12. VFCODCG118SV-12 Europe Classic ชิงเกว แตร์เร จุงเฟรา สวยเป๊ะท

ทัวร์ยุโรป Europe Classic ชิงเกว แตร์เร จุงเฟรา สวยเป๊ะทุกองศา IT CH FR 11 วัน 8 คืน (SV)

ราคาเริ่มต้น 97,777 ฿ ดาวน์โหลด PDF จองทัวร์

จากนั้นเดินทางสู่ เมืองบาเซิล (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ชั่วโมง)เป็นเมืองที่มีประชากรหนาแน่นเป็นอันดับที่ 3 ของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมืองบาเซิลตั้งอยู่ทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศริมฝั่งแม่น้ำไรน์ และยังเป็นเมืองเก่าที่มีอายุกว่า 2000

วันที่เดินทาง

11 ต.ค. 67 – 21 ต.ค. 67, 18 ต.ค. 67 – 28 ต.ค. 67

ทัวร์ยุโรป

วันที่ (1) สนามบินสุวรรณภูมิ
23.00 น. คณะพร้อมกันที่ ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ชั้น 4 เคาน์เตอร์สายการบินซาอุเดีย (SV) โดยมีเจ้าหน้าที่บริษัทฯ คอยต้อนรับและอำนวยความสะดวกด้านเอกสารการเดินทาง
*** เที่ยวบินหรือเวลาอาจมีการเปลี่ยนแปลง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสายการบินเป็นผู้กำหนด ***
ขอสงวนสิทธิ์ในการเลือกที่นั่งบนเครื่องบินเนื่องจากเป็นตั๋วกรุ๊ป การจัดที่นั่งจะเป็นระบบ RANDOM
ที่นั่งอาจจะไม่ได้นั่งติดกัน ทางบริษัทไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงได้ ซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขของสายการบิน

วันที่ (2) สนามบินเจดดาห์ – สนามบินโรม ฟูมิซิโน่ – โรม (อิตาลี) – โคลอสเซียม – น้ำพุเทรวี – บันไดสเปน (-/-/-)
02.15 น. ออกเดินทางสู่ สนามบินเจดดาห์ ประเทศซาอุดิอาระเบีย โดยสายการบินซาอุเดีย เที่ยวบินที่ SV849 (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง) (ใช้เวลาบินประมาณ 8.15 ชั่วโมง) (เวลาประเทศซาอุดิอาระเบีย ช้ากว่าประเทศไทย 4 ชั่วโมง)
06.30 น. เดินทางถึง สนามบินเจดดาห์ ประเทศซาอุดิอาระเบีย (เวลาท้องถิ่น) นำท่านแวะพักเปลี่ยนเครื่องเพื่อเดินทางสู่ประเทศอิตาลี (รอแวะเปลี่ยนเครื่องประมาณ 4 ชั่วโมง)
10.30 น. ออกเดินทางสู่ สนามบินโรม ฟูมิชิโน่ ประเทศอิตาลี โดยสายการบินซาอุเดีย เที่ยวบินที่ SV201 (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง) (ใช้เวลาบินประมาณ 5 ชั่วโมง 10 นาที)
14.40 น. ถึง สนามบินโรม ฟูมิชิโน่ ประเทศอิตาลี (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าประเทศไทย 5 ชั่วโมง) ผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรเรียบร้อยแล้ว
นำท่านเดินทางสู่ กรุงโรม (Rome) เป็นเมืองหลวงเก่าแก่ของประเทศอิตาลีซึ่งมีอายุเก่าแก่ถึง 2700 ปี ในอดีตเคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรโรมัน ซึ่งเป็นผู้ที่วางรากฐานอารยธรรมตะวันตกเผยแพร่ไปทั่วยุโรป และอาณาจักรแห่งนี้ได้เสื่อมถอยจากการมาถึงของศาสนจักรจึงเข้าสู่ยุคมืดในที่สุด

พาท่านชม โคลอสเซียม (Colosseum) แลนมาร์กและสถานที่ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของอิตาลี เป็นสนามกีฬาทรงกลมขนาดใหญ่ที่ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ 72 แล้วเสร็จในปี ค.ศ 80 ทั้งนี้ยังสามาถจุคนได้มากถึง 80,000 คนเลยทีเดียว โดยวัตถุประสงค์ในการสร้างโคลอสเซียมนั้นเพื่อเป็นการชมกีฬาและการต่อสู้ของเหล่าทาสและกลาดิเอเตอร์ในการประลองเพื่อเอาชีวิตรอดรวมถึงการแสดงฝีมือของเหล่านักรบอีกทั้งหากผู้ที่ชนะศึกการประลองจะได้รับชื่อเสียงและเงินทองมากมายอีกด้วย โดยในปี 1980 โคลอสเซียมได้ถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกของโลกโดยองค์กร Unesco และในปี 2007 และได้ถูกยกให้กลายเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่อีกด้วย

บริเวณใกล้กันนั้นท่านจะได้เห็น ประตูชัยคอนสแตนติน (Arch of Constantine) สร้างขึ้นเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองชัยชนะของจักรพรรดิคอนสแตนตินในการสู้รบที่สะพานมิลเวียน การออกแบบโดยทั่วไปของซุ้มประตูนั้นมีส่วนหลักที่มีโครงสร้างเป็นเสาเดี่ยว และห้องใต้หลังคาที่มีจารึกหลักอยู่ที่บริเวณด้านบน ซึ่งได้จารึกเกี่ยวกับเหตุการณ์ในชัยชนะของการรบอันยิ่งใหญ่ของประวัติศาสตร์โรมัน
จากนั้นนำท่านถ่ายรูปกับ น้ำพุเทรวี (Trevi Fountain) ถูกสร้างขึ้นในปี 1732 โดยสถาปนิกนามว่านิโคลา ซาลวี แต่เนื่องจากสถาปนิกท่านนี้ได้เสียชีวิตไปก่อนหลังจากก่อสร้างน้ำพุแห่งนี้ซึ่งสร้างเสร็จไปเพียงครึ่งนึงเท่านั้น ซึ่งแล้วเสร็จในปี 1762 โดยศิลปินนาว่า โจวานนี เปาโล ปานินิ ซึ่งน้ำพุแห่งนี้มีรูปปั้นของเทพเนปจูนหรือเทพเจ้าโพไซดอนตามตำนานปกรนัมกรีก โดยน้ำพุแห่งนี้มีความเชื่อกันว่าหากเราโยนเหรียญในการอธิษฐานตกลงไปใต้น้ำพุซึ่งเชื่อกันว่าจะทำให้กลับมายังน้ำพุเทรวีแห่งนี้อีกครั้ง

และไม่ไกลจากน้ำพุเทรวีมากนัก นำท่านเดินทางสู่ บันไดสเปน (Spanish Step) เป็นบันไดที่กว้างและยาวที่สุดในยุโรป ด้วยขั้นบันไดทั้งหมด 138 ขั้น ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมอันเก่าแก่และมีความเป็นเอกลักษณ์ในแบบฉบับโรมัน ออกแบบโดยสถาปนิกชาวอิตาลีนามว่า ฟรานเชสโก เด ซังค์ติส และ อาเลสซานโดร สเปคชี ถูกสร้างขึ้นในปีค.ศ 1723 แล้วเสร็จในปีค.ศ 1725 ด้วยเงินจากกองทุนมรดกของนักการทูตชาวฝรั่งเศส

เพื่อให้ท่านได้เพลิดเพลินในการเดินเล่นอย่างเต็มอิ่มจุใจ อิสระอาหารเย็นตามอัธยาศัย
ที่พัก  โรงแรมมาตรฐาน 3-4 ดาว หรือเทียบเท่า

วันที่ (3) โรม – สถานีรถไฟ Sesto Fiorentino – เมืองฟลอเรนซ์ – ปิซ่า – หอเอนเมืองปิซ่า (B/L/-)
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
จากนั้นนำทุกท่านเดินทางไปยัง สถานีรถไฟ Sesto Fiorentino (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง) เพื่อเดินทางเข้าสู่ เมือง ฟลอเรนซ์ (Florence) เมืองที่ได้รับขนานนามว่าเป็นเมืองศูนย์กลางแห่งศิลปะในยุคเรอเนสซองส์ ซึ่งล้วนแล้วแต่มี โบราณสถานสําคัญ และมีทิวทัศน์ตามธรรมชาติที่สวยงามจนได้รับการแต่งตั้งให้เป็นมรดกโลกจาก องค์กรยูเนสโก้เมื่อ ปี ค.ศ.1982 ทําให้ทัสคานีมีชื่อเสียงในฐานะดินแดนท่องเที่ยวยอดนิยมระดับโลก อิตาลี ท่านจะได้เห็นความยิ่งใหญ่ และอลังการของ มหาวิหารซานตา มาเรีย เดล ฟิโอเร (Santa Maria Dell Fiore) วิหารของเมืองฟลอเรนซ์ ที่ใหญ่เป็นอันดับ 4ของทวีปยุโรป ซึ่งโดด เด่นด้วยสถาปัตยกรรมที่ใช้หินอ่อนหลายสีตกแต่งผสมผสานกันได้อย่างงดงาม และไม่ไกลจากกันนัก ท่านสามารถมองเห็นจอตโต แคมพานีลี (Giotto’s CampanileI) หรือจอตโต เบล ทาวเวอร์ (Giotto’s Bell Tower) หอระฆังที่เป็นส่วนหนึ่งของมหาวิหารฟลอเรนซ์ ถูกสร้างขึ้นในรูปแบบสถาปัตยกรรมโกธิค ด้วยความสูงประมาณ 84.7 เมตร (277.9 ฟุต) ตัวหอคอยถูกตกแต่งด้วยรูปปั้น รูปแกะสลักอย่างงดงาม นําชม จัตุรัสเดลลา ซิญญอเรีย (Piazza Della Signoria) ซึ่งรายล้อมไปด้วยรูปปั้น อาทิ เช่น รูปปั้นเทพเจ้าเนปจูน (Fountain Of Neptune), วีรบุรุษเปอร์ซิอุสถือหัวเมดูซ่า (Perseus With The Head Of Medusa), รูปปั้นเดวิด ผลงานที่มีชื่อเสียงของ ไมเคิล แองเจโล่ จากนั้นเดินไปไม่ไกล ริมฝั่งแม่น้ำอาร์โน ท่านจะพบกับ สะพานเวคคิโอ (Vecchio) สะพานเก่าแก่ที่มีมีร้านขายทอง และอัญมณีอยู่ทั้งสองข้างสะพาน ให้เวลาท่านอิสระเลือกซื้อสินค้าทั้งของฝาก ของที่ระลึก รวมทั้งสินค้าแฟชั่นนําสมัย

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
นำท่านเดินทางสู่ เมืองปิซ่า (Pisa) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.10 ชั่วโมง) เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในแคว้นทอสคานา ประเทศอิตาลี บริเวณจัตุรัสดูโอโมแห่งปิซ่าหรือ จัตุรัสกัมโป เดย์ มีราโกลี (Compo Dei Miracoli) ที่ประกอบด้วยกลุ่มอาคาร สถาปัตยกรรมแบบโรมาเนสก์ โดยเริ่มจากหอพิธีเจิมน้ำมนต์ (Baptistery of St. John) ที่ใหญ่ที่สุดในอิตาลี พาท่านชม หอเอนเมืองปิซ่า 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ที่ใช้เวลาในการก่อสร้างกว่า 200 ปี โดยแบ่งออกเป็น 3 ช่วง ช่วงแรกเป็นเริ่มก่อสร้างเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม ค.ศ.1173 ไม่ปรากฏชัดเจนว่าใครเป็นคนออกแบบ เมื่อสร้างไปได้ 3 ชั้น การก่อสร้างก็มีอันต้องยุติลง เพราะเมืองปิซ่าเข้าสู่ภาวะสงคราม ระหว่างการก่อสร้างช่วงแรก เพียงแค่ 5 ปี หลังจากเริ่มทำการก่อสร้างก็พบว่า หอคอยแห่งนี้ก็เริ่มเอนลงไปทางเหนือแล้ว โดยครั้งแรกที่สามารถสังเกตเห็นความผิดปกติของหอคอยแห่งนี้ก็ในช่วงที่มีการก่อสร้างเพิ่มเติมช่วงที่สอง แต่ทว่าสถาปนิก จิโอวานนี ดิ ซิโมเน ก็ยังคงเดินหน้าสร้างต่อ โดยปัจจุบันนี้ หอเอนเมืองปิซ่า ลาดเอียงลงมาประมาณ 13 องศาแล้ว ซึ่งผู้เชี่ยวชาญระบุว่า หอเอนมีโอกาสพังถล่มลงมาแน่นอน โดยทุกๆ 20 ปี หอคอยแห่งนี้จะเอนลง 1 นิ้ว และมีคนทำนายว่า หอคอยแห่งนี้จะพังถล่มลงมาในปี 2200 หากยังไม่มีใครหาทางป้องกันได้

เพื่อให้ท่านได้เพลิดเพลินในการเดินเล่นอย่างเต็มอิ่มจุใจ อิสระอาหารเย็นตามอัธยาศัย
นำท่านออกเดินทางสู่ “เมืองปราโต้” (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง)
ที่พัก  โรงแรมมาตรฐาน 3-4 ดาว หรือเทียบเท่า

วันที่ (4) ลา สเปเซีย – ชิงเกว แตร์เร (Cinque Terre) – หมู่บ้านริโอ แมกจิโอเร่ (Rio – Maggiore) – หมู่บ้านมานาโรล่า (Manarola) – หมู่บ้านเวร์นาซซา (Vernazza) – เลวานโต้ – มิลาน (B/-/D)
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก

นําท่านเดินทางสู่ สถานีรถไฟ ลา สเปเซีย (La Spezia) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง) เพื่อนั่งรถไฟ สู่ ชิงเกว แตร์เร (Cinque Terre) หมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่บริเวณริมชายฝั่งริเวียร่าของอิตาลี ที่มีความหมายว่า “ดินแดนทั้งห้า (Five Land)” ตั้งบนหน้าผาสูงชันเหนือทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ติดทะเลบริเวณชายฝั่งแคว้นลิกูเรีย ประกอบด้วยหมู่บ้าน 5 แห่ง ได้แก่ MONTEROSSO AL MARE, VERNAZZA, CORNIGLIA, MANAROLA และ RIO MAGGIORE โดยทั้งห้าหมู่บ้านนี้มีหุบเขาล้อมรอบ ประกอบกันเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติฯ และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก้อีกด้วย
นําท่านเดินเล่นชม หมู่บ้านริโอแมกจิโอเร่ (Rio – Maggiore) เป็นหมู่บ้านประมง เล็กๆ ที่มีเสน่ห์และมีบรรยากาศเหมือนเมืองตุ๊กตา บ้านเรือนที่ตั้งลดหลั่นกันบนหน้าผาที่ปกคลุมด้วย ต้นไม้เขียวขจีตัดกับนํ้าทะเลเมดิเตอร์เรเนียนสีเทอร์ควอยซ์

กลับขึ้นรถไฟไปต่อยัง หมู่บ้านมานาโรล่า (Manarola) ที่ถือได้ว่าเป็นหมู่บ้านที่เก่าแก่ที่สุดในห้าหมู่บ้าน ที่สร้างมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1338 อาคารสีสันสดใสที่ตั้งเรียงรายไล่ระดับลงมาหน้าผา ตัดกับสีของน้ำทะเลที่ท่านจะต้องเพลิดเพลินไปกับการเดินเล่นชมเมือง

นำท่านกลับขึ้นรถไฟไปต่อยัง หมู่บ้านเวร์นาซซา (Vernazza) หมู่บ้านชาวชาวประมงเล็กๆ ที่ได้รับความนิยมและมีชื่อเสียงเรื่องความสวยงามของบ้านเรือนที่อยู่ติดทะเล โดยมีโบสถ์หลังเล็กตั้งเด่นเป็นเเลนด์มาร์คอยู่ริมอ่าวคือ โบสถ์ Santa Margherita Di Antiochia สร้างขึ้นตั้งเเต่ราวศตวรรษที่ 9 มี หอนาฬิกาเเปดเหลี่ยม ตั้งอยู่โดดเด่นเป็นสง่า ไม่ไกลจากโบสถ์จะมีบันไดทางขึ้นเล็กๆ ที่แทรกตัวอยู่ระหว่างตึก เมื่อเดินตามทางขึ้นไปเรื่อยๆ จะพาเรามาอยู่ด้านหลังของโบสถ์ Santa Margherita หลังจากเดินผ่านจุด Check Point ไปอีกเล็กน้อย จะเป็นจุดชมวิว และจุดถ่ายภาพที่สวยที่สุดของหมู่บ้าน Vernazz จากจุดนี้ เราจะสามารถมองเห็นอาคารบ้านเรือนหลากสีที่ตั้งอยู่ลดหลั่น ตัดกับท้องฟ้าสดใส และท้องทะเลเมดิเตอร์เรเนียน

เพื่อให้ท่านได้เพลิดเพลินในการเดินเล่นอย่างเต็มอิ่มจุใจ อิสระอาหารกลางวันตามอัธยาศัย
สมควรแก่เวลานำท่านขึ้นรถไฟกลับสู่เมืองเลวานโต้ จากนั้นเดินทางสู่ มิลาน (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3.30 ชั่วโมง) มิลาน หรือ มิลาโน เป็นเมืองเอกของแคว้นลอมบาร์เดีย ประเทศอิตาลี มิลานเป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 ของอิตาลีมีประวัติศาสตร์ศิลปะและวัฒนธรรมที่หลากหลายผ่านสถานที่สำคัญมากมาย เมืองนี้ได้ชื่อว่าเป็นเมืองผู้นำแฟชั่นระดับแนวหน้าของโลก มีชื่อเสียงในการเป็นศูนย์กลางทางธุรกิจการค้าแฟชั่นโมเดิร์นที่มีความทันสมัย เช่นเดียวกับ ปารีส และ นิวยอร์ค ทั้งมิลานเป็นหัวใจด้านเศรษฐกิจของอิตาลีเพราะเป็นศูนย์กลางการคมนาคมเขตอุสาหกรรมที่หนาแน่นที่สุดของประเทศและเป็นศูนย์กลางการเดินทางเข้าอิตาลี
เย็น รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร
ที่พัก  โรงแรมมาตรฐาน 3-4 ดาว หรือเทียบเท่า

วันที่ (5) มหาวิหารดูโอโม มิลาน – อนุสาวรีย์พระเจ้าเอ็มมานูเอลที่ 2 – ห้างสรรพสินค้ากลางเมืองมิลาน (Galleria Vittorio Emanuele II) – โคโม่ (สวิตเซอร์แลนด์) – ทะเลสาบโคโม่ – ลูเซิร์น – สะพานไม้ชาเปล – อนุสาวรีย์สิงโต – เมืองเก่าลูเซิร์น (B/L/-)
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
นำท่านเที่ยวชมแลนด์มาร์กของเมืองมิลาน ณ จัตุรัสกลางเมือง (Piazza del Duomo) จุดศูนย์กลางของเมืองเนื่องด้วยเป็นสถานที่ตั้งของ มหาวิหารดูโอโม่ (Duomo di Milano) วิหารโอ่อ่าใหญ่โตอลังการ สถาปัตยกรรมสไตล์โกธิคสีขาวเด่นสวยงาม เป็นอันดับ 3 ของโลก เริ่มสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1386 แต่ระหว่างการก่อสร้างก็พบกับปัญหา และอุปสรรคมากมาย ทั้งปัญหาการเมือง และการเงิน กว่าจะเสร็จสมบูรณ์ก็ใช้เวลาไปถึง 579 ปี เปลี่ยนคนก่อสร้างไปหลายชั่วอายุคน แต่มีสถาปนิกที่คุมการก่อสร้าง ที่จะไม่กล่าวถึงไม่ได้นั่นก็คือ ลีโอนาโด นาวินชี ศิลปินชื่อก้องโลก วิหารนั้นมีการประดับประดาไปด้วยรูปปั้นกว่า 3,200 รูปที่สวยงาม และมียอดรวม 135 ยอด จนได้รับฉายาว่า “วิหารเม่น” นอกจากมหารวิหารดูโอโม่แล้วยังมีสัญลักษณ์เด่นอยู่อีก นั่นก็คือ อนุสาวรีย์พระเจ้าเอ็มมานูเอลที่ 2 (Monument to Vittorio Emanuele II) อนุสาวรีย์แห่งนี้ได้ถูกสร้างขึ้นในปี 1896 เพื่อเป็นเกียรติแด่พระเจ้าวิคเตอร์ เอ็มมานูเอลที่ 2 ผู้ที่ได้ขึ้นเป็นกษัตริย์องค์แรกของอิตาลีในปี 1861 เป็นรูปปั้นทรงม้าในอิริยาบทกำลังออกรบอยู่บนแท่นหินอ่อน

บริเวณใกล้กันจะเป็น ห้างสรรพสินค้ากลางเมืองมิลาน (Galleria Vittorio Emanuele II) ที่นี่เป็นห้างสรรพสินค้าเก่าแก่ที่สุดในอิตาลี และเรียกได้ว่า เก่าแก่ที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ ตั้งอยู่ใจกลางเมืองมิลาน ศูนย์การค้าสุดหรูของผู้หลงใหลแฟชั่นและอาหารชั้นเลิศแห่งนี้ Galleria Vittorio manuele II ตั้งอยู่ใกล้ๆกับ The Duomo

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ ทะเลสาบโคโม่ (Lake Como) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง) ชมวิวที่สวยงามริมฝั่งทะเลสาบโคโมทะเลสาบแสนสวยของประเทศอิตาลี เป็น ทะเลสาบที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของอิตาลี แต่มีชื่อเสียงด้านความสวยงามมาเป็นอันดับหนึ่ง ซึ่งรอบๆทะเลสาบจะมีเมืองตากอากาศกระจายตัวอยู่หลายๆ เป็นทะเลสาบที่มีต้นกำเนิดจากธารน้ำแข็งในแคว้นลอมบาร์เดีย เป็นทะเลสาบที่ใหญ่เป็นอันดับสามของประเทศ แต่มีชื่อเสียงด้านความสวยงามมาเป็นอันดับหนึ่ง ให้ท่านได้เดินเล่นชมเมือง นำท่านถ่ายรูปด้านนอก มหาวิหารโคโม่ (Cathedral Of Como) เป็นมหาวิหารโรมันคาธอลิกใจกลางเมืองโคโม่ สร้างเพื่ออุทิศให้กับพระแม่มารี จากนั้นนำท่านถ่ายรูป กับ Monumento ai Caduti หรืออนุสาวรีย์ War Of Memorial สร้างโดยโครงสร้างหินขนาดใหญ่ ที่มีรูปร่างคล้ายหอคอย ตั้งอยู่ใกล้ทะเลสาบโคโม่

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
นำท่านเดินทางสู่ เมืองลูเซิร์น (Luzern) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง) ตั้งอยู่ทางตอนกลางของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ (Switzerland) และ ตั้งอยู่ระหว่าง เทือกเขาปิลาตุส (Mount Pilatus) และ ภูเขาริกิ (Rigi) เป็นภูเขาที่มีทิวทัศน์ที่สวยงาม ลูเซิร์นเป็นเมืองที่มีความเป็นประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่น่าสนใจ ให้ท่านได้ถ่ายภาพคู่กับ อนุสาวรีย์สิงโต (Lion Monument) สัญลักษณ์สำคัญของลูเซิร์นถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ระลึก และเป็นเกียรติแก่เหล่าทหารหาญชาวสวิสซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวลูเซิร์นมากกว่า 700 คนที่ออกรบและเสียชีวิตในฝรั่งเศสเมื่อครั้งเกิดสงครามปฏิวัติยุคพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ซึ่งเป็นการเจาะเนื้อหินและแกะสลักขึ้นรูปเป็นประติมากรรมสิงโตตัวใหญ่สวยงามมากแม้จะมีใบหน้าโศกเศร้าดังที่ว่าก็ตาม และอีกจุดหนึ่งที่น่าชมมากในย่านนี้ก็คือ สะพานไม้ชาเปล (Chapel bridge) สะพานที่ดูไม่เหมือนสะพานและมีอายุเก่าแก่มากกว่า 600 ปี ที่ว่าไม่เหมือนสะพานก็เพราะแวบแรกอาจดูคล้ายอาคารกลางน้ำ แต่จริงๆ แล้วสร้างขึ้นเพื่อใช้ข้ามไปมาระหว่างสองฝั่งแม่นํ้ารอยซ์ อิสระให้ท่านเดินเล่นชมเมือง

เพื่อให้ท่านได้เพลิดเพลินในการเดินเล่นอย่างเต็มอิ่มจุใจ อิสระอาหารเย็นตามอัธยาศัย
ที่พัก  โรงแรมมาตรฐาน 3-4 ดาว หรือเทียบเท่า

วันที่ (6) ลูเซิร์น – กรินเดิลวาลด์ – นั่งกระเช้า Eiger Express ขึ้นสู่ยอดเขาจุงเฟรา – อินเทอร์ลาเก้น – ลูเซิร์น (B/L/-)
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
นำท่านเดินทางสู่ เมืองกรินเดลวาลด์ (Grindelwald) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ชั่วโมง) ระหว่างการเดินทางท่านจะได้ชมวิวทิวทัศน์แบบสวิสเซอร์แลนด์แท้ๆ ที่มีทุ่งหญ้าอันเขียวขจี ดอกไม้ป่าบานสะพรั่งในฤดูใบไม้ผลิ หรือใบไม้เปลี่ยนสีในช่วงฤดูใบไม้ร่วง

เดินทางสู่ สถานีกระเช้ากรินเดิลวาลด์ เพื่อ นั่ง กระเช้า Eiger Express เป็นกระเช้าตัวใหม่ล่าสุดเป็นกระเช้าหรือกอนโดล่าสามขาที่ทันสมัยที่สุดในโลก เป็นระบบผสมผสานกระเช้าลอยฟ้าและกระเช้าไฟฟ้าเข้าด้วยกัน มีความมั่นคงต่อแรงลม โดยจะนำท่านขึ้นจากสถานีกรินเดิลวาลด์ ไปยังสถานี ไอเกอร์เกลตเชอร์ Eigergletcher ซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อกับรถไฟจุงเฟราที่จะนำท่านสู่ยอดเขา ที่เป็นจุดสูงสุดของยุโรป
จากนั้นนำท่านโดยสารรถไฟขึ้นสู่ ยอดเขาจุงเฟรา (Jungfraujoch) ที่ได้ชื่อว่าเป็น TOP OF EUROPE โดยได้รับการประกาศให้เป็นพื้นที่มรดกโลกทางธรรมชาติแห่งแรกของยุโรปโดยองค์การยูเนสโก้เมื่อปี ค.ศ.2001 เมื่อถึงยอดเขาแล้วท่านจะได้สัมผัสกับทัศนียภาพอันงดงามของยอดเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะตลอดปี อิสระให้ท่านได้สัมผัสหิมะพร้อมเก็บภาพบรรยากาศบนยอดเขาจุงเฟรา ที่ความสูงกว่าระดับน้ำทะเล 3,454 เมตร และสำหรับภายในตัวอาคารจุงเฟรานั้นยังมี ห้องนิทรรศการเกี่ยวกับประวัติการสร้างทางรถไฟจุงเฟรา, ร้านจำหน่ายช็อคโกแลตลินน์, ร้านนาฬิกาและร้าน จำหน่ายของที่ระลึก ท่านสามารถส่งโปสการ์ดถึงคนพิเศษเพื่อเป็นที่ระลึกจากยอดเขาแห่งนี้ได้อีกด้วย

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร (บนยอดเขา)
ได้เวลาอันสมควร นำท่านเดินทางลงจากยอดเขาด้วยรถไฟสู่สถานีไอเกอร์เกลตเชอร์ จากนั้นโดยสารโดยกระเช้า Eiger Express ซึ่งเป็นเส้นทางที่สุดแสนโรแมนติกและเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่เบียดบังสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุดและให้ท่านชมทัศนียภาพแสนงดงามที่จะทำให้ท่านประทับใจมิรู้ลืม รถโค้ชรอรับท่านที่สถานีกระเช้า

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองอินเทอร์ลาเก้น (Interlaken) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที) เมืองตากอากาศสวยงามพร้อมทะเลสาบ 2 แห่งกลางเมืองตั้งอยู่ระหว่างทะเลสาบสองแห่ง คือ Thunersee และ Brienzersee ท่ามกลางเทือกเขาน้อยใหญ่โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านจะได้เห็นเขาจุงเฟราอันสวยงาม

เพื่อให้ท่านได้เพลิดเพลินในการเดินเล่นอย่างเต็มอิ่มจุใจ อิสระอาหารเย็นตามอัธยาศัย
จากนั้นนำท่านเดินทางกลับสู่ เมืองลูเซิร์น (Lucerne) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ชั่วโมง)
ที่พัก  โรงแรมมาตรฐาน 3-4 ดาว หรือเทียบเท่า

วันที่ (7) ลูเซิร์น – ซุก – เบิร์น – บ่อหมีสีน้ำตาล – ย่านเมืองเก่า – หอนาฬิกาดาราศาสตร์ ไซ้ท์ กล็อคเค่น – บาเซิล – จตุรัส Marktplatz (B/L/-)
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก

นำท่านเดินทางสู่ เมืองซุก (Zug) เมืองเล็กๆ ตั้งอยู่ริมทะเลสาบที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 800 ปี ปัจจุบันเป็นเมืองที่รวยที่สุดของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และยังเป็นเมืองที่เรียกเก็บค่าภาษีในอัตราต่ำที่สุดในโลกอีกด้วย ท่านสามารถเดินเที่ยวในเขตเมืองเก่าของซุกได้อย่างเพลิดเพลิน บรรยากาศของอาคารบ้านเรือนที่ยังคงความเก่าแก่แต่สวยงาม พื้นถนนที่ปูด้วยหินจากยุคกลาง จัตุรัสที่มีน้ำพุโบราณประดับด้วยรูปปั้นอยู่หลายจุด ไปจนถึงทะเลสาบซุกที่สวยงามและถูกโอบล้อมด้วยเทือกเขาที่อยู่ไกลออกไป ล้วนแล้วแต่เป็นมนต์เสน่ห์ของเมืองเก่าแก่เล็กๆ แห่งนี้

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

นำท่านเดินทางไปยัง เมืองเบิร์น (Bern) เมืองหลวงของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง) เป็นอีกหนึ่งเมืองที่ไม่ควรพลาดเมื่อเดินทางมายังสวิตเซอร์แลนด์ เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามด้วยบ้านเรือนในบรรยากาศสบายๆ ตามสไตล์เมืองเก่าทั่วไป ให้ท่านชม บ่อหมีสีน้ำตาล Bear Park สัตว์ที่เป็นสัญลักษณ์ของกรุงเบิร์น จากนั้นเที่ยวชม ย่านเมืองเก่า (Old City of Berne) ซึ่งได้รับการบรรจุไว้ในรายชื่อมรดกโลกในปี ค.ศ. 1983 และก่อตั้งขึ้นในสมัยคริสต์ศตวรรษ ที่ 12 ตั้งอยู่บนภูเขาล้อมรอบด้วยแม่น้ำอาเร (Aare River) ชม มาร์คกาสเซ ย่านเมืองเก่าที่ปัจจุบันเต็มไปด้วยร้านดอกไม้ และร้านเสื้อผ้าบูติค เป็นย่านที่ปลอดรถยนต์จึงเหมาะกับการเดินเที่ยวชมอาคารเก่าอายุ 200 – 300 ปี ชม โบสถ์แห่งกรุงเบิร์น (The Cathedral of Bern) มหาวิหารแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในสมัยยุคโกธิค ตั้งแต่ปี ค.ศ.1964 หอคอยมีความสูงราวๆ 100 เมตร สร้างแล้วเสร็จในปี ค.ศ.1893 ถือเป็นมหาวิหารที่สูงที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์ และถือเป็นสมบัติทางวัฒนธรรมของประเทศด้วย จากนั้นชม หอนาฬิกาดาราศาสตร์ ไซ้ท์ กล็อคเค่น (Zytglogge Clock Tower) หอนาฬิกายุคกลางที่มีชื่อเสียงที่สุดของย่านเมืองเก่าเบิร์น ถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 13 อายุ 800 ปี จะมีโชว์ให้ดูทุกๆ ชั่วโมงที่นาฬิกาตีบอกเวลา ปัจจุบันเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของกรุงเบิร์น ถัดจากหอนาฬิกาไปไม่ไกล จะเป็น ไอน์สไตน์เฮาส์ (Einstein House) ท่านสามารถแวะถ่ายรูปภายนอกกับบ้านที่ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ เคยอาศัยอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ รวมถึงภาพถ่าย เพื่อเป็นอนุสรณ์แด่นักฟิสิกส์ชื่อก้องโลกคนนี้

จากนั้นเดินทางสู่ เมืองบาเซิล (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ชั่วโมง)เป็นเมืองที่มีประชากรหนาแน่นเป็นอันดับที่ 3 ของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมืองบาเซิลตั้งอยู่ทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศริมฝั่งแม่น้ำไรน์ และยังเป็นเมืองเก่าที่มีอายุกว่า 2000

ผ่านชม ศาลากลางบาเซิล (City Hall of Basel) ที่มีอายุมากกว่า 500 ปี ตั้งอยู่ใจกลาง จัตุรัส Marktplatz อิสระให้ท่านเดินชมเมืองและช้อปปิ้งย่านจัตุรัส Marktplatz ถนนสายหลักของบาเซิลที่ขนาดไม่ใหญ่มากนักแต่มีร้านค้ามากมาย

เพื่อให้ท่านได้เพลิดเพลินในการเดินเล่นอย่างเต็มอิ่มจุใจ อิสระอาหารเย็นตามอัธยาศัย

ที่พัก  โรงแรมมาตรฐาน 3-4 ดาว หรือเทียบเท่า

วันที่ (8) กอลมาร์ (ฝรั่งเศส) – ลิตเติ้ลเวนิส – ย่านเมืองเก่า – สตราสบูร์ก – จตุรัสเมืองสตราสบูร์ก (B/-/D)
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
นำท่านเดินทางสู่ เมืองกอลมาร์ (Colmar) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.15 ชั่วโมง) เป็นเมืองเล็กๆน่ารัก ตั้งอยู่ในแคว้นอัลซาส (Alsace) เป็น 1 ใน 8 แคว้นผลิตไวน์ สำคัญของฝรั่งเศสถูกจัดให้เป็นเมืองที่มีความโรแมนติคเมืองหนึ่งของประเทศฝรั่งเศส อันเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางสายไวน์แหล่งปลูกองุ่นพันธุ์ดี เพื่อผลิตไวน์ชั้นเลิศบริเวณเชิงเขาของเทือกเขาโวชจ์ ซึ่งมีไร่องุ่นจำนวนมากเคียงคู่ไปกับอุตสาหกรรมการผลิตไวน์ชั้นเยี่ยม นำท่านเดินเที่ยวชมสถาปัตยกรรมของอาคารบ้านเรือนเก่าแก่ ช่วยทำให้เมืองดูโรแมนติกยิ่งขึ้นมรดกทางสถาปัตยกรรมพบเห็นได้จากโบสถ์แบบโกธิคและโรมันสไตล์ และอาคารเก่าหลายหลังสร้างในคริสต์ศตวรรษที่ 15 บ้านเรือนเรียงรายสองฝั่งคลองดูงดงามน่ารักจนได้รับการขนานนามว่า “ลิตเติ้ลเวนิส” อิสระให้ท่านเดินเล่นชมเมือง

เพื่อให้ท่านได้เพลิดเพลินในการเดินเล่นอย่างเต็มอิ่มจุใจ อิสระอาหารกลางวันตามอัธยาศัย

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองสตราสบูร์ก (Strasbourg) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.15 ชั่วโมง) เมืองหลวงแห่งแคว้นอัลซาส(Alsace) ของประเทศฝรั่งเศส และยังได้รับการยกย่องเป็นเมืองมรดกโลกด้านมนุษยชาติจากองค์การยูเนสโกเมืองซึ่งผสมผสาน 2 วัฒนธรรมคือ ฝรั่งเศสและเยอรมัน เนื่องจากในอดีตถูกผลัดเปลี่ยนอยู่ภายใต้การปกครองของ 2 ประเทศนี้สลับกันไปมา ทั้งยังเป็นสถานที่ตั้งขององค์กรสำคัญของยุโรป อาทิ สภายุโรป องค์กรสิทธิมนุษยชน และศาลสิทธิมนุษยชนแห่งยุโรป ที่นี่ยังเป็นเมืองมหาวิทยาลัยดังชั้นนำที่เกอร์เธ (Goethe) นักเขียนชาวเยอรมันเคยศึกษาอยู่

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองแร็งส์ (Reims) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชั่วโมง) เป็นเมืองทางเหนือของเขต Champagne ห่างจากปารีส 130 กิโลเมตร ทางตะวันออกเฉียงเหนือ ตามประวัติเมืองนี้ก่อตั้งโดย Gauls อาณาจักรโรมัน และยังถูกเรียกว่าเป็น เมืองแห่งการครองราชย์ เนื่องจากเป็นเมืองสำคัญของประวัติศาสตร์ราชวงศ์แห่งฝรั่งเศส ที่มีการจัดงานขึ้นครองราชย์ของกษัตริย์แห่งฝรั่งเศส ณ โบสถ์แห่งเมือง Reims ซึ่งเป็นสถานที่เก็บขวดสำหรับทำพิธีเจิม ซึ่งตามตำนานเล่าว่า นกพิราบได้นำขวดนี้มามอบให้ในขณะทำพิธีขึ้นครองราชย์ของพระเจ้า Glovis ที่ 1 ใน ค.ศ. 496
เย็น รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร
ที่พัก  โรงแรมมาตรฐาน 3-4 ดาว หรือเทียบเท่า

วันที่ (9) ปารีส – จัตุรัสทรอคาเดโร – ถ่ายรูปหอไอเฟล – จัตุรัสคองคอร์ด – ถ่ายรูปกับพีระมิดแก้วพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ – Duty Free น้ำหอม เครื่องสำอาง – Shopping ห้างลาซามาริแตง (La Samaritaine) – ผ่านชมมหาวิหารนอร์ทเทอร์ดาม – ประตูชัยฝรั่งเศส – ถนนช็องเซลีเซ – Shopping ห้างแกลเลอรี่ลาฟาแยตต์ (B/L/-)
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก

นำท่านเดินทางเข้าสู่ มหานครปารีส (Paris) เมืองหลวงของฝรั่งเศส สถานที่ในฝันแห่งหนึ่งของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ตั้งอยู่บริเวณแม่น้ำแซน บริเวณตอนเหนือของประเทศ หนึ่งในศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมที่ล้ำสมัยแห่งหนึ่งของโลก เมืองแห่งศิลปะ แฟชั่น การศึกษา อบอวลไปด้วยความโรแมนติก เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ และความสวยงามของมหานครแห่งนี้
เดินทางสู่ จัตุรัสทรอคาเดโร บริเวณเนินเขา ฝั่งตรงข้ามแม่น้ำแซน มีลานกว้างขนาดใหญ่สามารถมองเห็นได้ทั้งหอไอเฟล สวนสาธารณะชองเดอมาร์ส เป็นจุดที่ถ่ายรูป หอไอเฟล ได้ดีที่สุดอีกแห่งหนึ่งในปารีส (กรณีจัตุรัสทรอคาเดโร มีการจัดงานหรือปิดในวันที่เดินทางไป จะต้องเปลี่ยนจุดถ่ายรูปหอไอเฟลเป็นมุมอื่นๆแทน)
ชมลานประวัติศาสตร์ จัตุรัสคองคอร์ด (Place de la Concord) มีความหมายว่า จัตุรัสแห่งความปรองดองหรือความสมานฉันท์ อีกหนึ่งสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของประเทศฝรั่งเศส ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของเสาโอเบลิสก์ (L’Obélisque) ประติมากรรมอันล้ำค่าสัญลักษณ์แห่งมิตรภาพของประเทศอียิปต์และประเทศฝรั่งเศส ซึ่งถูกส่งให้เป็นของขวัญแก่พระเจ้าชาร์ลที่ 10 ในปีค.ศ. 1829 และ ประติมากรรมน้ำพุ Fontaine de Jacques Hirtoff พระเจ้าหลุยส์-ฟิลิป โปรดให้สถาปนิก Jacques Hittoff สร้างน้ำพุ 2 แห่ง บริเวณกลางลานจัตุรัสคองคอร์ด ผ่านชมสวนตุยเลอรี Tuileries Garden อดีตเป็นสวนของพระราชวังหลวงอันเก่าแก่ใจกลางกรุงปารีส อยู่ระหว่าง จัตุรัสคองคอร์ดและพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ ไม่พลาด ถ่ายภาพพีระมิดแก้ว ด้านหน้า พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ (Louvre Museum) พิพิธภัณฑ์ชื่อดังที่ตั้งอยู่กลางเมืองใหญ่แห่งนี้ โดดเด่นสะดุดตาด้วยทางเข้าที่เป็นทรงโดมพีระมิดแก้วที่เป็นสัญลักษณ์ของพิพิธภัณฑ์ เป็นพิพิทธภัณฑ์ที่เก็บรักษาผลงานศิลปะเอาไว้มากกว่า 380,000 ชิ้น ให้ท่านได้ถ่ายรูปกับสถาปัตยกรรมอันโดดเด่นตามอัธยาศัย

อิสระช้อปปิ้ง ณ Duty Free น้ำหอม เครื่องสำอาง และ Shopping ห้างลาซามาริแตง (La Samaritaine) ห้างสรรพสินค้าคอนเซ็ปต์สโตร์ที่กลับมามีชีวิตอีกครั้งนับตั้งแต่เปิดทำการเมื่อปี 1870 อาคารเก่าแก่ที่สร้างมาตั้งแต่ก่อนศตวรรษที่ 20 ตั้งอยู่บริเวณเลียบแม่น้ำแซน หนึ่งในอนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์ของฝรั่งเศส สร้างด้วยสถาปัตยกรรมผสมระหว่างอาร์ตนูโว (Art Nouveau) และอาร์ตเดโค (Art Déco) มีพื้นที่กว่า 70,000 ตารางเมตร เต็มไปด้วยร้านค้าระดับพรีเมียมกว่า 600 แบรนด์ตลอดทั้ง 7 ชั้น ร้านอาหารอีกกว่า 12 ร้าน ผสานทั้งความเก่าแก่ โมเดิร์น แฟชั่น อาหาร และที่สำคัญกับงานศิลปะ อิสระให้ท่านช้อปปิ้งสินค้าแบรนเนมตามอัธยาศัย
นำท่านผ่านชม มหาวิหารนอร์ทเทอร์ดาม อัญมณีแห่งสถาปัตยกรรมโกธิคยุคกลาง อายุกว่า 850 ปี สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในกรุงปารีสประเทศฝรั่งเศส ด้วยสถาปัตยกรรมที่งดงาม แต่ละปีมีนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกไปเยี่ยมชมมหาวิหาร 13 ล้านคน เฉลี่ยวันละ 35,000 คน ตัวอาคารมีความสูงวัดถึงยอดอยู่ที่ 69 เมตร กว้าง 69 เมตร ยาว 128 เมตร ภายในและภายนอกอาคารประดับประดาด้วยประติมากรรม และหน้าต่างกระจกสี มหาวิหารนอร์ทเทอร์ดาม ตั้งอยู่บนเกาะ อีล เดอ ลา ซิเต้ กลางแม่น้ำแซน เริ่มสร้างในปี ค.ศ. 1163 ในยุคของพระเจ้าหลุยส์ที่ 7 และสร้างเสร็จในปี 1345 มหาวิหารแห่งนี้เคยได้รับความเสียหายและถูกปล่อยปละละเลยในช่วงการปฏิวัติฝรั่งเศส และนำไปสู่การบูรณะครั้งใหญ่ระหว่างปี 2387-2407 มหาวิหารนอเทรอดาม ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกใน ปี 1991

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

นำท่านเที่ยวชมกรุงปารีส ถ่ายภาพเป็นที่ระลึกกับ ประตูชัยนโปเลียน (Arc de Triomphe) หรือ ประตูชัยฝรั่งเศส ตั้งอยู่กลางจัตุรัสชาร์ลเดอโกล ทางทิศตะวันตกของถนนฌ็องเซลิเซ่ ประตูชัยนี้เป็นจุดเริ่มต้นและสิ้นสุดของถนนถึง 12 เส้น สร้างขึ้นเพื่ออุทิศแด่ผู้กล้า ผู้สละชีพในสงครามนโปเลียน สงครามปฏิวัติฝรั่งเศส และสงครามโลกครั้งที่ 1 ปัจจุบันยังเป็นสุสานของทหารนิรนามอีกด้วย ผ่านชมถนนสายโรแมนติก ถนนช็องเซลีเซ (Champs Elysees) ซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็นถนนที่สวยที่สุดในโลกที่เต็มไปด้วยร้านค้าแบรนด์เนมจากดีไซเนอร์ชื่อก้องโลกและยังคงรักษารูปแบบสถาปัตยกรรมของตึกในสมัยโบราณ

จากนั้นอิสระให้ท่านช้อปปิ้ง ห้างแกลเลอรี่ ลาฟาแยตต์ (Galeries Lafayette) ห้างหรูที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของปารีส ภายในอาคารเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมที่สวยงาม อีกทั้งยังยิ่งใหญ่อลังการ สมกับเป็นห้างสรรพสินค้าที่มีอายุมากกว่า 100 ปี เต็มไปด้วยสินค้าแฟชั่นแบรนด์เนม เครื่องสำอางมากมาย อาทิ Chanel , Christian Dior, Prada, Balenciaga ฯลฯ รวมไปถึงมีภัตตาคารซึ่งให้บริการอาหารฝรั่งเศสซึ่งเป็นรสชาติเฉพาะของเมืองปารีสอีกมากมาย

เพื่อให้ท่านได้เพลิดเพลินในการเดินเล่นอย่างเต็มอิ่มจุใจ อิสระอาหารเย็นตามอัธยาศัย
ที่พัก  โรงแรมมาตรฐาน 3-4 ดาว หรือเทียบเท่า

วันที่ (10) ย่านมงมาร์ต – มหาวิหารซาเครเกอร์ (ด้านนอก) – สนามบินปารีส ชาร์ล เดอ โกล (B/-/-)
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก

นำท่านแวะชม ย่านมงมาร์ต (Montmartre) ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของมหานครปารีส เนื่องจากเป็นพื้นที่บนเนินสูง จึงทำให้สามารถมองเห็นวิวของปารีสได้เเบบพาโนรามา ย่านนี้ถูกขนานนาม ว่าเต็มไปด้วยจิตวิญญาณของศิลปิน ถ่ายภาพ มหาวิหารซาเครเกอร์ (Bassilica of Sacre Coeur) (ด้านนอก) ตัวโบสถ์นั้นถูกสร้างขึ้นในสไตล์ไบเซนไทน์ (Byzantine-style) ตัววิหารซาแครเกอร์ก่อจากหินปูนทราเวอร์ทีน เป็นหินที่โดดเด่นเรื่องการทนต่อสภาวะอากาศส่งผลให้ตัววิหารเองยังคงความงดงามมาได้จนทุกวันนี้
สมควรแก่เวลานำท่านเดินทางสู่สนามบินปารีส ชาร์ล เดอ โกล

15.55 น. ออกเดินทางสู่ สนามบินเจดดาห์ ประเทศซาอุดิอาระเบีย โดยสายการบินซาอุเดีย เที่ยวบินที่ SV126 (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง) (ใช้เวลาบินประมาณ 5.50 ชั่วโมง) (เวลาประเทศซาอุดิอาระเบีย ช้ากว่าประเทศไทย 4 ชั่วโมง)
22.45 น. เดินทางถึง สนามบินเจดดาห์ ประเทศซาอุดิอาระเบีย (เวลาท้องถิ่น) นำท่านแวะพักเปลี่ยนเครื่องเพื่อเดินทางสู่ประเทศเยอรมนี (รอแวะเปลี่ยนเครื่องประมาณ 2.45 ชั่วโมง)

วันที่ (11) สนามบินเจดดาห์ – สนามบินสุวรรณภูมิ
01.30 น. ออกเดินทางสู่ ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ประเทศไทย โดยสายการบินซาอุเดีย เที่ยวบินที่ SV844 (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง) (ใช้เวลาบินประมาณ 8 ชั่วโมง 15 นาที)
13.45 น. เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพ

ทัวร์ยุโรป