GO3VCE-EK001

ทัวร์ยุโรป ชอบดิอาโวเลซซ่าที่มีกะเพรา หรือเธอชอบเราที่มีใจ ITALY – SWITZERLAND 8 วัน 5 คืน (EK)

ราคาเริ่มต้น 79,900 ฿ ดาวน์โหลด PDF จองทัวร์

สายการบิน: Image

นำท่านเดินทางสู่ เมืองซีร์มิโอเน่ (Sirmione) เมืองแห่งป้อมปราการโบราณ เก่าแก่อายุนับ 2000 ปี ด้วยลักษณะภูมิประเทศที่เป็นแหลมยื่นเข้าไปในทะเลสาบการ์ดา (Lake Garda) นำท่านถ่ายภาพด้านหน้าปราสาทเก่าแก่ของเมือง (The Scallger of Sirmione) สร้างในปี 1277 ซึ่งเมืองนี้เคยอยู่ในการปกครองของตระกูล SCALIGER จากนั้นเดินเล่นชมเมืองเก่าชิมไอศรีมเจลาโต้ที่มีชื่อเสียงของอิตาลี หลากหลายร้านและของที่ระลึกอื่นๆ อิสระให้ท่านชมความสวยงามของวิวทิวทัศน์ของทะเลสาบการ์ด้า ซี่งเป็นทะเลสาบน้ำจืดที่เกิดจากน้ำแข็งละลายจากเทือกเขาแอลป์

วันที่เดินทาง

18 ต.ค. 67 – 25 ต.ค. 67, 8 พ.ย. 67 – 15 พ.ย. 67, 11 ต.ค. 67 – 18 ต.ค. 67, 3 ธ.ค. 67 – 10 ธ.ค. 67

ทัวร์ยุโรป 

วันแรก กรุงเทพฯ (สนามบินสุวรรณภูมิ)
22.30 น.

คณะพร้อมกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ สายการบิน เอมิเรทซ์ มีเจ้าหน้าที่ คอยต้อนรับและอำนวยความสะดวก
วันที่สอง ดูไบ – สนามบินเวนิส – เกาะเวนิส – เมสเตร้
01.35 น. ออกเดินทางต่อด้วยเที่ยวบิน EK385
04.45 น. เดินทางถึงสนามบินดูไบรอเปลี่ยนเครื่อง
09.05 น. ออกเดินทางต่อสู่สนามบินมาร์โคโปโล เมืองเวนิส ด้วยเที่ยวบิน EK135
13.25น. เดินทางถึงสนามบินมาร์โคโปโล เมืองเวนิส นำท่านผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าประเทศไทย 5 ชั่วโมง) นำท่านเดินทางสู่ท่าเรือตรอนเคตโต้ (Tronchetto) พาท่านล่องเรือผ่านชมบ้านเรือนของชาวเวนิสสู่เกาะเวนิส หรือ เวเนเซีย (Venezia) ดินแดนแสนโรแมนติก ซึ่งเป็นเมืองที่ไม่เหมือนใคร โดยใช้เรือแทนรถ ใช้คลองแทนถนน และมีสมญานามว่าเป็น “ราชินีแห่งทะเลเอเดรียติก” มีเกาะน้อยใหญ่กว่า 118 เกาะ และมีสะพานเชื่อมถึงกันกว่า 400 แห่ง พาท่านขึ้นฝั่งที่บริเวณซานมาร์โค (San Marco) ศูนย์กลางของเกาะเวนิส จากนั้นนำท่านเดินชมความงามของเกาะเวนิส ชมสะพานถอนหายใจ ( Bridge of Sighs) ที่มีเรื่องราวน่าสนใจในอดีต เมื่อนักโทษที่เดินออกจากห้องพิพากษาไปสู่คุกจะได้มีโอกาสเห็นแสงสว่าง และโลกภายนอกเป็นครั้งสุดท้ายระหว่างเดินผ่านช่องหน้าต่างที่สะพานนี้ โดยสะพานแห่งนี้เชื่อมต่อกับวังดอดจ์ (Doge’s Palace) อันเป็นสถานที่พำนักของเจ้าผู้ครองนครเวนิสในอดีต ซึ่งนักโทษชื่อดังที่เคยเดินผ่านสะพานนี้มาเเล้วคือ “คาสโนว่า” นั่นเอง นำท่านถ่ายรูปบริเวณจัตุรัสซานมาร์โค (St.Mark’s Square) ที่นโปเลียนเคยกล่าวไว้ว่า “เป็นห้องนั่งเล่นที่สวยที่สุดในยุโรป” จัตุรัสถูกล้อมรอบด้วยอาเขตอันงดงาม รวมทั้งโบสถ์ซานมาร์โค (St.Mark’s Bacilica) ที่มีโดมใหญ่ 5 โดมตามแบบศิลปะไบแซนไทน์ จากนั้นอิสระให้ท่านได้มีเวลาเที่ยวชมเกาะเวนิสอันแสนโรแมนติก เช่น เพื่อชมมนต์เสน่ห์แห่งนครเวนิส, เข้าชมโบสถ์ซานมาร์โค, ช๊อปปิ้งสินค้าของที่ระลึก อาทิเช่น เครื่องแก้วมูราโน่,หน้ากากเวนิส หรือนั่งจิบกาแฟในร้าน Café Florian ที่เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1720

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
ที่พัก นำท่านเข้าสู่ที่พัก VOCO VENICE MESTRE หรือเทียบเท่า
วันที่สาม เมสเตร้ – ซีร์มิโอเน่ – แบร์กาโม่
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ เมืองซีร์มิโอเน่ (Sirmione) เมืองแห่งป้อมปราการโบราณ เก่าแก่อายุนับ 2000 ปี ด้วยลักษณะภูมิประเทศที่เป็นแหลมยื่นเข้าไปในทะเลสาบการ์ดา (Lake Garda) นำท่านถ่ายภาพด้านหน้าปราสาทเก่าแก่ของเมือง (The Scallger of Sirmione) สร้างในปี 1277 ซึ่งเมืองนี้เคยอยู่ในการปกครองของตระกูล SCALIGER จากนั้นเดินเล่นชมเมืองเก่าชิมไอศรีมเจลาโต้ที่มีชื่อเสียงของอิตาลี หลากหลายร้านและของที่ระลึกอื่นๆ อิสระให้ท่านชมความสวยงามของวิวทิวทัศน์ของทะเลสาบการ์ด้า ซี่งเป็นทะเลสาบน้ำจืดที่เกิดจากน้ำแข็งละลายจากเทือกเขาแอลป์
กลางวัน อิสระอาหารกลางวันตามอัธยาศัย
บ่าย นำท่านเดินทางต่อสู่ เมืองแบร์กาโม (Bergamo) เมืองที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของแคว้นลอมบาร์เดีย ตั้งอยู่ห่างจาก เมืองมิลาน ไปทางตะวันออกเฉียงเหนือของราวๆ 40 กิโลเมตร นำท่านเดินทางสู่ ย่านจัตุรัสเก่า เปียสซ่า เว็คเคียร์ (Piazza Vecchia) ย่านใจกลางเมืองเก่าที่แวดล้อมไปด้วยเหล่าอาคารที่แสดงออกถึงการผสมผสานระหว่างสภาปัตยกรรมของยุคกลางและเรเนสซองจากนั้นนำท่านชมมหาวิหารซานต้า มาเรีย มายอเร (Santa Maria Maggiore) มหาวิหารที่มีความโดดเด่นทางด้านสถาปัตยกรรม ที่ถูกก่อตั้งขึ้นในปี1137 หลังจากนั้นก็มีการเพิ่มเติมหอระฆังเข้ามาอีกในปี 1436 หลังจากนั้นนำท่านถ่ายรูปกับ Cappella Colleoni อีกหนึ่งวิหารที่สร้างสไตล์โราเนสก์

เย็น รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
ที่พัก นำท่านเข้าสู่ที่พัก EXECUTIVE BERGAMO หรือเทียบเท่า
วันที่สี่ แบร์กาโม – มิลาน – มหาวิหารเมืองมิลาน – เซ็นต์ มอริทซ์
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
หลังจากนั้นนำท่านเดินทาสู่ เมืองมิลาน(Milan) นำท่านชมมหาวิหารแห่งเมืองมิลาน (Duomo di Milano) ที่สร้างด้วยศิลปะแบบนีโอโกธิค ที่ผสมผสานกัน เป็นสถาปัตยกรรมแบบตะวันตก สมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาการ ชมแกลเลอรี วิคเตอร์ เอ็มมานูเอล (Galleria Vittorio Emanuele II) ที่นับว่าเป็นชอปปิงมอลล์ที่สวยงาม หรูหรา และเก่าแก่ที่สุดในเมืองมิลาน ชมอนุสาวรีย์ของกษัตริย์วิคเตอร์ เอ็มมานูเอลที่ 2 ผู้ริเริ่มการรวมชาติหัวเมืองต่างๆในอิตาลี และอนุสาวรีย์ของศิลปินชื่อดังในยุคเรเนซองส์อีก 1 ท่าน คือ ลิโอนาร์โด ดาร์วินซี่ ที่อยู่ในบริเวณด้านหน้าของโรงละครสกาล่า
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารจีน
นำท่านเดินทางสู่ เมืองเซ็นต์ มอริทซ์ (St. Moritz) ตั้งอยู่ในหุบเขาแองกาดีน Engadine valley เมืองตากอากาศที่มีชื่อเสียงและศูนย์กลางกีฬาสกีที่มีชื่อเสียงระดับโลก เป็นเมืองที่บรรดาเศรษฐีนิยมมาพักผ่อนเล่นสกีในช่วงฤดูหนาว
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
ที่พัก นำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก CHESA ROSATSCH หรือเทียบเท่า
วันที่ห้า เซ็นต์ มอริทซ์ – ยอดเขาดิอาโวเลซซา – วาดุซ – ซูริค
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่สถานีกระเช้าสู่ ยอดเขาดิอาโวเลซซา(Diavolezza) ยอดเขาที่ถือเป็นไข่มุกเม็ดงามแห่งที่ราบสูงแองเกอดินแคว้น Graubünden แอ่งเทือกเขาบนความสูง 2,958 เมตรที่เป็นสกีรีสอร์ท นำท่านชมวิวความสวยงามของยอดเขาแอล์ปตะวันออก ที่มียอดเขาที่สวยงามอยู่รวมกันมากมาย เช่น ยอดเขาพิซ เบอร์นิน่า (Piz Bernina Peak), โครวาทส์ซ (Corvatsch)

กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารบนยอดเขา (กะเพราไทยสไตล์สวิส)
นำท่านเดินทางสู่ เมืองวาดุซ (Vaduz) ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศและเป็นที่ตั้งของรัฐสภาแห่งชาติ เมืองตั้งอยู่ริมแม่น้ำไรน์ ที่มีประชากรราว 5,100 คน นำท่านสู่จุดชมวิวเมืองละถ่ายรูปคู่กับปราสาทวาดุซ (Vaduz Castle) ปราสาทที่ตั้งอยู่บนยอดเขาสูงชันในย่านใจกลางเมือง โดยปราสาทแห่งนี้ยังเป็นที่พักของพระบรมวงศานุวงศ์แห่งลิคเทนสไตน์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ตัวปราสาทนั้นสร้างตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 12 ก่อนที่จะมีการบูรณะและต่อเติมในปีค.ศ. 1904 และต้นศตวรรษที่ 1930 ปัจจุบันตัวปราสาทนั้นไม่เปิดให้สาธารณะทั่วไปเข้าชม จากนั้นนำท่านเข้าสู่ร้าน Huber ร้านนาฬิกาและเครื่องประดับชื่อดัง แหล่งรวมนาฬิกาชั้นนำมากมายและเรียกได้ว่ามียี่ห้อชั้นนำครบมากที่สุดแห่งหนึ่งเลยทีเดียว อาทิ เช่น Patak Philippe, Rolex, Panerai , Omega, Brequets, IWC, Cartier, Piaget, Chopard ,Tag Heuer, Hublot, Vacheron Constantin, Audemars Piguet, Breitling, Longines, Jaeger-LeCoultre, Blancpain, Chanel, Hermes, Bvlgari, Rado, Tissot, Swatch ฯลฯ จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองซูริค (Zurich) เมืองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารจีน
ที่พัก นำท่านเข้าสู่ที่พัก HARRY’S HOME ZURICH หรือเทียบเท่า
วันที่หก ซูริค – เบิร์น – อินเทอร์ลาเคน – ซูริค
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ กรุงเบิร์น (Bern) ซึ่งได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโกให้เป็นเมืองมรดกโลกในปี ค.ศ. 1863 นอกจากนี้เบิร์นยังถูกจัดอันดับอยู่ใน 1 ใน 10 ของเมืองที่มีคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุดของโลกในปี ค.ศ.2010 นำท่านชมบ่อหมีสีน้ำตาล (Bear Park) สัตว์ที่เป็นสัญลักษณ์ของกรุงเบิร์น นำท่านเดินลัดเลาะสู่ถนนจุงเคอร์นกาสเซ (Junkerngasse) ถนนที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดีในย่านเมืองเก่า มีบ้านอาคารสไตล์บาโรกตอนปลาย นำท่านแวะถ่ายรูปกับวิหารเบิร์น (Bern’s Minster) วิหารสไตล์โกธิคที่สูงที่สุดในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1421 ประตูจะมีภาพที่บรรยายถึงการตัดสินครั้งสุดท้ายของพระเจ้า จากนั้นเดินสู่ถนนแครมกัซเซอ (Kramgasse) นำถ่ายรูปกับบ้านไอน์สไตน์ (Einsteinhaus) บ้านเลขที่ 49 ที่อัลเบิร์ตไอน์สไตน์เคยอาศัยอยู่ที่นี่ เมื่อครั้งมาทำงานเป็นผู้ตรวจสอบของสำนักงานสิทธิบัตรของสวิส ช่วงปี ค.ศ.1902-1905 จากนั้นชมหอนาฬิกาดาราศาสตร์ (Zytglogge) อายุ 800 ปี ที่มี “โชว์” ให้ดูทุกๆชั่วโมงในการตีบอกเวลาแต่ละครั้ง นำท่านเดินชมมาร์กาสเซ(Marktgasse) ที่เต็มไปด้วยร้านดอกไม้และบูติค เป็นย่านที่ปลอดรถยนต์ จึงเหมาะกับการเดินเที่ยวชมอาคารเก่าอายุ 200-300 ปี
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
บ่าย จากนั้นนาท่านเดินทางต่อสู่ เมืองอินเทอร์ลาเกน (Interlaken) เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ระหว่าง ทะเลสาบทูน (Lake Thun) และทะเลสาบเบรียนซ์ (Lake Brienz) อิสระให้ท่านได้สัมผัสบรรยากาศและธรรมชาติแบบสวิตเซอร์แลนด์ในเมืองเล็กๆ หลังจากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองซูริคนำท่านถ่ายรูปกับโบสถ์ฟรอมุนสเตอร์ (Fraumunster abbey) สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 853 โดยกษัตริย์เยอรมันหลุยส์ ใช้เป็นสำนักแม่ชีที่มีกลุ่มหญิงสาวชนชั้นสูงจากทางตอนใต้ของเยอรมันอาศัยอยู่ นำท่านสู่จัตุรัสปาราเดพลาทซ์ (Paradeplatz) เป็นจัตุรัสเก่าแก่ที่มีมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 17 ปัจจุบันเป็นชุมทางรถรางที่สำคัญของเมืองและยังเป็นศูนย์กลางการค้าของย่านธุรกิจ ธนาคาร สถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ อิสระให้ท่านได้เดินชมเมือง ถ่ายรูปและเลือกซื้อของที่ระลึกตามอัธยาศัย

เย็น อิสระอาหารค่ำตามอัธยาศัย
ที่พัก นำท่านเข้าสู่ที่พัก HARRY’S HOME ZURICH หรือเทียบเท่า
วันที่เจ็ด ซูริค – ซุก – นั่งรถไฟไต่เขาริกิ – ลูเซิร์น
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
จากนั้นเดินทางต่อสู่ เมืองซุก (Zug) เมืองเล็กๆ ริมทะเลสาบที่สวยงามราวกับเทพนิยายตั้งอยู่ทางภาคกลางตอนบนของประเทศ โดยนอกจากความสวยงามของทัศนียภาพแล้ว เมืองนี้ยังมีอัตราการเก็บภาษีที่ค่อนข้างต่ำจึงถือเป็นที่ตากอากาศที่นิยมของเหล่าเศรษฐี คนดังสำคัญระดับโลกมากมายมาเยือน ท่านอาจจะเห็นซูเปอร์คาร์จอดเรียงรายอยู่ 2 ข้างทาง จนเป็นเรื่องธรรมดาไปเลย นำท่านชมเมืองชมหอนาฬิกาเมืองซุก (Clock Tower) แลนด์มาร์กที่สำคัญแห่งหนึ่งของเมือง ด้วยความสูงของหอถึง 52 เมตรและความโดดเด่น ของหลังคาซึ่งเป็นสีน้ำเงินขาวโดนเด่นตัดกับสีหลังคาสีน้ำตาลของบ้านเมืองสวยงามอย่างยิ่ง มีเวลาให้ท่านเดินขึ้นบันไดสู่จุดชมวิวด้านบนของหอนาฬิกา ที่ท่านจะสามารถเห็นวิวที่สวยงามโดยรอบของเมืองซุก นำท่านเข้าชมโบสถ์เซนท์ออสวอร์ล (St Oswald’s church) โบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ที่สำคัญของเมือง ตัวโบสถ์สร้างขึ้นตั้งแต่ ค.ศ. 1478 ใช้เวลาการก่อสร้างนานถึง 6 ปี ถือเป็นหนึ่งในสถาปัตยกรรมที่สำคัญที่สุดในช่วงโกธิคตอนปลายแห่งหนึ่งในสวิตเซอร์แลนด์ นอกจากนี้ ชาวสวิสยังมีความเชื่ออีกว่า ถ้าใครมีเรื่องทุกข์ร้อนใดๆ หรือเจ็บป่วย ถ้าได้มาขอพรกับโบสถ์แห่งนี้ จะช่วยบรรเทาให้ดีขึ้นอย่างรวดเร็ว (กรณีถ้ามีพิธีภายในโบสถ์ อาจไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าชม) นำท่านเข้าชมร้านทำทองที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรป (The Oldest house of goldsmiths in Europe) ของครอบครัว Lohri เปิดทำการตั้งแต่สมัยศัตวรรตที่ 16 ภายในตัวอาคารมีการตกแต่งในรูปแบบสถาปัตยกรรมสมัยจักวรรดินโปเลียน มีซุ้มประตูและเสาโรมัน มีรูปปั้นและจิตรกรรมฝาผนัง ด้วยการวาดลายหินอ่อนด้วยมือ ในปี 1971 ได้เปิดร้านนี้เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะล้ำค่าและเครื่องประดับหายาก และบางชิ้นมีเพียงชิ้นเดียวในโลก มีเวลาให้ท่านเดินชื่นชมอาคาร งานศิลปะล้ำค่าและเครื่องประดับหายากแล้ว ในส่วนของ Lohri Store ยังมีนาฬิกาชั้นนำระดับโลกให้ท่านเลือกซื้อเลือกชมอาทิ เช่น Patek Philippe, Franck Muller Cartier , Piaget, Parmigiani Fleurier, Panerai, IWC , Omega, Jaeger-LeCoultre, Blancpain, Tag Heuer ฯลฯ และไม่ควรพลาดเค้กเชอร์รี่ Zug Cherry Cake (Zuger Kirschtorte) จากร้าน Speck เค้กที่มีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์และมีขายมากว่าร้อยปี มีบุคคลที่มีชื่อเสียงมากมายต่างเคยลิ้มลองเค้กจากร้านนี้ เช่น Charlie Chaplin, Winston Churchill หรือสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส โดยเมืองซุกนี้มีการทำฟาร์มผลไม้ ทั้งสตอเบอร์รี่, บูลเบอร์รี่, ราสเบอร์รี่,ลูกแพร์ ฯลฯ รวมทั้ง เชอร์รี่ ที่มีปลูกมากกว่า 40,000 ต้น จากนั้นนำท่าน นั่งรถไฟไต่เขาริกิ (Rigi) ที่ถือได้ว่าเป็นรถไฟไต่เขาที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรป ที่เรียกได้ว่าเป็นรถไฟสายแรกของสวิตเซอร์แลนด์เลยก็ว่าได้ และยังเป็นอันดับ 2 รองจากยอดเขาวอชิงตัน ในมลรัฐนิวแฮมป์เชียร์ ในสหรัฐอเมริกา มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 1,798 เมตร สู่ ยอดเขาริกิ (Rigi Kulm) มีที่มาจากคำว่า Mons Regina แปลได้ว่า “ราชินิแห่งขุนเขา” (Queen of the mountains) เพราะสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของยอดเขาอื่นๆ ได้รอบ 360 องศา
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารบนยอดเขา
บ่าย นำท่านลงจากเขาเที่ยวชม เมืองลูเซิร์น (Lucerne) เมืองท่องเที่ยวยอดนิยมอันดับหนึ่งของสวิตเซอร์แลนด์ ที่ถูกห้อมล้อมไปด้วยทะเลสาบและขุนเขา นำท่านชมสิงโตหินแกะสลัก (Dying Lion of Lucerne) ที่แกะสลักบนผาหินธรรมชาติ เพื่อเป็นอนุสรณ์รำลึกถึงการสละชีพอย่างกล้าหาญของทหารสวิสที่เกิดจากการปฏิวัติในฝรั่งเศสเมื่อปี ค.ศ.1792 ชมสะพานไม้ชาเปล (Chapel Bridge) ซึ่งมีความยาวถึง 204 เมตร ทอดข้ามผ่านแม่น้ำรอยส์ (Reuss River) อันงดงามซึ่งเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของเมืองลูเซิร์น เป็นสะพานไม้ที่มีหลังคาที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรป สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1333 โดยใต้หลังคาคลุมสะพานมีภาพวาดประวัติศาสตร์ของชาวสวิส ตลอดแนวสะพาน ให้ท่านได้อิสระเลือกซื้อสินค้าของสวิส เช่น ช็อคโกแลต, เครื่องหนัง, มีดพับ, นาฬิกายี่ห้อดัง อาทิเช่น Rolex, Omega, Tag Heuer เป็นต้น
หลังจากนั้น นำท่านเดินทางสู่สนามบิน เพื่อทำคืนภาษี (Tax Refund) และมีเวลาช้อปปิ้งสินค้าปลอดภาษี (Duty Free) ภายในสนามบิน
22.15น. ออกเดินทางสู่กรุงเทพ โดยเที่ยวบินที่ EK086
วันที่แปด ดูไบ – กรุงเทพ
06.25 น. เดินทางถึงสนามบินดูไบ รอเปลี่ยนเครื่อง
09.40 น. ออกเดินทางต่อกลับสู่กรุงเทพด้วยเที่ยวบิน EK372
19.15 น. ถึงสนามบินสุวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพ

ทัวร์ยุโรป