเกาะเล็ก ๆ จำนวนมากเข้าด้วยกันในบริเวณทะเลสาบเวนิเทีย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทะเลอาเดรียตริก เป็นเมืองท่าโบราณและเป็นเมืองที่ใช้คลองในการคมนาคมมากที่สุด (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง)
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารจีน

บ่าย นำท่านเดินทางสู่ท่าเรือตรอนเคตโต้ Tronchetto นำท่านล่องเรือผ่านชมบ้านเรือนของชาวเวนิส สู่เกาะเวนิส หรือ เวเนเซีย Venezia ดินแดนแสนโรแมนติก เป็นเมืองที่ไม่เหมือนใคร โดยใช้เรือแทนรถ ใช้คลองแทนถนน มีสมญานามว่าเป็น “ราชินีแห่งทะเลเอเดรียติก” มีเกาะน้อยใหญ่กว่า 118 เกาะ และมีสะพานเชื่อมถึงกันกว่า 400 แห่ง ขึ้นฝั่งที่บริเวณซานมาร์โค ศูนย์กลางของเกาะเวนิส จากนั้นนำท่านเดินชมความงามของเกาะเวนิส ชมสะพานถอนหายใจ Bridge of Sighs ที่มีเรื่องราวน่าสนใจในอดีต เมื่อนักโทษที่เดินออกจากห้องพิพากษาไปสู่คุกจะได้มีโอกาสเห็นแสงสว่างและโลกภายนอกเป็นครั้งสุดท้ายระหว่างเดินผ่านช่องหน้าต่างที่สะพานนี้ ซึ่งเชื่อมต่อกับวังดอดจ์ Doge’s Palace อันเป็นสถานที่พำนักของเจ้าผู้ครองนครเวนิสในอดีต ซึ่งนักโทษชื่อดังที่เคยเดินผ่านสะพานนี้มาเเล้วคือ คาสโนว่านั่นเอง นำท่านถ่ายรูปบริเวณจัตุรัสซานมาร์โค St. Mark’s Square ที่นโปเลียนเคยกล่าวไว้ว่า “เป็นห้องนั่งเล่นที่สวยที่สุดในยุโรป” จัตุรัสถูกล้อมรอบด้วยอาเขตอันงดงาม รวมทั้งโบสถ์ซานมาร์โค St. Mark’s Basilica ที่มีโดมใหญ่ 5 โดม ตามแบบศิลปะไบแซนไทน์ จากนั้นอิสระให้ท่านได้มีเวลาเที่ยวชมเกาะอันแสนโรแมนติก เช่น เพื่อชมมนต์เสน่ห์แห่งนครเวนิส, เข้าชมโบสถ์ซานมาร์โค, ช้อปปิ้งสินค้าของที่ระลึก อาทิเช่น เครื่องแก้วมูราโน่, หน้ากากเวนิส หรือนั่งจิบกาแฟในร้าน Café Florian ที่เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1720 สมควรแก่เวลานำท่านเดินทางล่องเรือกลับสู่ฝั่งแผ่นดินใหญ่ Venice Mestre
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารพื้นเมือง ด้วยเมนูสปาร์เก็ตตี้หมึกดำ
เมนูยอดนิยมของชาวเวนิส
ที่พัก นำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก Crowne Plaza Venice East หรือเทียบเท่า

วันที่เจ็ด เวนิสเมสเทร่ – ปิซ่า – โรม (อิตาลี)
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่เมืองปิซ่า Pisa เมืองแห่งศิลปะที่สำคัญของอิตาลี เมืองเล็กๆ ทางตะวันตกของเมืองฟลอเรนซ์ ด้านตะวันตกของเมืองติดกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน แม้ว่าจะเป็นเมืองเล็กๆ แต่ Pisa เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวทั่วโลก (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง)
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารจีน
บ่าย นำท่านเข้าสู่บริเวณจัตุรัสกัมโป เดย์ มีราโกลี Campo Dei Miracoli ที่ประกอบด้วยกลุ่มอาคารสถาปัตยกรรมแบบโรมาเนสก์ โดยเริ่มจากหอพิธีเจิมน้ำมนต์ Baptistry of St. John ที่ใหญ่ที่สุดในอิตาลี, มหาวิหารดูโอโม Duomo ที่งดงามและหอเอนแห่งเมืองปิซ่าอันเลื่องชื่อ ชมหอเอนปิซ่า Leaning Tower of Pisa สัญลักษณ์แห่งเมืองปิซ่า 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลาง เริ่มสร้างเมื่อปี ค.ศ.1173 ใช้เวลาสร้างประมาณ 175 ปี แต่ระหว่างการก่อสร้างต้องหยุดชะงักลงไปเมื่อสร้างไปได้ถึงชั้น 3 ก็เกิดการยุบตัวของฐานขึ้นมา และต่อมาก็มีการสร้างหอต่อเติมขึ้นอีกจนแล้วเสร็จ โดยใช้เวลาสร้างทั้งหมดถึง 177 ปี โดยที่หอเอนปิซ่านี้ กาลิเลโอ บิดาแห่งวิทยาศาสตร์ ซึ่งเป็นชาวอิตาเลี่ยนได้ใช้เป็นสถานที่ทดลองทฤษฎีแรงโน้มถ่วงของโลกที่ว่า สิ่งของสองชิ้น น้ำหนักไม่เท่ากัน ถ้าปล่อยสิ่งของทั้งสองชิ้นจากที่สูงพร้อมกัน ก็จะตกถึงพื้นพร้อมกัน จากนั้นให้ท่านอิสระให้ท่านได้เลือกซื้อสินค้าที่ระลึกราคาถูก ที่มีร้านค้าเรียงรายอยู่มากมาย

สมควรแก่เวลานำท่านเดินทางสู่กรุงโรม Rome เมืองหลวงและเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของประเทศอิตาลี (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชั่วโมง)
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตคารพื้นเมือง พร้อมด้วยเมนูพิซซ่าในสไตล์อิตาเลี่ยน
ที่พัก นำท่านเข้าสู่ที่พัก Hampton by Hilton Rome Nord หรือระดับเทียบเท่า

วันที่แปด โรม – นครรัฐวาติกัน – มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ – โคลอสเซี่ยม – น้ำพุเทรวี่ – ย่านบันไดสเปน – สนามบินฟูมิชิโน (อิตาลี)
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเดินทางเข้าสู่เขตของ นครรัฐวาติกัน Vatican ประเทศที่เล็กที่สุดในโลกตั้งอยู่ใจกลางกรุงโรม ประเทศเดียวในโลกที่มีกำแพงล้อมรอบเมืองเอาไว้ได้ทั้งหมด ยกเว้นด้านหน้าทางเข้า และเป็นศูนย์กลางของศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกโดยมีพระสันตะปาปา มีอำนาจปกครองสูงสุด นำเข้าชมมหาวิหารที่ใหญ่ที่สุดในโลกมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ St. Peter’s Basilica ที่มีประติมากรรมก้องโลก พระแม่ปิเอต้า Pieta รูปปั้นพระแม่มารีทรงโอบอุ้มพระเยซูหลังจากสิ้นพระชนม์ ซึ่งทำจากหินอ่อนเพียงก้อนเดียวโดยใช้เวลายาวนานกว่า 7 ปีในการแสะสลัก
ให้ท่านถ่ายรูปบริเวณด้านหน้า จัตุรัสเซ้นต์ปีเตอร์ St. Peter Square ที่ได้รับการออกแบบโดย จาน ลอเรนโซ เบอร์นินี ประติมากรที่ได้ฉายาว่าสามารถเสกหินอ่อนให้หายใจได้ จัตุรัสแห่งนี้สามารถจุผู้คนได้ถึง 60,000 คน ส่วนกลางมีเสาหินโอเบลิสก์หินแกรนิตแดงสูง 25.5 เมตรจากประเทศอิยิปต์ ซึ่งเป็นการแสดงแสนยานุภาพของโรมันที่มีต่อประเทศต่างๆ ในยุโรปและแถบเมดิเตอร์เรเนียนในขณะนั้น (กรณีมีพิธีการด้านในจะได้ไม่ได้รับการอนุญาตให้เข้าชม)

นำชมความยิ่งใหญ่ในอดีตและเก็บภาพสวยบริเวณรอบนอกของสถานสร้างความบันเทิงของชาวโรมันมาแต่สมัยโบราณโคลอสเซี่ยม Colosseum 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณ อดีตสนามประลองการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ของชาวโรมันที่สามารถจุผู้ชมได้ถึง 50,000 คน และผ่านชมกลุ่มโรมันฟอรัม Roman Forum อดีตศูนย์กลางทางด้านการเมือง ศาสนา และเศรษฐกิจของอาณาจักรโรมัน ที่สะท้อนให้เห็นความเจริญรุ่งเรืองของอารยะธรรมโรมันในช่วง 2,000 ปีที่ผ่านมา

กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารจีน
บ่าย นำท่านเดินชมงานประติมากรรมของเทพนิยายกรีกและโยนเหรียญอธิษฐานบริเวณน้ำพุเทรวี่ Trevi Fountain สัญลักษณ์ของกรุงโรมที่โด่งดังจากภาพยนตร์เรื่อง สามรักในกรุงโรม และให้ท่านถ่ายรูปบริเวณย่านบันไดสเปน The Spanish Step บันไดที่กว้างที่สุดในยุโรป เชื่อมจัตุรัสสปังนาและโบสถ์ทรินิตี้ และยังเป็นแหล่งแฟชั่นชั้นนำสุดหรูรวมถึงแหล่งนัดพบชาวเมือง ให้ท่านอิสระเลือกซื้อสินค้าแบรนด์เนมหลากหลาย อาทิ Gucci, Prada, Louis Vuitton, Longchamp, Chanel, DIOR, Balenciaga เป็นต้น
17.00 น. สมควรแก่เวลานัดหมายนำเดินทางสู่สนามบินฟูมิชิโน เพื่อให้ท่านมีเวลาในการทำการคืนภาษี Tax Refund และมีเวลาในการเลือกซื้อสินค้าในร้านค้าปลอดภาษีภายในสนามบิน
22.10 น. ออกเดินทางจากสนามบินฟูมิชิโน โดยสายการบิน Emirates เที่ยวบินที่ EK096
*กำหนดการเดินทาง เดือน พ.ย.เป็นต้นไป เที่ยวบินที่ EK096 จะเดินทางออกจากสนามบินฟูมิชิโนเวลา 20.50 น.*

วันที่เก้า สนามบินดูไบ (สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) – สนามบินสุวรรณภูมิ
05.50 น. เดินทางถึงสนามบินดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ให้ท่านรอเปลี่ยนเครื่อง
*กำหนดการเดินทาง เดือน พ.ย.เป็นต้นไป เดินทางถึงสนามบินดูไบเวลา 05.30 น.*
09.40 น. ออกเดินทางจากสนามบินดูไบ โดยสายการบิน Emirates เที่ยวบินที่ EK372
*กำหนดการเดินทาง 5-13 ต.ค.67 / 12-20 ต.ค.67 เที่ยวบินจากดูไบ จะเปลี่ยนเป็น EK370 เดินทางออกจากสนามบินดูไบเวลา 09.00 น.*
*กำหนดการเดินทาง 30 พ.ย.-8 ธ.ค.67 / 8-16 ธ.ค.67 / 28 ธ.ค.67-5 ม.ค.68 เที่ยวบินจะเปลี่ยนเป็น EK370 จะเดินทางออกจากสนามบินดูไบเวลา 08.55 น.*
19.15 น. เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพ.
*กำหนดการเดินทาง 5-13 ต.ค. / 12-20 ต.ค.67 EK370 จะเดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิเวลา 18.25 น.*
*กำหนดการเดินทาง 30 พ.ย.-8 ธ.ค.67 / 8-16 ธ.ค.67 / 28 ธ.ค.67-5 ม.ค.68 EK370 เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิเวลา 18.05 น.*

ทัวร์ยุโรป