22. VMUCMXP86WY-22 สวยสะเด็ด โดโลไมท์ เวนิส ชิงเกวแตร์เร DE AT IT 8 วัน 6 คืน BY WY

ทัวร์ยุโรป สวยสะเด็ด โดโลไมท์ เวนิส ชิงเกว แตร์เร เยอรมนี ออสเตรีย อิตาลี 8 วัน 6 คืน (WY)

ราคาเริ่มต้น 75,555 ฿ ดาวน์โหลด PDF จองทัวร์

สายการบิน: download

จากนั้นนำท่านเก็บภาพความประทับใจกับวิวไฮไลท์ ของเทือกเขา Dolomites ณ ซานตา แมดดาเลนา Santa Maddalena (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.45 ชั่วโมง) ถ่ายรูปกับหนึ่งจุดไฮไลต์ด้วยวิวยอดเขาแปลกตาอีกแห่งหนึ่งในโดโลไมท์ ณ โบสถ์ Santa Maddalena โบสถ์ที่ถือเป็นสถานที่ไฮไลต์ทที่ถูกถ่ายรูปมากที่สุด ในอุทยานโดโลไมท์ มีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามมีฉากหลังเป็นเทือกเขา Odles

วันที่เดินทาง

4 ธ.ค. 67 – 11 ธ.ค. 67

ทัวร์ยุโรป 

วันที่ (1) สนามบินสุวรรณภูมิ – สนามบินมัสกัต – สนามบินมิวนิค – มิวนิค (เยอรมนี)
07.00 น. คณะพร้อมกันที่ สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ชั้น 4 เคาน์เตอร์สายการบิน โอมาน แอร์ (WY ) โดยมีเจ้าหน้าที่บริษัทฯ คอยต้อนรับและอำนวยความสะดวกด้านเอกสารการเดินทาง

*** เที่ยวบินหรือเวลาอาจมีการเปลี่ยนแปลง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสายการบินเป็นผู้กำหนด ***
ขอสงวนสิทธิ์ในการเลือกที่นั่งบนเครื่องบินเนื่องจากเป็นตั๋วกรุ๊ป การจัดที่นั่งจะเป็นระบบ RANDOM ที่นั่งอาจจะไม่ได้นั่งติดกัน
ทางบริษัทไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงได้ ซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขของสายการบินเป็นผู้กำหนด

09.10 น. ออกเดินทางสู่ มัสกัต ประเทศโอมาน โดยสายการบิน โอมาน แอร์ (WY) เที่ยวบินที่ WY818 (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง) (ใช้เวลาบินประมาณ 7 ชั่วโมง )
12.00 น. เดินทางถึง สนามบินมัสกัต ประเทศโอมาน (เวลาท้องถิ่น) จากนั้นรอต่อเครื่องเพื่อเดินทางสู่ มิวนิค ประเทศเยอรมนี (รอแวะเปลี่ยนเครื่องประมาณ 1 ชั่วโมง 40 นาที)
13.40 น. ออกเดินทางสู่มิวนิค ประเทศเยอรมัน โดยเที่ยวบินที่ WY123 (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง) (ใช้เวลาบินประมาณ 7.30 ชั่วโมง)
19.00 น. เดินทางถึง สนามบินมิวนิค ประเทศเยอรมัน (เวลาประเทศสวิตเซอร์แลนด์ช้ากว่าประเทศไทย 5 ชั่วโมง กรุณาปรับเวลาให้ตรงตามเวลาท้องถิ่น เพื่อความสะดวกในการนัดหมาย) ผ่านขั้นตอนตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรเรียบร้อยแล้ว

เดินทางสู่ เมืองฟุสเซ่น (ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง)
ที่พัก  โรงแรมมาตรฐาน 3-4 ดาว หรือเทียบเท่า

วันที่ (2) ปราสาทโฮเฮนชวานเกา (บริเวณภายนอก) – ย่านเมืองเก่าฟุสเซ่น – อินส์บรุค (ออสเตรีย) – หลังคาทองคำ – แม่น้ำอินส์ (B/L/-)
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก

นำท่านชม ปราสาทโฮเฮนชวานเกา (Hohenschwangau Castel) (บริเวณภายนอก) ปราสาทพระราชวังฤดูร้อนแห่งบาวาเรีย ปราสาทสีเหลืองที่สร้างด้วยศิลปะแบบนีโอโกธิคแห่งนี้ ตั้งอยู่ใกล้กับทะเลสาบ Alpsee เป็นปราสาทที่พระเจ้าลุดวิกที่ 2 เคยประทับอยู่เมื่อครั้งยังทรงพระเยาว์ และชมความงดงามของ ปราสาทนอยชวานสไตน์ ท่านสามารถเดินทางไปที่ สะพานมาเรียน (Marienbrücke) จุดชมวิวด้านบน มุมสูงของปราสาทนอยชวานสไตน์ (Neuschwanstein Castel) ปราสาทแห่งยุคกลางที่มีชื่อเสียง ที่สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าลุดวิกที่ 2 ตามจินตนาการของคีตกวีชาวเยอรมนี ริชาร์ด วากเนอร์ ตัวปราสาทมีที่ตั้งอันน่าทึ่งบนหินผาขนาดใหญ่ยักษ์ สูงกว่า 200 เมตร เหนือออบแก่งของแม่น้ำพอลลัท พร้อมชื่นชมธรรมชาติและทิวทัศน์ที่สวยงาม ซึ่ง วอลซ์ ดิสนีย์ ได้จำลองแบบไปสร้างปราสาทไว้ในดิสนีย์แลนด์ทุกแห่งในโลก จนกลายเป็นสัญลักษณ์ของดิสนีย์แลนด์ อิสระให้ท่านถ่ายภาพเก็บความประทับใจ (ราคาทัวร์ไม่รวมค่ารถ Shuttle bus หรือ รถม้า ขึ้นไปยังสะพานมาเรียน หากสนใจสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่หัวหน้าทัวร์)
นำท่านเดินทางสู่ เมืองอินส์บรุค (Innsbruck) ประเทศออสเตรีย (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.30 ชั่วโมง) หัวใจแห่งเทือกเขาแอลป์ ตั้งอยู่บนที่ราบลุ่มอินน์ (Inn Valley) ทางตะวันตกของประเทศ เป็นเมืองเล็กๆ ที่โอบล้อมด้วยภูเขาหิมะขนาดใหญ่ยักษ์ประกบอยู่ทางทิศเหนือ และทิศใต้ มีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ และสถาปัตยกรรมสวยงามที่สามารถเที่ยวชมได้ทั้งเมือง
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

อิสระให้ท่านเดินเล่นชมเมืองอินส์บรุค (Innsbruck) บริเวณแลนด์มาร์คของเมือง นั่นคือ “หลังคาทองคำ” สัญลักษณ์สำคัญของเมืองตั้งอยู่ในเขต Old Town ไฮไลท์สำคัญอยู่ที่ส่วนของหลังคาที่ยื่นออกมาจากระเบียงตกแต่งด้วยทองคำแท้ จำนวน 2,738 แผ่น ในการมุงหลังคากว้าง 16 เมตร เพื่อพยายามลบข่าวลือว่าสถานภาพทางการเงินที่ไม่ดีในช่วงนั้น ตกแต่งสวยงามแปลกตา และมีมูลค่าสูงจนไม่สามารถประเมินค่าได้ อาคารสไตล์โกธิคผสมบาโรกนี้ สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 16 เพื่อเฉลิมฉลองการอภิเษกสมรสครั้งที่ 2 ของจักรพรรดิแมกมิเลียนที่ 1 ในอดีตจะทรงประทับที่ระเบียง เพื่อทอดพระเนตรกิจกรรม และเทศกาลต่างๆ ที่จัดขึ้นบริเวณจัตุรัสด้านล่าง ใกล้ๆกันท่านจะเห็น City Tower หอคอยเก่าแก่อายุมากกว่า 450 ปี ตั้งอยู่ใจกลางเมือง Innsbruck มีความสูง 31 เมตร เป็นอาคารที่มีความสูงที่สุดในเมือง โดดเด่นจนสามารถมองเห็นได้จากระยะไกล เดินถัดมาอีกไม่ไกลท่านจะได้สัมผัสความงดงามของ แม่น้ำอินส์ (Inn River) แม่น้ำสายหลักที่ไหลผ่านอาคารตึกเก่าหลากสี แวะถ่ายรูป Candy House บริเวณสะพานข้ามแม่น้ำอินน์ กลุ่มอาคารเก่าสีพาสเทลที่ตั้งอยู่เรียงกันริมแม่น้ำ มีวิวภูเขาแอลป์เป็นฉากตระการตา เป็นจุดแลนด์มาร์คห้ามพลาดเช็คอินอีกแห่งหนึ่งของอินส์บรุค

เพื่อให้ท่านได้เพลิดเพลินในการเดินเล่นอย่างเต็มอิ่มจุใจ อิสระอาหารเย็นตามอัธยาศัย
พัก  โรงแรมมาตรฐาน 3-4 ดาว หรือเทียบเท่า

วันที่ (3) ซานตา แมดดาเลนา – ทะเลสาบบรายเอียซ – ทะเลสาบมิซูริน่า – คอร์ติน่า ดัมเปซโซ่ (B/L/-)
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก

จากนั้นนำท่านเก็บภาพความประทับใจกับวิวไฮไลท์ ของเทือกเขา Dolomites ณ ซานตา แมดดาเลนา Santa Maddalena (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.45 ชั่วโมง) ถ่ายรูปกับหนึ่งจุดไฮไลต์ด้วยวิวยอดเขาแปลกตาอีกแห่งหนึ่งในโดโลไมท์ ณ โบสถ์ Santa Maddalena โบสถ์ที่ถือเป็นสถานที่ไฮไลต์ทที่ถูกถ่ายรูปมากที่สุด ในอุทยานโดโลไมท์ มีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามมีฉากหลังเป็นเทือกเขา Odles

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ ทะเลสาบบรายเอียซ (Lake Braies) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ชั่วโมง) ซึ่งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ Fanes Sennes Braies เขตป่าสงวนที่ใหญ่ที่สุดใจกลางเทือกเขาโดโลไมท์ เพื่อชมความงามของทะเลสาบ ตั้งอยู่ริมขอบทางทิศเหนือของอุทยานมีทางเดินอย่างดีเป็นวงกลมรอบทะเลสาบ อิสระให้ท่านเก็บภาพความประทับใจ

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

นำท่านเดินทางสู่ ทะเลสาบมิซูริน่า (Lake Misurina) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที) ทะเลสาบที่หลบซ่อนตัวในหุบเขาที่ถือเป็นสถานที่ ท่องเที่ยวที่สำคัญอีกแห่งใดในโดโลไมท์ อิสระให้ท่านเดินเล่นชมวิวทะเลสาบเก็บภาพสุดแสนประทับใจ

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

นำท่านเดินทางสู่ เมืองคอร์ตินา ดัม เปซโซ่ (Cortina D’ Ampezzo) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที) เมืองนี้เป็นเมืองสกีรีสอร์ท Best of The Alps ที่ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติเทือกเขาโดโลไมท์ (Dolomites) หรือ โดโลมิติ ตามการเรียกขานของชาวอิตาลี เพียงแห่งเดียวในอิตาลีที่ได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 10 ของสกีรีสอร์ทที่ดีที่สุดในโลก ถือว่าเป็นอีกหนึ่งไข่มุกแห่งโดโลไมท์ ให้อิสระท่านเดินเล่น เก็บภาพบรรยากาศ ซึมซับกับทัศนียภาพที่สวยงาม และอากาศบริสุทธิ์ เพื่อให้ท่านได้เพลิดเพลินในการเดินเล่น อิสระอาหารเย็นตามอัธยาศัย

นำท่านเดินทางสู่ เมืองเวนิส เมสเตร้ (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.30 ชั่วโมง)
ที่พัก  โรงแรมมาตรฐาน 3-4 ดาว หรือเทียบเท่า

วันที่ (4) เวนิส – สะพานถอนหายใจ – มหาวิหารซานมาร์โก (บริเวณภายนอก) – จัตุรัสเปียซซ่าซานมาร์โก – หอนาฬิกาเซนต์มาร์ค – Sesto Fiorentino (B/-/D)
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก

นำท่านเดินทางสู่ เวนิส (Venice) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที) เมืองหลวงแห่งภูมิภาค Veneto ของ ประเทศอิตาลี มีลักษณะเป็นเกาะเล็กเกาะน้อยรวมกันกว่า 100 เกาะ เกิดเป็นลากูน บนทะเลเอเดรียติก (Adriatic Sea) ผืนน้ำที่คั่นระหว่างเกาะต่างๆ จะมีสะพานเชื่อมถึงกัน พื้นดินทั้งหลายนั้นแท้จริงแล้วเป็นเกาะใหญ่น้อยมาร้อยรวมกันเสมือนผ้าผืนใหญ่ที่อยู่กลางน้ำ สัญลักษณ์ของเวนิส หลายๆ คนคงคุ้นเคยกับ เรือกอนโดลา (Gondola) กันดี เป็นเรือที่มีรูปทรงเป็นเอกลักษณ์ โดยเฉพาะบริเวณหัวเรือกับท้ายเรือที่มีลักษณะปลายแหลม ความยาวอยู่ที่ 4-5 เมตร กว้างประมาณ 1.2 เมตร และสามารถจุผู้โดยสารได้ 5-6 คน เดิมเป็นเรือที่ใช้ในการอพยพผู้คนที่หนีภัยสงครามในสมัยอาณาจักรโรมัน และมาตั้งถิ่นฐานอยู่ที่เวนิส ด้วยความพื้นที่ส่วนใหญ่ของเมืองเป็นคูคลอง และทะเล เรือจึงเป็นยานพาหนะสำคัญในการเดินทางสันจร และการขนส่งของเมือง

นำท่านนั่งเรือโดยสารข้ามไปยังเกาะเวนิส ท่านจะได้เห็น สะพานถอนหายใจ (Ponte dei Sospiri หรือ Bridge of Sighs) ในอดีต ชั้นใต้ดินของพระราชวังดูคาเล่ มีคุกขังนักโทษ ที่จะถูกเชื่อมด้วยทางเดินแคบๆ ไปยังสะพานข้ามคลองสู่แดนคุมขัง สะพานแห่งนี้จึงมีชื่อเรียกว่า สะพานถอนหายใจ (Ponte dei Sospiri หรือ Bridge of Sighs) ตามอาการของนักโทษที่เดินข้ามสะพานและกำลังจะหมดอิสรภาพนั่นเอง ปัจจุบันคุกใต้ดินไม่ได้ใช้งานแล้ว และสะพานถอนหายใจแห่งนี้ก็เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คของการนั่งเรือกอนโดลาชมเมือง
เดินถัดมาไม่ไกลมากนัก ท่านจะพบกับ หอระฆังซานมาร์โก (San Marco Campile) เป็นหอระฆังสูงถึง 98 เมตร ที่ตั้งอยู่ด้านหน้ามหาวิหารซานมาร์โก เรียกว่าเป็นจุดเด่นที่ตั้งอยู่ท่ามกลาง จัตุรัสเปียซซ่าซานมาร์โค (Piazza San Marco) เลยทีเดียว ที่นี่เป็นอีกแลนด์มาร์คที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายภาพ และบริเวณมุมหนึ่งของจัตุรัส เราจะพบกับ หอนาฬิกาเซนต์มาร์ค (Torre dell’Orologio) อีกหนึ่งแลนด์มาร์คของเวนิสที่สร้างขึ้นเมื่อศตวรรษที่ 15 ด้วยสถาปัตยกรรมแบบเวเนเชียนเรอเนสซองส์ หน้าปัดนาฬิกาเป็นสีน้ำเงิน ตกแต่งด้วยลวดลายสีทองของ 12 ราศี ส่วนด้านบนเป็นลวดลายโมเซคสีน้ำเงินสลับทองด้วยเช่นกัน เป็นการแต่งเติมเมื่อปี ค.ศ. 1755 โดย Giorgio Massari สถาปนิกชาวเวนิสสมัยบาโรก

เพื่อให้ท่านได้เพลิดเพลินในการเดินเล่นอย่างเต็มอิ่มจุใจ อิสระอาหารกลางวันตามอัธยาศัย

สมควรแก่เวลานำท่านเดินทางสู่ เมืองเซสโต ฟิโอเรนติโน่ (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3.45 ชั่วโมง)

เย็น รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร
ที่พัก  โรงแรมมาตรฐาน 3-4 ดาว หรือเทียบเท่า

วันที่ (5) Sesto Fiorentino – ฟลอเรนซ์ – ปิซ่า – หอเอนปิซ่า (B/L/-)
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก

นำทุกท่านเดินทางไปยัง สถานีรถไฟ Sesto Fiorentino เพื่อเดินทางเข้าสู่ เมืองฟลอเรนซ์ (Florence) เมืองที่ได้รับขนานนามว่าเป็นเมืองศูนย์กลางแห่งศิลปะในยุคเรอเนสซองส์ ซึ่งล้วนแล้วแต่มี โบราณสถานสําคัญ และมีทิวทัศน์ตามธรรมชาติที่สวยงามจนได้รับการแต่งตั้งให้เป็นมรดกโลกจาก องค์กรยูเนสโก้เมื่อ ปี ค.ศ.1982 ทําให้ทัสคานีมีชื่อเสียงในฐานะดินแดนท่องเที่ยวยอดนิยมระดับโลก อิตาลี ท่านจะได้เห็นความยิ่งใหญ่ และอลังการของ มหาวิหารซานตา มาเรีย เดล ฟิโอเร (Santa Maria Dell Fiore) วิหารของเมืองฟลอเรนซ์ ที่ใหญ่เป็นอันดับ 4ของทวีปยุโรป ซึ่งโดด เด่นด้วยสถาปัตยกรรมที่ใช้หินอ่อนหลายสีตกแต่งผสมผสานกันได้อย่างงดงาม นําชม จัตุรัสเดลลา ซิญญอเรีย (Piazza Della Signoria) ซึ่งรายล้อมไปด้วยรูปปั้น อาทิ เช่น รูปปั้นเทพเจ้าเนปจูน (Fountain Of Neptune), วีรบุรุษเปอร์ซิอุสถือหัวเมดูซ่า (Perseus With The Head Of Medusa), รูปปั้นเดวิด ผลงานที่มีชื่อเสียงของ ไมเคิล แองเจโล่ จากนั้นเดินไปไม่ไกล ริมฝั่งแม่น้ำอาร์โน ท่านจะพบกับ สะพานเวคคิโอ (Vecchio) สะพานเก่าแก่ที่มีมีร้านขายทอง และอัญมณีอยู่ทั้งสองข้างสะพาน ให้เวลาท่านอิสระเลือกซื้อสินค้าทั้งของฝาก ของที่ระลึก รวมทั้งสินค้าแฟชั่นนําสมัย

เพื่อให้ท่านได้เพลิดเพลินในการเดินเล่นอย่างเต็มอิ่มจุใจ อิสระอาหารกลางวันตามอัธยาศัย

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองปิซ่า (Pisa) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ชั่วโมง) เมืองที่ตั้งอยู่ในแคว้นทอสคานา ประเทศอิตาลี จุดมุ่งหมายที่นักท่องเที่ยวต่างมาเยือนคือการชม หอเอนเมืองปิซ่า 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ที่ใช้เวลาในการก่อสร้างกว่า 200 ปี

นำท่านชม จัตุรัสเปียซซา เดล ดูโอโม (Piazza Del Duomo) บริเวณจัตุรัสแห่งนี้ประกอบไปด้วย มหาวิหารเมืองปิซ่า (Pisa Cathedral) หอศีลจุ่ม (Pisa Baptistery) และ หอระฆัง (Leaning Tower of Pisa) ที่เป็นแลนด์มาร์กที่มีชื่อเสียงระดับโลก การก่อสร้างของหอระฆังแห่งนี้ แบ่งออกเป็น 3 ช่วง ช่วงแรกเป็นเริ่มก่อสร้างเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม ค.ศ.1173 ไม่ปรากฏชัดเจนว่าใครเป็นคนออกแบบ เมื่อสร้างไปได้ 3 ชั้น การก่อสร้างก็มีอันต้องยุติลง เพราะเมืองปิซ่าเข้าสู่ภาวะสงคราม ระหว่างการก่อสร้างช่วงแรก เพียงแค่ 5 ปี หลังจากเริ่มทำการก่อสร้างก็พบว่า หอคอยแห่งนี้ก็เริ่มเอนลงไปทางเหนือแล้ว โดยครั้งแรกที่สามารถสังเกตเห็นความผิดปกติของหอคอยแห่งนี้ก็ในช่วงที่มีการก่อสร้างเพิ่มเติมช่วงที่สอง แต่ทว่าสถาปนิก จิโอวานนี ดิ ซิโมเน ก็ยังคงเดินหน้าสร้างต่อ โดยปัจจุบันนี้ หอเอนเมืองปิซ่า ลาดเอียงลงมาประมาณ 13 องศาแล้ว ซึ่งผู้เชี่ยวชาญระบุว่า หอเอนมีโอกาสพังถล่มลงมาแน่นอน โดยทุกๆ 20 ปี หอคอยแห่งนี้จะเอนลง 1 นิ้ว และมีคนทำนายว่า หอคอยแห่งนี้จะพังถล่มลงมาในปี 2200 หากยังไม่มีใครหาทางป้องกันได้

เย็น รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร
ที่พัก  โรงแรมมาตรฐาน 3-4 ดาว หรือเทียบเท่า

วันที่ (6) ลา สเปเซีย – ชิงเกว แตร์เร – หมู่บ้านริโอ แมกจิโอเร่ – หมู่บ้านมานาโรล่า – หมู่บ้านเวร์นาซซา – เลวานโต้ –
มิลาน (B/-/D)
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก

นําท่านเดินทางสู่ สถานีรถไฟ ลา สเปเซีย (La Spezia) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.15 ชั่วโมง) เพื่อนั่งรถไฟ สู่ ชิงเกว แตร์เร (Cinque Terre) หมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่บริเวณริมชายฝั่งริเวียร่าของอิตาลี ที่มีความหมายว่า “ดินแดนทั้งห้า (Five Land)” ตั้งบนหน้าผาสูงชันเหนือทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ติดทะเลบริเวณชายฝั่งแคว้นลิกูเรีย ประกอบด้วยหมู่บ้าน 5 แห่ง ได้แก่ MONTEROSSO AL MARE, VERNAZZA, CORNIGLIA, MANAROLA และ RIO MAGGIORE โดยทั้งห้าหมู่บ้านนี้มีหุบเขาล้อมรอบ ประกอบกันเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติฯ และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก้อีกด้วย
นําท่านเดินเล่นชม หมู่บ้านริโอแมกจิโอเร่ (Rio-Maggiore) เป็นหมู่บ้านประมง เล็กๆ ที่มีเสน่ห์และมีบรรยากาศเหมือนเมืองตุ๊กตา บ้านเรือนที่ตั้งลดหลั่นกันบนหน้าผาที่ปกคลุมด้วย ต้นไม้เขียวขจีตัดกับนํ้าทะเลเมดิเตอร์เรเนียนสีเทอร์ควอยซ์

กลับขึ้นรถไฟไปต่อยัง หมู่บ้านมานาโรล่า (Manarola) ที่ถือได้ว่าเป็นหมู่บ้านที่เก่าแก่ที่สุดในห้าหมู่บ้าน ที่สร้างมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1338 อาคารสีสันสดใสที่ตั้งเรียงรายไล่ระดับลงมาหน้าผา ตัดกับสีของน้ำทะเลที่ท่านจะต้องเพลิดเพลินไปกับการเดินเล่นชมเมือง

นำท่านกลับขึ้นรถไฟไปต่อยัง หมู่บ้านเวร์นาซซา (Vernazza) หมู่บ้านชาวชาวประมงเล็กๆ ที่ได้รับความนิยมและมีชื่อเสียงเรื่องความสวยงามของบ้านเรือนที่อยู่ติดทะเล โดยมีโบสถ์หลังเล็กตั้งเด่นเป็นเเลนด์มาร์คอยู่ริมอ่าวคือ โบสถ์ Santa Margherita Di Antiochia สร้างขึ้นตั้งเเต่ราวศตวรรษที่ 9 มี หอนาฬิกาเเปดเหลี่ยม ตั้งอยู่โดดเด่นเป็นสง่า ไม่ไกลจากโบสถ์จะมีบันไดทางขึ้นเล็กๆ ที่แทรกตัวอยู่ระหว่างตึก เมื่อเดินตามทางขึ้นไปเรื่อยๆ จะพาเรามาอยู่ด้านหลังของโบสถ์ Santa Margherita หลังจากเดินผ่านจุด Check Point ไปอีกเล็กน้อย จะเป็นจุดชมวิว และจุดถ่ายภาพที่สวยที่สุดของหมู่บ้าน Vernazz จากจุดนี้ เราจะสามารถมองเห็นอาคารบ้านเรือนหลากสีที่ตั้งอยู่ลดหลั่น ตัดกับท้องฟ้าสดใส และท้องทะเลเมดิเตอร์เรเนียน

เพื่อให้ท่านได้เพลิดเพลินในการเดินเล่นอย่างเต็มอิ่มจุใจ อิสระอาหารกลางวันตามอัธยาศัย

สมควรแก่เวลานำท่านขึ้นรถไฟกลับสู่เมืองเลวานโต้ จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองมิลาน (Milan) หรือที่คนอิตาเลียนเรียกว่า มิลาโน่ (Milano) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3.20 ชั่วโมง) มิลานเป็นเมืองหลักของแคว้นลอมบาร์เดีย เป็นเมืองสำคัญในภาคเหนือใหญ่อันดับ 2 ของประเทศอิตาลี มีประวัติศาสตร์ศิลปะและวัฒนธรรมที่หลากหลายผ่านสถานที่สำคัญมากมาย เมืองนี้ได้ชื่อว่าเป็นเมืองผู้นำแฟชั่นระดับแนวหน้าของโลก มีชื่อเสียงในการเป็นศูนย์กลางทางธุรกิจการค้าแฟชั่นโมเดิร์นที่มีความทันสมัย เช่นเดียวกับ ปารีส และ นิวยอร์ค อีกทั้งมิลานยังเป็นหัวใจด้านเศรษฐกิจของอิตาลีเพราะเป็นศูนย์กลางการคมนาคมเขตอุสาหกรรมที่หนาแน่นที่สุดของประเทศและเป็นศูนย์กลางการเดินทางเข้าอิตาลี

เย็น รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร
ที่พัก  โรงแรมมาตรฐาน 3-4 ดาว หรือเทียบเท่า
วันที่ (7) มหาวิหารดูโอโม มิลาน – ห้างสรรพสินค้ากลางเมืองมิลาน (Galleria Vittorio Emanuele II) – Serravalle Designer Outlet – สนามบินมิลาน (B/-/-)
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
นำท่านชม มหาวิหารดูโอโม่ (Duomo di Milano) ตั้งอยู่ใจกลางเมืองมิลาน วิหารโอ่อ่าใหญ่โตอลังการ สถาปัตยกรรม สไตล์โกธิคสีขาวเด่นสวยงาม เป็นอันดับ 3 ของโลก เริ่มสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1386 แต่ระหว่างการก่อสร้างก็พบกับปัญหา และอุปสรรคมากมาย ทั้งปัญหาการเมือง และการเงิน กว่าจะเสร็จสมบูรณ์ก็ใช้เวลาไปถึง 579 ปี เปลี่ยนคนก่อสร้างไปหลายชั่วอายุคน แต่มีสถาปนิกที่คุมการก่อสร้าง ที่จะไม่กล่าวถึงไม่ได้นั่นก็คือ ลีโอนาโด นาวินชี ศิลปินชื่อก้องโลก วิหารนั้นมีการประดับประดาไปด้วยรูปปั้นกว่า 3,200 รูปที่สวยงาม และมียอดรวม 135 ยอด จนได้รับฉายาว่า “วิหารเม่น”

บริเวณใกล้กันจะเป็น ห้างสรรพสินค้ากลางเมืองมิลาน (Galleria Vittorio Emanuele II) ที่นี่เป็นห้างสรรพสินค้าเก่าแก่ที่สุดในอิตาลี และเรียกได้ว่า เก่าแก่ที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ ตั้งอยู่ใจกลางเมืองมิลาน ศูนย์การค้าสุดหรูของผู้หลงใหลแฟชั่นและอาหารชั้นเลิศแห่งนี้ Galleria Vittorio manuele II ตั้งอยู่ใกล้ๆกับ The Duomo
นำท่านเดินทางสู่ Shopping Outlet Serravalle (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ชั่วโมง) เอาท์เลทขนาดใหญ่ที่เน้นแบรนด์เนมในราคาสุดพิเศษจำนวนมากลดราคาสูงสุดถึง 70% แบรนด์ชั้นนำจากเกือบทั่วโลกมาให้เลือกซื้อเลือกช้อปกัน เช่น Gucci , Prada , Burberry, Stone Island , Valentino , Armani , boss , Michael Kors , Karl Lagerfeld , Benetton, Calvin Klein, Crocs , Guess, Lacoste, Diesel และอีกมากมาย
เพื่อให้ท่านได้เพลิดเพลินในการเดินเล่นอย่างเต็มอิ่มจุใจ อิสระอาหารกลางวันและอาหารเย็นตามอัธยาศัย

ได้เวลาอันสมควรนำท่านเดินทางสู่ สนามบินมิลาน
21.30 น. ออกเดินทางสู่ มัสกัต ประเทศโอมาน โดยสายการบิน โอมาน แอร์ (WY) เที่ยวบินที่ WY144 (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง) (ใช้เวลาบินประมาณ 6.15 ชั่วโมง )

วันที่ (10) สนามบินมัสกัต – สนามบินสุวรรณภูมิ
06.45 น. เดินทางถึง สนามบินมัสกัต ประเทศโอมาน (เวลาท้องถิ่น) จากนั้นรอต่อเครื่องเพื่อเดินทางสู่ กรุงเทพฯ ประเทศไทย (รอแวะเปลี่ยนเครื่องประมาณ 2.10 ชั่วโมง )
08.55 น. ออกเดินทางสู่ สนามบินสุวรรณภูมิ ประเทศไทย โดยเที่ยวบินที่ WY815 (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง) (ใช้เวลาบินประมาณ 6 ชั่วโมง)
18.00 น. เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพ
ทัวร์ยุโรป