1719885696

ทัวร์ยุโรป ข้ามคืนบนเขา ดูดาวบนพิลาตุส ออสเตรีย – เยอรมนี – สวิตเซอร์แลนด์ 7 วัน 4 คืน (EK)

ราคาเริ่มต้น 69,900 ฿ ดาวน์โหลด PDF จองทัวร์

สายการบิน: Image

หลังจากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองซิกมาริงเก้น (Sigmaringen) เมืองในรัฐบาเดิน-เวือร์ทเทิมแบร์ค ทางภาคใต้ของประเทศเยอรมนี ตั้งอยู่ในหุบเขาขนาดเล็กซึ่งมีแม่น้ำดานูบไหลผ่าน นำท่านถ่ายรูปคู่กับ ปราสาทซิกมาริงเก้น (Sigmaringen Castle) ตั้งอยู่บนเนินเขาใจกลางเมือง สัญลักษณ์ของเมืองซิกมาริงเก้น โดยปราสาทแห่งนี้เป็นปราสาทที่ใหญ่เป็นอันดับสองของเยอรมนี เป็นอนุสาวรีย์ทางวัฒนธรรมที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 1,000 ปี จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองทิทิเซ่ (Titisee) เมืองริมทะเลสาปที่ตั้งอยู่ในเขตป่าดำ (Black Forest) ให้ท่านได้อิสระชมความงามของบ้านเรือน ชมทัศนียภาพของทะเลสาบที่มีฉากหลังเป็นป่าสนอยู่บนภูเขา ที่เรียกว่า แบล็กฟอเรสต์ สถานที่อันเป็นต้นกำเนิดนาฬิกากุ๊กกู ให้ท่านได้มีโอกาสชิมเค้กแบล็กฟอเรสอันขึ้นชื่อ ณ เมืองต้นตำรับตามอัธยาศัย และเพลิดเพลินกับการเลือกซื้อสินค้าที่ระลึก

วันที่เดินทาง

4 ธ.ค. 67 – 10 ธ.ค. 67, 29 ธ.ค. 67 – 4 ม.ค. 68

ทัวร์ยุโรป

วันที่หนึ่ง กรุงเทพฯ
23.00 น. คณะพร้อมกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ ประตู 8 เคาน์เตอร์ T สายการบินเอมิเรตส์(Emirates)โดยมีเจ้าหน้าที่คอยต้อนรับและอำนวยความสะดวก
วันที่สอง ดูไบ – เวียนนา – ถนนคาร์ทเนอร์
02.00 น. ออกเดินทางสู่กรุงดูไบ โดยสายการบินเอมิเรตส์ (Emirates) เที่ยวบินที่ EK371
06.00 น. เดินทางถึงสนามบินดูไบ รอเปลี่ยนเครื่อง
08.55 น. ออกเดินทางสู่กรุงเวียนนา โดยสายการบินเอมิเรตส์ (Emirates) เที่ยวบินที่ EK127
12.25 น. เดินทางถึง สนามบินเวทชาท กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าประเทศไทย 5 ชั่วโมง) หลังจากนั้นผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมือง เดินทางสู่กรุงเวียนนา (Vienna) เมืองหลวงของประเทศออสเตรีย นำท่านนั่งรถชมถนนสายวงแหวน (Ringstrasse) ที่แวดล้อมไปด้วยอาคารอันงดงามสถาปัตยกรรมเก่าแก่ ผ่านชมโรงละครโอเปร่า ที่สร้างขึ้นในระหว่างปี ค.ศ.1863-1869 แต่ตัวอาคารได้ถูกทำลายไปในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 และเปิดใหม่อีกครั้งในปีค.ศ.1955, ผ่านพระราชวังฮอฟเบิร์ก (Hofburg Palace) ซึ่งเป็นกลุ่มอาคารที่เคยเป็นที่ประทับของราชสำนักฮัปสบูร์ก มาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 13 จนถึงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 จากนั้นนำชมบริเวณรอบนอกโบสถ์สเตเฟ่นส์ (St. Stephen’s Cathedral) สัญลักษณ์ของกรุงเวียนนา ซึ่งพระเจ้าคาร์ลที่ 6 โปรดให้สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1713 เพื่อเป็นการแก้บนต่อความทุกข์ยากของประชาชน จากนั้นเชิญช๊อปปิ้งสินค้าในย่านถนนคาร์นท์เนอร์ (Kartnerstrasse) ใจกลางกรุงเวียนนา เชิญช้อปปิ้งสินค้าแฟชั่นนานาชนิด อาทิเช่น Louis Vitton , Gucci, ร้านนาฬิกา Bucherer ,สินค้าเสื้อแฟชั่นวัยรุ่นทันสมัย เช่น Zara ,H&M ฯลฯ และ รวมไปถึงสินค้าของฝาก เช่น ช๊อคโกแลตโมสาร์ท โดยเฉพาะร้านเครื่องแก้วสวาร็อฟสกี้ (Swarovski Crystal Worlds Store Vienna) สินค้าที่มีชื่อเสียงของออสเตรีย เป็นอาคารขนาดใหญ่ สูง 3 ชั้น มีการตกแต่งทั้งภายในและภายนอกจากศิลปินที่มีชื่อระดับโลก เมื่อเข้าชมภายในอาคารจะได้ตื่นตาตื่นใจกับการประดับตกแต่งอย่างสวยงาม มีจำหน่ายทั้งผลิตภัณฑ์เครื่องประดับต่างๆ ,นาฬิกา หรือ ของใช้ ที่มีการออกแบบตกแต่งด้วยสวาร็อฟสกี้อย่างหรูหราและลงตัว

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารจีน
ที่พัก นำท่านเข้าสู่ที่พัก RAINERS 21 HOTEL หรือเทียบเท่า
วันที่สาม เวียนนา – ฮัลสตัท – โรเซนไฮม์
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
ออกเดินทางสู่ฮัลสตัท (Hallstatt) หมู่บ้านมรดกโลกแสนสวยที่มีอายุกว่า 4,500 ปี เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ริมทะเลสาบ โอบล้อมด้วยขุนเขาและป่าสีเขียวขจีที่มีสวยงามราวกับภาพวาด กล่าวกันว่าเป็นเมืองที่โรแมนติกที่สุดใน Salzkammergut เขตที่อยู่บนอัพเพอร์ออสเตรีย และมีทะเลสาบที่สวยงามถึง 76 แห่ง

กลางวัน อิสระอาหารกลางวันตามอัธยาศัย
อิสระให้ท่านได้เดินเล่นฮัลสตัท หมู่บ้านที่ได้ชื่อว่าสวยที่สุดแห่งหนึง่ในยุโรปตามอัธยาศัย โดย ออสเตรียให้ฉายาเมืองนี้ว่าเป็นไข่มุกแห่งออสเตรีย และเป็นพื้นที่มรดกโลกของ UNESCO Cultural-Historical Heritage เพียงเดินเที่ยวชมเมืองเสมือนหนึ่งท่านอยู่ในภวังค์แห่งความฝัน จากนั้นนำทุกท่านเดินทางสู่ เมืองโรเซนไฮม์ (Rosenheim) เมืองใหญ่ในแคว้นบาวาเรีย ประเทศเยอรมนี เป็นเมืองอิสระที่ตั้งอยู่ในใจกลางเขตโรเซนไฮม์ ได้รับการขนานนามว่า “ไข่มุกในหุบเขาลุ่มแม่น้ำอินน์” และเป็นประตูประตูสู่ทะเลสาบเคียมเซ (Chiemsee) ประเทศเยอรมนี และด้วยความที่โรเซนไฮม์นั้นเป็นศูนย์กลางการขนส่งที่สำคัญระหว่างมิวนิก ซาลส์บวร์ก และอินส์บรูค ทำให้ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เมืองนี้ได้ตกเป็นเป้าหมายสำคัญในการทิ้งระเบิดของฝ่ายสัมพันธมิตร นำท่านชมจตุรัสแมกซ์โจเซฟพลาทซ์ (Max-Josefs-Platz) จตุรัสเก่าของเมืองซึ่งเดิมเป็นที่ตั้งของตลาดกลางการค้าโรเซนไฮม์ต่อมาได้พัฒนาเป็นจตุรัสที่ใหญ่ที่สุดของเมืองโรเซนไฮม์ โดยบ้านเมืองรอบๆจตุรัสนั้นจะตกแต่งสไตล์ Inn-Salzach region ที่เป็นสถาปัตยกรรมที่เน้นความโค้งของเพดาน หน้าต่างและหลังคา อิสระให้ท่านเดินเล่นตามอัธยาศัย

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
ที่พัก นำท่านเข้าสู่ที่พัก HOLIDAY INN EXPRESS ROSENHEIM หรือเทียบเท่า
วันที่สี่ โรเซนไฮม์ – มิวนิค – อูล์ม
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองมิวนิค (Munich) อยู่ทางใต้ของประเทศเยอรมนี และเป็นเมืองหลวงของรัฐบาวาเรีย ยังเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสามของประเทศ (รองจากเบอร์ลินและฮัมบูร์ก) และเป็นหนึ่งในเมืองมั่งคั่งที่สุดของยุโรป ซึ่งมีพรมแดนติดเทือกเขาแอลป์ โดยรัฐบาวาเรียเคยเป็นรัฐอิสระปกครองด้วยกษัตริย์มาก่อน ก่อนที่จะผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของประเทศเยอรมนี จึงมีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมเป็นของตัวเอง ทั้งด้านศิลปวัฒนธรรม และอาหารอันเลื่องชื่อ ซึ่งได้แก่ ไส้กรอกเยอรมัน ขาหมูทอด เพรทเซล และเบียร์ นำชมจัตุรัสมาเรียนพลาสท์ (Marienplatz) ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของประวัติศาสตร์และธุรกิจของนครมิวนิค บริเวณนี้เป็นที่ตั้งของศาลาว่าการเมืองที่มีรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบโกธิคที่งดงามซึ่งสร้างขึ้นในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 ใช้เวลาสร้างถึง 42 ปี มีหอระฆังสูง 85 เมตร ซึ่งจะมีนักท่องเที่ยวรอคอยเฝ้าชมตุ๊กตาไขลานที่จะออกมาเต้นรำ เมื่อนาฬิกาตีบอกเวลา 11.00 น. และ 17.00 น. อิสระท่านเลือกซื้อสินค้าแบรนด์เนม และของฝากตามอัธยาศัย

กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารจีน
บ่าย จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองอูล์ม (Ulm) ตั้งอยู่ริมชายฝั่งแม่น้ำดานูบที่อยู่ทางใต้ของประเทศ เป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวนิยมไปท่องเที่ยว เพราะนอกจากสวยงามแล้วเมืองแห่งนี้ยังมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานตั้งแต่ปี ค.ศ.850 แล้ว ยังเป็นบ้านเกิดของนักฟิสิกส์ชื่อก้องโลก อย่าง อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์อีกด้วย นำท่านชม วิหารอูล์ม(Ulm Munster) ถือว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวอันดับหนึ่งของเมือง สร้างมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 ขึ้นชื่อว่าเป็นโบสถ์ที่สูงที่สุดในโลกโดยมีความสูงที่ 161.53 เมตร เมื่อสร้างเสร็จแล้ว ซึ่งสูงมาก ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนของเมืองก็จะเห็นยอดโบสถ์ตั้งเด่น สง่า อย่างชัดเจน จากนั้นนำท่านชมจัตุรัสเมืองเก่า Marktplatz คือศาลากลางโกธิคที่สวยงาม (Rathaus) ที่มีภาพเฟรสโกตั้งแต่ปีพศ. 1540 เคยเป็นห้างสรรพสินค้าในยุคกลางและซเป็นที่ตั้งของร้านค้าและช่างฝีมือต่างๆ ที่หลากหลายก่อนที่จะกลายเป็นศาลากลางจังหวัดซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในปัจจุบัน สิ่งที่น่าสนใจอื่นๆของอาคาร
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
ที่พัก นำท่านเข้าสู่ที่พัก SELIGWEILER HOTEL หรือเทียบเท่า
วันที่ห้า อูล์ม – ซิกมาริงเก้น – ป่าดำ – ขึ้นเขาพิลาตุส – พักโรงแรมบนเขาพิลาตุส
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
หลังจากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองซิกมาริงเก้น (Sigmaringen) เมืองในรัฐบาเดิน-เวือร์ทเทิมแบร์ค ทางภาคใต้ของประเทศเยอรมนี ตั้งอยู่ในหุบเขาขนาดเล็กซึ่งมีแม่น้ำดานูบไหลผ่าน นำท่านถ่ายรูปคู่กับ ปราสาทซิกมาริงเก้น (Sigmaringen Castle) ตั้งอยู่บนเนินเขาใจกลางเมือง สัญลักษณ์ของเมืองซิกมาริงเก้น โดยปราสาทแห่งนี้เป็นปราสาทที่ใหญ่เป็นอันดับสองของเยอรมนี เป็นอนุสาวรีย์ทางวัฒนธรรมที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 1,000 ปี จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองทิทิเซ่ (Titisee) เมืองริมทะเลสาปที่ตั้งอยู่ในเขตป่าดำ (Black Forest) ให้ท่านได้อิสระชมความงามของบ้านเรือน ชมทัศนียภาพของทะเลสาบที่มีฉากหลังเป็นป่าสนอยู่บนภูเขา ที่เรียกว่า แบล็กฟอเรสต์ สถานที่อันเป็นต้นกำเนิดนาฬิกากุ๊กกู ให้ท่านได้มีโอกาสชิมเค้กแบล็กฟอเรสอันขึ้นชื่อ ณ เมืองต้นตำรับตามอัธยาศัย และเพลิดเพลินกับการเลือกซื้อสินค้าที่ระลึก
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง (ขาหมูเยอรมัน)
บ่าย จากนั้นนำท่านเดินทางข้ามพรหมแดนเยอรมนี – สวิตเซอร์แลนด์ ขึ้นสู่ ยอดเขาพิลาทุส (Pilatus) ฉายาเจ้ามังกรแดง ให้ท่านได้ นั่งรถไฟไต่เขาฟันเฟืองที่ชันที่สุดในโลก (45องศา) (World Steepest Cog Wheel Railway) ซึ่งเขาพิลาทุสได้ตั้งอยู่ตอนกลางของสวิตเซอร์แลนด์ มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 2,132 เมตร ซึ่งรถไฟไต่เขานี้ เปิดมาตั้งแต่ปี 1889 โดยใช้หัวรถจักรไอน้ำในการขับเคลื่อน ส่วนในปัจจุบันใช้เป็นระบบไฟฟ้า วิวจากยอดเขาท่านจะได้ชมความงามของเทือกเขาที่สุดสวยงาม ได้ชมวิวทะเลสาบลูเซิร์น (Luzern Lake) จากมุมที่สวยที่สุดจากบนยอดเขา สำหรับยอดเขาพิลาตุสนั้นเป็นหนึ่งในยอดเขาที่มีทัศนียภาพที่สวยงามที่สุดในเขตเทือกเขาแอลป์ โดยบนยอดเขาแล้ว ท่านจะได้เห็นทัศนียภาพแบบพาโนรามาของเทือกเขาแอลป์ ทะเลสาบลูเซิร์น และเมืองต่างๆโดยรอบ ในวันที่อากาศแจ่มใส จะสามารถมองเห็นทิวทัศน์แบบพาโนรามาของยอดเขาอัลไพน์ได้กว่า 73 ยอดเลยทีเดียว โดยยอดเขาแห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นยอดเขามังกรแห่งสวิส ซึ่งมาจากตำนานใน ศตวรรษที่ 14-15 ที่มีชาวนาคนหนึ่งได้เห็นมังกรบินมาจากยอดเขาริกิและมังกรได้ปล่อยหินมาก้อนหนึ่งบนยอดเขาพิลาตุส และเชื่อกันว่าหินก้อนนี้สามารถรักษาโรคต่างๆได้ และคำว่าพิลาตุสนั้นมาจาก ปอนติอุส พิลาทุส (Pontius Pilatus) ผู้สั่งให้ตรึงพระเยซูคริสต์บนไม้กางเขนในสมัยต้นคริสต์ศักราช โดยนอกจากทัศนียภาพอันงดงามแล้วนั้นบนยอดเขาพิลาตุส ยังมีกิจกรรมมากมายหลายๆอย่างให้ทำ ซึ่งจะเปลี่ยนไปตามแต่ฤดูกาล อาทิ เช่น การเล่น Tabogan Run , การเล่นสกี , สโนว์บอร์ด หรือการขี้จักรยาน (ค่ากิจกรรมบางอย่างต้องจ่ายเพิ่ม)
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารบนยอดเขา
ที่พัก
*** พิเศษ การันตีที่พักบนยอดเขาพิลาตุสทุกคณะ*** สำหรับคณะที่ออกเดินทาง 20 พ.ย.และ 4 ธ.ค. จะเข้าพักที่โรงแรม Bellevue และสำหรับคณะที่ออกเดินทาง 30 พ.ย. และ 29 ธ.ค. จะเข้าพักที่โรงแรม Pilatus Kulm **
วันที่หก เขาพิลาตุส – ล่องเรือทะเลสาบลูเซิร์น – ลูเซิร์น – ซุก – สนามบิน- สนามบิน
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
จากนั้นนำท่านเดินทางลงจากเขามังกรแดงนี้ด้วยการนั่งกระเช้า cable car ลงสู่ด้านล่างของยอดเขา และหลังจากนั้นนำท่านล่องเรือทะเลสาบลูเซิร์น (Lucerne Lake Cruise) ระหว่างทางท่านจะได้ชมความงดงามของทะเลสาบลูเซิร์นรวมถึงบ้านเมืองตั้งเรียงรายอันสวยงามตลอดสองข้างทางนำท่านเดินทางสู่เมืองลูเซิร์น (Lucerne) เมืองท่องเที่ยวยอดนิยมอันดับหนึ่งของสวิตเซอร์แลนด์ ที่ถูกห้อมล้อมไปด้วยทะเลสาบและขุนเขา จากนั้นพาท่านชมสิงโตหินแกะสลัก (Dying Lion of Lucerne) ที่แกะสลักบนผาหินธรรมชาติ เพื่อเป็นอนุสรณ์รำลึกถึงการสละชีพอย่างกล้าหาญของทหารสวิสที่เกิดจากการปฏิวัติในฝรั่งเศสเมื่อปี ค.ศ.1792 ชมสะพานไม้ชาเปล (Chapel Bridge) ซึ่งมีความยาวถึง 204 เมตร ทอดข้ามผ่านแม่น้ำรอยส์ (Reuss River) อันงดงามซึ่งเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของเมืองลูเซิร์น เป็นสะพานไม้ที่มีหลังคาที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรป สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1333 โดยใต้หลังคาคลุมสะพานมีภาพวาดประวัติศาสตร์ของชาวสวิส ตลอดแนวสะพาน จากนั้นให้ท่านได้อิสระเลือกซื้อสินค้าของสวิส เช่น ช็อคโก แลต, เครื่องหนัง, มีดพับ, นาฬิกายี่ห้อดัง อาทิเช่นRolex, Omega, Tag Heuer เป็นต้น
กลางวัน อิสระอาหารกลางวันตามอัธยาศัย
บ่าย นำท่านเดินทางต่อสู่ เมืองซุก (Zug) เมืองเล็กๆ ริมทะเลสาบที่สวยงามราวกับเทพนิยายตั้งอยู่ทางภาคกลางตอนบนของประเทศ โดยนอกจากความสวยงามของทัศนียภาพแล้ว เมืองนี้ยังมีอัตราการเก็บภาษีที่ค่อนข้างต่ำจึงถือเป็นที่ตากอากาศที่นิยมของเหล่าเศรษฐี คนดังสำคัญระดับโลกมากมายมาเยือน ท่านอาจจะเห็นซูเปอร์คาร์จอดเรียงรายอยู่ 2 ข้างทาง จนเป็นเรื่องธรรมดาไปเลย นำท่านชมเมืองชมหอนาฬิกาเมืองซุก (Clock Tower) แลนด์มาร์กที่สำคัญแห่งหนึ่งของเมือง ด้วยความสูงของหอถึง 52 เมตรและความโดดเด่น ของหลังคาซึ่งเป็นสีน้ำเงินขาวโดนเด่นตัดกับสีหลังคาสีน้ำตาลของบ้านเมืองสวยงามอย่างยิ่ง มีเวลาให้ท่านเดินขึ้นบันไดสู่จุดชมวิวด้านบนของหอนาฬิกา ที่ท่านจะสามารถเห็นวิวที่สวยงามโดยรอบของเมืองซุก นำท่านเข้าชมโบสถ์เซนท์ออสวอร์ล (St Oswald’s church) โบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ที่สำคัญของเมือง ตัวโบสถ์สร้างขึ้นตั้งแต่ ค.ศ. 1478 ใช้เวลาการก่อสร้างนานถึง 6 ปี ถือเป็นหนึ่งในสถาปัตยกรรมที่สำคัญที่สุดในช่วงโกธิคตอนปลายแห่งหนึ่งในสวิตเซอร์แลนด์ นอกจากนี้ ชาวสวิสยังมีความเชื่ออีกว่า ถ้าใครมีเรื่องทุกข์ร้อนใดๆ หรือเจ็บป่วย ถ้าได้มาขอพรกับโบสถ์แห่งนี้ จะช่วยบรรเทาให้ดีขึ้นอย่างรวดเร็ว (กรณีถ้ามีพิธีภายในโบสถ์ อาจไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าชม) นำท่านเข้าชมร้านทำทองที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรป (The Oldest house of goldsmiths in Europe) ของครอบครัว Lohri เปิดทำการตั้งแต่สมัยศัตวรรตที่ 16 ภายในตัวอาคารมีการตกแต่งในรูปแบบสถาปัตยกรรมสมัยจักวรรดินโปเลียน มีซุ้มประตูและเสาโรมัน มีรูปปั้นและจิตรกรรมฝาผนัง ด้วยการวาดลายหินอ่อนด้วยมือ ในปี 1971 ได้เปิดร้านนี้เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะล้ำค่าและเครื่องประดับหายาก และบางชิ้นมีเพียงชิ้นเดียวในโลก มีเวลาให้ท่านเดินชื่นชมอาคาร งานศิลปะล้ำค่าและเครื่องประดับหายากแล้ว ในส่วนของ Lohri Store ยังมีนาฬิกาชั้นนำระดับโลกให้ท่านเลือกซื้อเลือกชมอาทิ เช่น Patek Philippe, Franck Muller Cartier , Piaget, Parmigiani Fleurier, Panerai, IWC , Omega, Jaeger-LeCoultre, Blancpain, Tag Heuer ฯลฯ และไม่ควรพลาดเค้กเชอร์รี่ Zug Cherry Cake (Zuger Kirschtorte) จากร้าน Speck เค้กที่มีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์และมีขายมากว่าร้อยปี มีบุคคลที่มีชื่อเสียงมากมายต่างเคยลิ้มลองเค้กจากร้านนี้ เช่น Charlie Chaplin, Winston Churchill หรือสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส โดยเมืองซุกนี้มีการทำฟาร์มผลไม้ ทั้งสตอเบอร์รี่, บูลเบอร์รี่, ราสเบอร์รี่,ลูกแพร์ ฯลฯ รวมทั้ง เชอร์รี่ ที่มีปลูกมากกว่า 40,000 ต้น
22.15 น. ออกเดินทางกลับสู่กรุงเทพ โดยสายการบินเอมิเรตส์ (Emirates) เที่ยวบินที่ EK086
** คณะที่เดินทางตั้งแต่วันที่ 6 พ.ย. เป็นต้นไป ออกเดินทางเวลา 21.50 น. // เดินทางถึงสนามบินดูไบ เวลา 07.05 น. **
วันที่เจ็ด ดูไบ – กรุงเทพ
06.25 น. เดินทางถึงสนามบินดูไบ รอเปลี่ยนเครื่อง
09.40 น. ออกเดินทางสู่กรุงเทพฯ โดยสายการบินเอมิเรตส์ (Emirates) เที่ยวบินที่ EK372
** คณะที่เดินทางตั้งแต่วันที่ 6 พ.ย. เป็นต้นไป ออกเดินทางโดยเที่ยวบิน EK370 //เดินทางออกจากสนามบินดูไบ เวลา 08.55 น. เดินทางถึงกรุงเทพฯ เวลา 18.05 น. **
19.15 น. เดินทางถึงสนามบินโดยสวัสดิภาพ

ทัวร์ยุโรป