18. VVIE97AI-18 East Europe ปีใหม่ ใจป๋า ออสเตรีย ฮังการี เช็

ทัวร์ยุโรป East Europe ปีใหม่ ใจป๋า ออสเตรีย ฮังการี เช็ก สโลวาเกีย 9D7N (AI)

ราคาเริ่มต้น 75,555 ฿ ดาวน์โหลด PDF จองทัวร์

นำท่านเดินทางสู่ เมืองเชสกี้ ครุมลอฟ (Cesky Krumlov) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.30 ชั่วโมง) นครโบราณขนาดเล็กดั่งเทพนิยาย โดยมีแม่น้ำวัลตาวา(Vltava) ไหลผ่านและล้อมรอบเมืองไปตามเนินเขา คดเคี้ยวเหมือนรูปตัว S จนทำให้ภูมิทัศน์ของตัวเมือง เหมือนกับหยดน้ำ นอกจากนี้บ้านและอาคารทุกหลังล้วนใช้หลังคาสีส้มแดง ทำให้เมืองแห่งนี้ เมื่อมองจากมุมสูงจะเห็นภาพที่สวยงามอันเป็นเอกลักษณ์ ทั้งยังมีชื่อเสียงโด่งดังจากงานสถาปัตยกรรมและศิลปะสุดคลาสสิคตั้งแต่ยุคกลางในเขตเมืองเก่า (Old Town) และยังคงรักษาศิลปวัฒนธรรมแบบดั้งเดิมไว้ได้อย่างสมบูรณ์ จนได้รับการยกย่องจากองค์กรยูเนสโก้ให้เป็นเมืองมรดกโลกในปี  1992 และ ได้รับการขนานนามว่า ไข่มุกเม็ดงามแห่งโบฮีเมีย

วันที่เดินทาง

28 ธ.ค. 67 – 5 ม.ค. 68

ทัวร์ยุโรป 

วันแรก สนามบินสุวรรณภูมิ – สนามบินนิวเดลี – สนามบินเวียนนา – เวียนนา (ออสเตรีย)
05.30 น. คณะพร้อมกันที่ สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ชั้น 4 เคาน์เตอร์ M สายการบิน แอร์อินเดีย (Air India) โดยมีเจ้าหน้าที่บริษัทฯ คอยต้อนรับและอำนวยความสะดวกด้านเอกสารการเดินทาง
*** เที่ยวบินหรือเวลาอาจมีการเปลี่ยนแปลง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสายการบินเป็นผู้กำหนด ***
ขอสงวนสิทธิ์ในการเลือกที่นั่งบนเครื่องบินเนื่องจากเป็นตั๋วกรุ๊ป การจัดที่นั่งจะเป็นระบบ RANDOM ที่นั่งอาจจะไม่ได้นั่งติดกัน
ทางบริษัทไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงได้ ซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขของสายการบินเป็นผู้กำหนด
08.40 น. ออกเดินทางสู่ สนามบินนิวเดลี โดยสายการบิน แอร์อินเดีย เที่ยวบิน AI 333 (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง 25 นาที)
11.35 น. เดินทางถึง สนามบินนิวเดลี (รอต่อเครื่องประมาณ 3 ชั่วโมง 20 นาที)
14.55 น. ออกเดินทางสู่สนามบินเวียนนา ประเทศออสเตรีย โดยสายการบิน แอร์อินเดีย เที่ยวบิน AI 153 (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 8 ชั่วโมง 20 นาที)
18.45 น เดินทางถึงสนามบินเวียนนา ประเทศออสเตรีย (เวลาประเทศเออสเตรียช้ากว่าประเทศไทย 6 ชั่วโมง กรุณาปรับเวลาให้ตรงตามเวลาท้องถิ่น เพื่อความสะดวกในการนัดหมาย) ผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรเรียบร้อยแล้ว นำท่านเดินทางเข้าสู่โรงแรมที่พัก
ที่พัก  โรงแรมมาตรฐาน 3-4 ดาว หรือเทียบเท่า

วันที่สอง ฮัลล์สตัทท์ หมู่บ้านริมทะเลสาบ – ซาลส์บวร์ก – สวนมิราเบิล – บ้านเกิดโมสาร์ท – ถนนเกรไทเดร้ (B/-/D)
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองฮัลล์สตัทท์ (Hallstatt) หมู่บ้านมรดกโลกอันแสนโรแมนติก (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3.45 ชั่วโมง) ที่มีอายุกว่า 4,500 ปี เมืองที่ตั้งอยู่ริมทะเลสาบ โอบล้อมด้วยขุนเขาสวยงามราวกับภาพวาด ว่ากันว่าเป็นเมืองที่โรแมนติกที่สุดใน Salzkammergut เขตที่อยู่บนอัพเพอร์ออสเตรีย และมีทะเลสาบสวยถึง 76 แห่ง ออสเตรียได้ให้ฉายาเมืองนี้ว่า “ไข่มุกแห่งออสเตรีย” และ ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกโดยองค์กรยูเนสโก เมื่อปี 1997

เพื่อให้ท่านได้เพลิดเพลินในการเดินเล่นอย่างเต็มอิ่มจุใจ อิสระอาหารกลางวันตามอัธยาศัย
นำท่านเดินทางสู่ เมืองซาลส์บวร์ก (Salzburg) ประเทศออสเตรีย (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ชั่วโมง) เมืองสวยแสนโรแมนติกที่สุดเมืองหนึ่งของทวีปยุโรป ได้รับการอนุรักษ์เป็นมรดกโลกเมื่อปี 1996 อีกทั้งยังเป็นบ้านเกิดของคีตกวีผู้ยิ่งใหญ่ของโลกนามว่า วูล์ฟกัง อมาดิอุส โมสาร์ท (Wolfgang Amadeus Mozart) และเป็นสถานที่ในการถ่ายทำภาพยนตร์อมตะ เรื่อง The Sound of Music ซึ่งทำให้เมืองนี้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก โดยเมืองนี้มีอดีตที่เติบโตมาจากการผลิตเกลือและการค้าเกลือซึ่งในยุคนั้นมีค่าประดุจทองคำขาว เกลือจึงเป็นที่มาของทั้งชื่อแคว้นและเมืองแห่งนี้
นำท่านผ่านชม สวนมิราเบล (Mirabell Garden) สวนสาธารณะสไตล์บาโรกที่สวยที่สวยที่สุดในเมือง เดิมเป็นสวนของ พระราชวังมิราเบล (Mirabell Palace) ซึ่งพระราชวังแห่งนี้ก็เป็นหนึ่งในสถานที่ที่โมสาร์ทเคยมาจัดการแสดง แถมยังเป็นสถานที่ถ่ายทำของ The Sound of Music ด้วย จึงไม่แปลกใจเลยหากที่พระราชวังแห่งนี้จะได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก จากนั้นนำท่านเดินข้ามสะพานมายัง บ้านเกิดโมสาร์ท (Mozart Geburtshaus) (ชมบริเวณภายนอก) เป็นอาคารสีเหลืองหมายเลข 9 อาคารแห่งนี้เป็นสถานที่เกิดของโมสาร์ท และเติบโตมาตลอด 20 ปี ก่อนจะย้ายไปอยู่บ้านอีกหลังหนึ่งข้างๆ กัน ซึ่งปัจจุบันได้ปรับเปลี่ยนให้เป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงเครื่องดนตรีที่โมสาร์ทเคยใช้ เช่น ไวโอลิน และ เปียโน รวมถึงชีวประวัติและจดหมายที่โมสาร์ทเคยเขียนอีกด้วย (ไม่รวมค่าเข้าพิพิธภัณฑ์) อิสระให้ท่านช้อปปิ้งที่ถนน Getreidegasse (เกรไทเดร้) ที่รวมร้านค้าแบรนด์เนมให้ท่านเลือกมากมาย ทั้งเครื่องประดับ, เครื่องแต่งกายพื้นบ้าน, รวมถึงร้านอาหารนั่งดื่มชิล ๆ จุดเด่นของถนนสายนี้คือป้ายชื่อร้านที่อยู่ด้านหน้าอาคารทำให้เหล่านักท่องเที่ยวได้แหงนมอง

เย็น รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร
ที่พัก  โรงแรมมาตรฐาน 3-4 ดาว หรือเทียบเท่า

วันที่สาม มิวนิค (เยอรมนี) – จตุรัสมาเรียนพลัทซ์ – คาร์โลวี วารี (สาธารณรัฐเช็ก) (B/-/D)
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
นำท่านเดินทางเข้าสู่ เมืองมิวนิค (Munich) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 50 นาที) เมืองหลวงที่มีเสน่ห์แห่งแคว้นบาวาเรีย มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่สามของประเทศ ตั้งอยู่บนแม่น้ำอีซาร์เหนือเทือกเขาแอลป์ บนที่ราบสูงบาวาเรีย เป็นเมืองที่มีเศรษฐกิจเข้มแข็งที่สุดในประเทศเยอรมนี เต็มไปด้วยสถานที่ทางวัฒนธรรมและศาสนา และยังเมืองที่เคยได้รับการโหวตให้เป็นเมืองที่น่าอยู่ที่สุดในเยอรมัน นำท่านชม มาเรียนพลัทซ์ (Marienplatz) ในเขตเมืองเก่าที่เป็นเหมือนจุดเริ่มต้นของการทำความรู้จักกับมิวนิค ปัจจุบันใช้เป็นสถานที่สำหรับงานพิธีต่างๆ ที่สำคัญของเมือง ที่บริเวณจัตุรัสมาเรียนพลัสซ์นี้เราจะได้เห็น ศาลาว่าการใหม่ (New Town Hall) ที่ได้ใช้ทำการแทนศาลาว่าการเก่าตั้งแต่ปี 1874 เห็นได้ง่ายด้วยหอคอยแหลมสูงและการออกแบบและตกแต่งอย่างประณีตไม่แพ้ปราสาทหรือพระราชวัง สร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบโกธิค และนาฬิกา Glockenspiel หอนาฬิกาที่มีตุ๊กตาออกมาเต้นระบำ บริเวณใกล้กันนั้นเป็น ศาลาว่าการเก่า (Old Town Hall) อาคารสีขาวสะอาดหลังนี้เป็นศาลาว่าการของเมืองมิวนิคมาตั้งแต่ปี 1310 แม้จะผ่านมากว่า 700 ปี ใกล้กันนั้นจะเห็น โบสถ์พระแม่มารี (Frauenkirche-Church of Our Lady) เป็นโบสถ์ทรงหัวหอมคู่ที่สร้างด้วยอิฐแดงสูง 99 เมตร ซึ่งนับได้ว่าเป็นอีกสัญลักษณ์หนึ่งของเมืองมิวนิคเช่นกัน จากนั้นอิสระให้ท่านเดินเล่น หรือช้อปปิ้งตามอัธยาศัย

เพื่อให้ท่านได้เพลิดเพลินในการเดินเล่นอย่างเต็มอิ่มจุใจ อิสระอาหารกลางวันตามอัธยาศัย
แนะนำ ร้าน HOFBRAUHAUS โรงเบียร์อันขึ้นชื่อแห่งเมืองมิวนิค ที่ท่านต้องไม่พลาดไปดื่มด่ำสักครั้ง โรงเบียร์ในตำนานที่เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 1589 บรรยากาศภายในร้านที่ถูกตกแต่งแบบพื้นเมืองดั้งเดิม ลักษณะเป็นห้องโถงใหญ่ประกอบไปด้วยโต๊ะอาหารทั้งในและนอกร้าน นอกจากนี้ยังมีวงดนตรีคอยบรรเลงเพิ่มอรรถรสในการดื่มด่ำ และสัมผัสกับรสชาติของเบียร์ที่นี่ได้อย่างลงตัวเลยทีเดียว

บ่าย นำท่านเดินทางสู่ คาร์โลวี วารี (Karlovy Vary) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4.45 ชั่วโมง) ได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งสปาที่ใหญ่ที่สุดของสาธารณรัฐเช็ก ตามตำนานบอกว่าพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 4 ทรงพบแหล่งน้ำแร่ที่เมืองนี้ ในปี ค.ศ. 1358 เมื่อครั้งเสด็จฯ ออกล่าสัตว์แล้วสุนัขล่าเนื้อตัวหนึ่งตกลงไปในน้ำพุร้อน นับแต่นั้นเมืองก็มีชื่อเป็นต้นมา จนถึงเดี๋ยวนี้ทั้งเมืองมีน้ำพุน้ำแร่อุณหภูมิตั้งแต่ 42-72 องศาเซลเซียสทั้งหมด 12 แห่ง สปา ที่เมืองนี้มีชื่อไปทั่วโลกว่าเป็นศูนย์กลางบำบัดโรคภัยต่างๆ มีเจ้านายหลายพระองค์เคยเสด็จฯเยือน อาทิ จักรพรรดินีมาเรีย เทเรซาแห่งออสเตรีย พระเจ้าปีเตอร์มหาราชแห่งรัสเซีย และพระเจ้าเฟรเดอริกที่ 1 แห่งรัสเซีย ทำให้ที่นี่กลายเป็นรีสอร์ตสุขภาพระดับโลก

เย็น รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร
ที่พัก  โรงแรมมาตรฐาน 3-4 ดาว หรือเทียบเท่า
วันที่สี่ ปราก – จตุรัสเมืองเก่า – นาฬิกาดาราศาสตร์ – สะพานชาร์ลส์ – เชสกี้ คลุมลอฟ – เชสกี้ บูเดอโจวิซ (B/L/-)
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก

นำท่านเดินทางสู่ กรุงปราก (Prague) เมืองแสนโรแมนติกที่ไม่ว่าใครมาก็ต้องหลงรัก (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง)
จากนั้นนำท่านถ่ายภาพบริเวณ จัตุรัสเมืองเก่า (Old Town Square) จัตุรัสศูนย์กลางที่สำคัญของกรุงปราก ที่เคยเป็นตลาดค้าขายตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 12 มีตึกรามบ้านเรือนล้อมรอบจตุรัสที่สวยงามและได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี ดื่มด่ำกับบรรยากาศของยุโรปในยุคโบราณ จัตุรัสกลางเมืองแห่งนี้เต็มไปด้วยชีวิตชีวา เราจะได้เห็น หอนาฬิกาดาราศาสตร์ ซึ่งคอยทำหน้าที่บอกเวลาให้กับชาวเมืองทุกวัน หอนาฬิกาดาราศาสตร์ถูกสร้างขึ้นในปี 1410 นอกจากเข็มนาฬิกาที่คอยบอกเวลาแล้วตัวเรือนสีฟ้ายังมีรูปปั้นนักบุญ ตัวเรือนนาฬิกาแสดงการโคจรของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ แสดงเดือนปัจจุบัน เมื่อเวลาเดินมาครบชั่วโมงจะมีเสียงระฆังดังกังวานและรูปปั้น 12 สาวกของพระเยซูคริสต์ที่พากันเดินขบวนกันอยู่หลังช่องหน้าปัด นำท่านชม สะพานชาร์ลส์ (Charles Bridge) อีกหนึ่งจุดหมายหลักที่พรากไม่ได้ สะพานแห่งนี้โดดเด่นด้วยรูปปั้นนักบุญเรียงตลอดความยาวของสะพาน และเป็นสิ่งก่อสร้างชิ้นสำคัญที่ชี้ให้คนยุคปัจจุบันเห็นได้ถึงความรุ่งเรืองในยุคสมัยของจักรพรรดิชาร์ลส์ที่ 4

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย นำท่านเดินทางสู่ เมืองเชสกี้ ครุมลอฟ (Cesky Krumlov) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.30 ชั่วโมง) นครโบราณขนาดเล็กดั่งเทพนิยาย โดยมีแม่น้ำวัลตาวา(Vltava) ไหลผ่านและล้อมรอบเมืองไปตามเนินเขา คดเคี้ยวเหมือนรูปตัว S จนทำให้ภูมิทัศน์ของตัวเมือง เหมือนกับหยดน้ำ นอกจากนี้บ้านและอาคารทุกหลังล้วนใช้หลังคาสีส้มแดง ทำให้เมืองแห่งนี้ เมื่อมองจากมุมสูงจะเห็นภาพที่สวยงามอันเป็นเอกลักษณ์ ทั้งยังมีชื่อเสียงโด่งดังจากงานสถาปัตยกรรมและศิลปะสุดคลาสสิคตั้งแต่ยุคกลางในเขตเมืองเก่า (Old Town) และยังคงรักษาศิลปวัฒนธรรมแบบดั้งเดิมไว้ได้อย่างสมบูรณ์ จนได้รับการยกย่องจากองค์กรยูเนสโก้ให้เป็นเมืองมรดกโลกในปี 1992 และ ได้รับการขนานนามว่า ไข่มุกเม็ดงามแห่งโบฮีเมีย

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองเชสกี้ บูเดอโจวิซ (Ceske Budejovice) เมืองท่องเที่ยวเก่าแก่ที่ใหญ่ที่สุดในแคว้นโบฮีเมียใต้ (South Bohemia) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที) เป็นเมืองที่มีความสำคัญทางด้านประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น จากการผสมผสานกันระหว่างศิลปะโกธิค เรอเนสซองซ์ และบารอกได้อย่างงดงาม ทั้งยังเป็นเมืองศูนย์กลางทางด้านเศรษฐกิจที่เจริญ รุ่งเรือง เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย และยังเป็นเมืองต้นกำเนิดของเบียร์ชื่อดังในยุโรป อย่าง Budweiser Budvar เดินเที่ยว ณ จัตุรัสบูเดโจวิช หรือจัตุรัส นาเมสตี เปรมีสลา โอตาการ่า (Namesti Premysla Otakara II) จัตุรัสขนาดใหญ่ใจกลางเมือง เป็นหนึ่งในจตุรัสที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป ชมความงามของอาคารบ้านเรือนสีพาสเทล ใจกลางของจัตุรัสประดับด้วยน้ำพุแซมซั่น (Samson’s Fountain) ที่ทำจากหิน และในบริเวณรอบๆ ยังเต็มไปด้วยร้านค้าสำหรับเดินเลือกซื้อของที่ระลึก ผ่านชม BlackTower หอคอยสีดำ สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 16 ตั้งอยู่ใกล้มุมตะวันออกเฉียงเหนือของจัตุรัส ปรเมสเซอร์โอโตก้าที่ 2 ติดกับโบสถ์หลักของเซนต์นิโคลัส หอคอยสูง 72.25 เมตร ได้รับการตั้งชื่อเพราะสีเข้ม หอคอยสี่เหลี่ยมมีแผ่นนาฬิกาสีทองซึ่งดูสะดุดตามากในเมือง นาฬิกาจะเคาะทุกสิบห้านาที อีกทั้งเมื่อก่อนหอคอยโบราณแห่งนี้ยังใช้เป็นหอสังเกตการณ์ไฟในเมืองอีกด้วย

เพื่อให้ท่านได้เพลิดเพลินในการเดินเล่นอย่างเต็มอิ่มจุใจ อิสระอาหารเย็นตามอัธยาศัย
ที่พัก  โรงแรมมาตรฐาน 3-4 ดาว หรือเทียบเท่า

วันที่ห้า เบอร์โน – ย่านเมืองเก่าเบอร์โน – บูดาเปสต์ (ฮังการี) – จัตุรัสวีรบุรุษ – จุดชมวิวป้อมปราการชาวประมง (Fisherman’s Bastion) – ปราสาทบูดา (บริเวณภายนอก) – ผ่านชมสะพานเชน – ถนนแฟชั่นบูดาเปสต์
(B/-/D)
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองเบอร์โน (Brno) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.30 ชั่วโมง) เป็นเมืองทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของสาธารณรัฐเช็ค (Czech Republic) ตั้งอยู่ในบริเวณที่แม่น้ำสวีตาวากับสวรัตกาบรรจบกัน เป็นหนึ่งใน 100 เมืองใหญ่สุดในสหภาพยุโรป เมืองเบอร์โน (Brno) ถึงเล็กแต่ก็จัดเป็นเมืองอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ และมีหลายสิ่งโดดเด่นทั้งในแง่ศิลปวัฒนธรรมและอาหารการกิน อิสระเดินเล่นชมเมือง

เพื่อให้ท่านได้เพลิดเพลินในการเดินเล่นอย่างเต็มอิ่มจุใจ อิสระอาหารกลางวันตามอัธยาศัย

บ่าย จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ กรุงบูดาเปสต์ (Budapest) เมืองหลวงของประเทศฮังการี (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชั่วโมง) ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำดานูบที่ไหลผ่านใจกลางเมือง ทำให้แบ่งเมืองออกเป็น 2 ฝั่ง คือ ฝั่งบูดา (Buda) และฝั่งเปสต์ (Pest) กรุงปูดาเปสต์ได้ชื่อว่าเป้นเมืองแห่งสปา เนื่องด้วยมีบ่อน้ำร้อนจำนวนมากกระจายอยู่ทั่วเมือง

นำท่านชม จัตุรัสวีรบุรุษ (Hero Square) เป็นจัตุรัสที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของบูดาเปสต์ ใจกลางจัตุรัสมีอนุสรณ์สถานพันปี หรือ Millennium Memorial ซึ่งมีความสูงถึง 36 เมตร และถูกขนาบด้วยรูปปั้นของอดีตกษัตริย์และบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ของฮังการี 14 คน ปัจจุบันจัตุรัสวีรบุรุษถือเป็น พื้นที่มรดกโลกร่วมกับย่านถนนอันดราสซี Andrássy Avenue)

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ จุดชมวิวป้อมปราการชาวประมง (Fisherman’s Bastion) เป็นหนึ่งในจุดชมวิวที่สวยที่สุดอีกแห่งหนึ่งของการชมเมืองบูดาเปสต์จากมุมสูง เมื่อมองจากป้อมปราการ สามารถมองเห็นวิวแม่น้ำดานูบ ตึกรัฐสภาที่ยิ่งใหญ่ ใกล้กันท่านจะได้เห็นโบสถ์แมทเธียส (Matthias Church) โบสถ์เก่าแก่ที่รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก มีอายุกว่า 700 ปี อิสระท่านชมวิวและถ่ายรูปจามอัธยาศัย
ผ่านชม ปราสาทบูดา พระราชวังแห่งอดีตของเมืองบูดา (Buda Castle) สถานที่แห่งประวัติศาสตร์ซึ่งเก็บทั้งความงดงามรุ่งโรจน์รวมถึงร่องรอยของอดีตแห่งเมืองบูดาเปสต์เอาไว้ รูปร่างสถาปัตยกรรมเป็นการผสมผสานระหว่างศิลปะในอดีตและสมัยใหม่ ทั้งยังได้รับการยกย่องจาก UNESCO ให้เป็นหนึ่งในมรดกโลก ปัจจุบันได้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์บูดาเปสต์, หอศิลป์แห่งชาติ, หอสมุดเซเยนซีแห่งชาติ และพิพิธภัณฑ์ไวน์ใต้ดิน ซึ่งล้วนเป็นสถานที่สนใจที่น่าไปชมทั้งสิ้น

ผ่านชม สะพานเชน (Chain Bridge) เป็นหนึ่งในสะพานที่สวยที่สุดในยุโรปที่สร้างข้ามแม่น้ำดานูบ (Danube River) ถือว่าเป็นสัญลักษณ์อีกแห่งหนึ่งของกรุงบูดาเปสต์ (Budapest) ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1839 โดยวิศวกรชาวอังกฤษชื่อ William Tierney Clark เป็นสะพานโซ่ขนาดใหญ่แห่งแรกที่เชื่อมระหว่างฝั่งบูดาและฝั่งเปสต์ ซึ่งเหล็กและวัสดุทั้งหมดได้นำมาจากประเทศอังกฤษทั้งสิ้น ที่คอสะพานเชนมีรูปปั้นหินแกะสลักรูปสิงห์โตนอนหมอบอยู่ทั้งสองข้าง

ถนนแฟชั่นบูดาเปสต์ เป็นถนนช้อปปิ้งที่มีชื่อเสียงในใจกลางเมืองบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี ถนนสายนี้เป็นที่รู้จักในด้านร้านค้าแฟชั่นชั้นนำจากแบรนด์ระดับโลก อาทิ Gucci, Louis Vuitton, Dior, Armani, Prada และ Chanel ถนนสายนี้ยังเต็มไปด้วยร้านอาหาร บาร์ และคาเฟ่มากมาย จึงเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวและชาวเมืองบุดาเปสต์เองด้วย

เย็น รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร
ที่พัก  โรงแรมมาตรฐาน 3-4 ดาว หรือเทียบเท่า

วันที่หก บราติสลาวา (สโลวาเกีย) – ย่านเมืองเก่า – Cumil รูปปั้นคนที่โผล่มาจากท่อระบายน้ำ – Parndof Outlet (ออสเตรีย) – เวียนนา (B/L/-)
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก

เดินทางสู่ กรุงบราติสลาวา (Bratislava) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง) เมืองหลวงของสาธารณรัฐสโลวาเกีย และเป็นเมืองใหญ่ที่สุดของประเทศ (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.15 ชั่วโมง) เมืองนี้ตั้งอยู่บนสองฝั่งแม่น้ำดานูบ ตรงบริเวณพรมแดนของสโลวาเกียกับออสเตรียและฮังการี และใกล้กับพรมแดนสาธารณรัฐเช็กด้วย ผ่านชม ปราสาทบราติสลาวา (Bratislava Castle) ตั้งตระหง่านอยู่บนเนินเขา Little Carpathians ริมฝั่งแม่น้ำดานูบ สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 9-18 ผสมผสานสถาปัตยกรรมแบบโกธิค เรอเนสซองส์ และบารอกได้อย่างลงตัว ให้ความรู้สึกถึงความหรูหรางดงาม
ผ่านชม มหาวิหารเซนต์มาร์ติน (St. Martin’s Cathedral) โบสถ์โกธิค ที่เก่าแก่และใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่ง สร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 15 เป็นโบสถ์ที่ใช้สำหรับพิธีบรมราชาภิเษก บนยอดหอคอยของโบสถ์ที่มีความสูง 85 เมตร ภายในมีรูปจำลองมงกุฎที่มีน้ำหนักถึง 150 กิโลกรัม ติดตั้งอยู่ เพื่อเป็นสิ่งแสดงถึงอดีตที่เคยรุ่งโรจน์ จากนั้นเข้าสู่ ย่านเมืองเก่าบราติสลาวา (Old Town) ย่านแห่งประวัติศาสตร์ ประกอบไปด้วยอาคารสไตล์เรอเนสซองส์สวยๆ และสัญลักษณ์ที่ทำให้เมืองนี้เป็นที่รู้จัก ก็คือ รูปปั้นคูมิล Cumil Man at work (Peeping Tom) ผู้ชายยิ้มหวาน ที่โผล่ศีรษะออกมาจากท่อระบายน้ำทักทายนักท่องเที่ยว อิสระให้ท่านเดินเล่นชมเมือง

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
นำท่านเดินทางสู่ เอาท์เลทแมคอาเธอร์ เกลน ปาร์นดอฟ (McArthur Glen Outlet Parndof) เอาท์เลทขนาดใหญ่ที่เน้นแบรนด์เนมในราคาสุดพิเศษจำนวนมากลดราคาสูงสุดถึง 70% แบรนด์ชั้นนำจากเกือบทั่วโลกมาให้เลือกซื้อเลือกช้อปกัน เช่น Gucci , Prada , Burberry, Stone Island , Valentino , Armani , boss , Michael Kors , Karl Lagerfeld , Benetton, Calvin Klein, Crocs , Guess, Lacoste, Diesel และอีกมากมาย
เพื่อให้ท่านได้เพลิดเพลินในการเดินเล่นอย่างเต็มอิ่มจุใจ อิสระอาหารเย็นตามอัธยาศัย
นำท่านเดินทางสู่ กรุงเวียนนา (Vienna) เมืองหลวงของประเทศออสเตรีย (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ชั่วโมง) ศูนย์กลางวัฒนธรรม เศรษฐกิจ และการเมือง เมืองนี้ยังคงมนต์เสน่ห์แห่งเมืองหลวงของจักรวรรดิออสเตรียในอดีต โดยยังคงร่องรอยของศิลปะ ดนตรีคลาสสิก สถาปัตยกรรม ประวัติศาสตร์ แหล่งอุดมวัฒนธรรม จนขึ้นชื่อว่าโรแมนติกที่สุดอีกเมืองของโลก
ที่พัก  โรงแรมมาตรฐาน 3-4 ดาว หรือเทียบเท่า
วันที่เจ็ด อนุสาวรีย์พระนางมาเรียเทเรซา – พระราชวังฮอฟบวร์ก (บริเวณด้านนอก) – ถนนกราเบน – มหาวิหารเซนต์สตีเฟน กรุงเวียนนา – ช้อปปิ้ง คาร์ทเนอร์สตรีท (B/-/D)
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
นำท่านชม อนุสาวรีย์พระนางมาเรียเทเรซา สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงพระจักรพรรดินี ที่ยิ่งใหญ่ของยุโรป ทางด้านซ้ายและด้านขวาของอนุสาวรีย์ เป็นตึกฝาแฝดสร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมนีโอเรอเนซองส์ ด้านหนึ่งเป็พิพิธภัณฑ์ศิลปะ อีกด้านหนึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยา

จากนั้นนำท่านเดินไปยัง พระราชวังฮอฟบวร์ก (Hofburg Palace) (บริเวณด้านนอก) เป็นพระราชวังที่เก่าแก่และใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ก่อสร้างขึ้นในปีค.ศ. 1275 แต่เดิมคือพระราชวังฤดูหนาวของราชวงศ์ฮอฟบวร์ก ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์ชั้นยอดในบริเวณที่พำนักอันเก่าแก่ของราชวงศ์ที่ทรงอำนาจแห่งออสเตรีย

ถนนกราเบน ถนนสายช้อปปิ้งที่มีชื่อเสียงที่สุดของกรุงเวียนนา ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากพระราชวังฮอฟบวร์ก (Hofburg Palace) โดยถนน Graben ถูกสร้างขึ้นปี ค.ศ.1220 คำว่า Graben สามารถแปลได้ว่าคู อาคารส่วนใหญ่ใน Graben สร้างขึ้นราวช่วงต้นศตวรรษที่ 19 ขณะที่ถนนยังกว้างกว่านี้ ปัจจุบันถนนทั้งสองสายนี้เต็มไปด้วยร้านอาหาร คาเฟ่ และร้านขายสินค้าแบรนด์เนมจำนวนมาก อาทิ Gucci, Louis Vuitton, Tiffany, Chanel เป็นต้น
เพื่อให้ท่านได้เพลิดเพลินในการเดินเล่นอย่างเต็มอิ่มจุใจ อิสระอาหารกลางวันตามอัธยาศัย

ชมหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ก็คือ Stephansplatz หรือ จัตุรัสสเตฟาน ซึ่งเป็นที่ตั้งของ มหาวิหารเซนต์สตีเฟน มหาวิหารแห่งนี้ก็เรียกได้ว่าเป็นจุดศูนย์กลางของกรุงเวียนนาและเป็นอาคารที่มีความโดดเด่นมากที่สุดแห่งหนึ่งในออสเตรีย โดยในอดีตเคยเป็นโบสถ์ที่มีความสูงมากที่สุดในโลก เริ่มก่อสร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 12 เป็นโบสถ์หลักของศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกแห่งเวียนนา สร้างขึ้นในรูปแบบของสถาปัตยกรรมโรมาเนสก์และโกธิค สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้กับนักบุญสตีเฟน

จากนั้นอิสระให้ท่านได้ช้อปปิ้งแบบเต็มอิ่ม ณ คาร์ทเนอร์สตรีท (Karntner Strasse) ถนนสายนี้ปัจจุบันเปลี่ยนสภาพเป็นถนนคนเดิน ปูด้วยแนวหิน และขนาบข้างด้วยอาคารร้านค้าทั้งเก่าและใหม่สลับกันไป บรรยากาศของผู้คน ร้านรวงริมทาง และอุณหภูมิเย็นสบาย กระตุ้นต่อมช้อปปิ้งของเราให้เดินเข้าออกร้านสวยอย่างไม่เหน็ดเหนื่อยเลยสักนิด ทั้งร้านขนม ร้านขายงานประดิษฐ์ และร้านขายเครื่องแก้วอื่นๆอีกมากมาย

เย็น รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร
ที่พัก  โรงแรมมาตรฐาน 3-4 ดาว หรือเทียบเท่า

วันที่แปด พระราชวังเชินบรุน (บริเวณภายนอก) – พระราชวังเบลวีเดียร์ (Belvedere Palace) – ศาลาว่าการกรุงเวียนนา – หมู่บ้านกรีนซิ่ง – สนามบิน (B/-/-)
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
นำท่านสู่ พระราชวังเชินบรุนน์ (Schonbrunn Palace) (บริเวณภายนอก) เป็นพระราชวังขนาดใหญ่แสนงดงามที่อยู่คู่เวียนนามาตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกชิ้นสำคัญไปในปี 1996 ทั้งยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ของเวียนนา และประเทศออสเตรียเลยทีเดียว

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ พระราชวังเบลเวอร์เดียร์ (Belvedere Palace) (บริเวณภายนอก) สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 18 ด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์บารอก ในอดีตสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ประทับของเจ้าชายยูจีนแห่งซาวอย ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงและจัดเก็บผลงานศิลปะของศิลปินที่มีชื่อเสียงระดับโลกมากมาย

เพื่อให้ท่านได้เพลิดเพลินในการเดินเล่นอย่างเต็มอิ่มจุใจ อิสระอาหารกลางวันตามอัธยาศัย
นำท่านผ่านชม ศาลาว่าการกรุงเวียนนา (Vienna City Hall) เป็นหนึ่งในอาคารที่สวยงามที่สุดในบรรดาอาคารเก่าแก่จำนวนมากในกรุงเวียนนา ด้วยสถาปัตยกรรมแบบโกธิคที่มีความงามสง่าทั้งภายนอกและภายในของตัวอาคาร โดยมีหอคอยยอดแหลมสูงเด่นที่มีความสูง 97.9 เมตร ปัจจุบันศาลาว่าการเวียนนาทำหน้าที่เป็นสำนักงานใหญ่ของเทศบาลกรุงเวียนนา จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ หมู่บ้านกรีนซิ่ง (GRINZING VILLAGE) เป็นหมู่บ้านที่ตั้งอยู่นอกเขตตัวเมืองออกไปทางตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงเวียนนา ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขา เป็นหมู่บ้านที่มีชื่อเสียงในการผลิตไวน์ชื่อดังอันดับต้นๆ ของยุโรป ใครที่มาเที่ยวเวียนนา ก็ไม่ควรพลาดแวะมาเที่ยวที่หมู่บ้านกรีนซิ่ง อิสระทุกท่านเดินทางชมเมืองตามอัธยาศัย
ได้เวลาอันสมควรนำท่านเดินทางสู่ สนามบินเวียนนา

20.30 น. ออกเดินทางสู่ สนามบินนิวเดลี โดยสายการบิน แอร์อินเดีย เที่ยวบิน AI 154 (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 6 ชั่วโมง 55 นาที)

วันที่เจ็ด สนามบินนิวเดลี (อินเดีย) – สนามบินสุวรรณภูมิ
07.40 น. เดินทางถึง สนามบินนิวเดลี (รอต่อเครื่องประมาณ 3 ชั่วโมง 20 นาที)
11.00 น. ออกเดินทางสู่ สนามบินสุวรรณภูมิ ประเทศไทย โดยสายการบิน แอร์อินเดีย เที่ยวบิน AI 332 (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง 25 นาที)
16.55 น. เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพ

ทัวร์ยุโรป