(PV-STNJOR6D3N-RJ)

ทัวร์จอร์แดน THE STUNNING JORDAN 6D3N (RJ)

ราคาเริ่มต้น 59,988 ฿ ดาวน์โหลด PDF จองทัวร์

สายการบิน: RJ

นำท่านเดินทางเข้าสู่เมืองอาคาบา ซึ่งเป็นเมืองท่า และเมืองท่องเที่ยวตากอากาศที่สำคัญของประเทศจอร์แดน เป็นเมืองแห่งเดียวของประเทศจอร์แดนที่ถูกประกาศให้เป็นเมืองปลอดภาษี มีประชากรอาศัยราว 70,000 คน ตั้งอยู่ใกล้ๆ กับฉนวนกาซาฝั่งตรงข้าม คืออิสราเอล โดยมีทะเลแดงคั่น เป็นเมืองค่อนข้างทันสมัยแต่ก็มีวัฒนธรรมของจอร์แดนมากพอสมควร และมีสิ่งที่น่าสนใจ คือ เสาธงสูงที่สุดในโลกซึ่งได้รับการบันทึกไว้ใน Guinness Book of World Records ด้วย

วันที่เดินทาง

กรกฏาคม 67 – ธันวาคม 67

ทัวร์จอร์แดน 

วันแรก สนามบินสุวรรณภูมิ BKK – AMM อัมมาน ควีน อาเลีย (B/L/D)
21.30 น. พร้อมกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิอาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ประเทศ ชั้น 4
เคาน์เตอร์ สายการบิน ROYAL JORDANIAN เที่ยวบินที่ RJ 183
พบกับเจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ ให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวก
วันที่สอง PETRA เพตรา – (B/L/D)
00.20 น.ออกเดินทาง สู่ เมืองอัมมาน (AMM) โดยสายการบิน ROYAL JORDANIAN เที่ยวบินที่ RJ 183
05.50 น.เดินทางถึงสนามบินนานาชาติ (AMM อัมมาน ควีน อาเลีย QUEEN ALIA)
ณ กรุงอัมมาน ประเทศจอร์แดน ใช้เวลาในการเดินทาง 9 ชั่วโมง
จะมีเจ้าหน้าที่ด้าน VISA มาคอยอำนวยความสะดวกแก่คณะทัวร์ (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าประเทศไทย 4 ชั่วโมง) เมืองหลวงของประเทศจอร์แดน หรือ ราชอาณาจักรฮัชไมต์จอร์แดนศูนย์กลางแห่งตะวันออกกลางที่มีการผสมผสานความเก่าแก่เข้ากับยุคสมัยปัจจุบัน หลังจากผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง และศุลกากรแล้ว รับสัมภาระเรียบร้อยแล้ว ออกจากประตูไป ทางด้านซ้ายมือ ท่านสามารถแลกเงิน,ซื้อSIM INTERNET ได้เลย
ราคาขึ้นอยู่กับ GB
-INTERNET BUNDLE 6GB = 17 USD , 12GB = 19 USD , 18GB = 22 USD

นำท่านเข้า สู่เมืองเพตร้า PETRA (ได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกปี ค.ศ. 1985 และ 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของแห่งโลกใหม่ จากการตัดสินโดยการโหวตจากบุคคลนับล้านทั่วโลกในวันมหัศจรรย์ 07/ 07/ 07) มหานครสีดอกกุหลาบที่ซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาแห่งโมเสส (WADI MUSA)
มีประวัติศาสตร์อันยาวนานหลายพันปีเคยเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยทั้งชาวอีโดไมท์จวบจนกระทั่งถึงยุครุ่งเรืองเฟื่องฟูในการเข้ามาครอบครองดินแดนของชาวอาหรับเผ่าเร่ร่อนนาบาเทียนในช่วงระหว่าง 100 ปี ก่อนคริสตกาล – ปี ค.ศ 100และได้เข้ามาสร้างอาณาจักร, บ้านเมือง ฯลฯ จนกระทั่งในปีค.ศ. 106 นครแห่งนี้ตกอยู่ภายใต้การปกครองของอาณาจักรโรมันที่นำโดย กษัตริย์ทราจัน และได้ผนึกเมืองแห่งนี้ให้เป็นหนึ่งในอาณาจักรโรมันแห่งแหลมอาระเบียตะวันออก

(ทุกท่านสามารถขี่ม้าภายในเส้นทางที่ม้าเดิน ในเพตราได้ ซึ่งรวมอยู่ในค่าบัตรแล้ว เพียงแต่ต้องจ่ายค่าทิปแก่คนจูงม้า ท่านละ 5 USD ต่อท่าน /ต่อเที่ยว หรือแล้วแต่การต่อรองราคา กับคนจูงม้า
กรณีมีผู้สูงอายุ หรือเด็ก ภายในเพตรามีบริการรถกอล์ฟอัตราค่าบริการ สามารถสอบถามเจ้าหน้าที่ หรือหัวหน้าทัวร์อีกครั้ง กรณีต้องการขี่ลา, ขี่อูฐ, นั่งรถม้าลาก ฯลฯ)
• หากท่านใดเดินไม่ไหว ก็มีบริการนั่งรถกอล์ฟ ไป – กลับ อัตราค่าบริการ ประมาณ 25 JD หรือ 1,300 บาท
• หากต้องการถ่ายภาพกับอูฐ จะมีค่าบริการแล้วแต่การต่อรอง

เที่ยง รับประทานอาหารเที่ยง ณ ร้านอาหาร THE BASIN PETRA RESTAURANT

หลังจากรับประทานอาหาร อิสระตามอัธยาศัย จนถึงเวลานัดหมาย
ระยะทางที่เดินเข้าไปในเพตรา ประมาณ 800 เมตร บนถนนทรายเพื่อตรงเข้าสู่หน้าเมืองพร้อมชมทัศนียภาพรอบข้างที่เป็นภูเขาทั้งสองฝั่ง ธารน้ำ คลังสมบัติ ภูเขาทั้งสองฝั่งที่มีรูปร่างหน้าตาต่างกันออกไป
นำท่านเดินเท้าเข้าสู่ถนนเข้าเมือง THE SIQ เป็นช่องทางเดินที่ขนาบสองฝั่งด้วยหน้าผา กว่า 1.5 กิโลเมตรที่เกิดจากการแยกตัวของเปลือกโลกและการซัดเซาะของน้ำเมื่อหลายล้านปีก่อน ส่วนใหญ่ทางเดินร่มๆ สบายๆ (ทางเดินค่อนข้างลาดลง ไม่เหนื่อย ระหว่างทางก็มีมุมสวยๆ ให้เก็บภาพเรื่อยๆ และมีบรรดาคนมาขายของที่ระลึก เดินชมความสวยงามของผาหินสีชมพูสูงชันทั้ง 2 ข้างคล้ายกับแคนยอนน้อย ๆ และ สิ่งก่อสร้าง รูปปั้นแกะสลัก ต่างๆ

ชมมหาวิหารศักดิ์สิทธิ์ เอล-คาซเนท์ (EL-KHAZNEH / TREASURY)คลังสมบัติของฟาโรห์ เอล คาซเนท์ เป็นหนึ่งในวัดที่ประณีตที่สุดในเมืองเพตรา (Petra) แห่งราชอาณาจักรนาบาเทีย (Nabateae) ซึ่งชาวอาหรับอาศัยอยู่ในสมัยโบราณ เช่นเดียวกับอาคารอื่นๆ ส่วนใหญ่ในเมืองโบราณแห่งนี้รวมถึงอาราม โครงสร้างนี้ถูกแกะสลักจากหินทรายเชื่อกันว่าโครงสร้างนี้เป็นที่เก็บพระศพของกษัตริย์อาเรตัสที่ 4 ในคริสต์ศตวรรษที่ 1 ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดทั้งในประเทศจอร์แดนและในภูมิภาคนี้ และในช่วงต้นศตวรรษที่ 19 กลายเป็นที่รู้จักในฐานะเอล คาซเนท์ (Al – Khazneh) ชาวเบดูอินเชื่อว่าเป็นที่เก็บสมบัติสันนิษฐานว่าจะสร้างในราวศตวรรษที่
1-2 โดยผู้ปกครองเมือง ในเวลานั้นเป็นวิหารที่แกะสลักโดยเจาะเข้าไปในภูเขาสีชมพูทั้งลูก มีความสูง 40 เมตร และมีความกว้าง 28 เมตร วิหารแห่งนี้ได้ถูกออกแบบโดยได้รับอิทธิพลศิลปะของหลายชาติเข้าด้วยกัน เช่น อิยิปต์, กรีก, นาบาเทียน ฯลฯ ภายในประกอบด้วย 3 ห้อง คือ ห้องโถงใหญ่ตรงกลางและห้องเล็กทางด้านซ้ายและขวาเดิมทีถูกเชื่อว่าเป็นที่เก็บขุมทรัพย์สมบัติของฟาโรห์อิยิปต์
(จากจุด VISITOR CENTER เราเดินทางเข้าไปบริเวณ จุด TREASURY โดยใช้ระยะเวลาประมาณ 3-4 ชม )
ชมโรงละครโรมัน (ROMANTHEATRE) ที่แกะสลักจากภูเขาโดยมีแนวราบที่นั่งเท่ากันและมีความสมดุลได้อย่างน่าทึ่ง สันนิษฐานเดิมทีสร้างโดยชาวนาบาเทียนต่อมาในสมัยที่โรมันเข้ามาปกครองได้ต่อเติมและสร้างเพิ่มเติม มีที่นั่ง 32 แถว จุผู้ชมได้ประมาณ 3,000 คน / อิสระในการเดินชมและถ่ายรูปภายในเมืองเพตร้า
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ โรงแรมที่พัก
 นำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก โรงแรม H LUXURY HOTEL @ PETRA ระดับ 5 ดาวหรือเทียบเท่า

วันที่สาม เพตรา PETRA – อาคาบา AQABA – เรือท้องกระจก BOAT CRUISE – ทะเลทรายวาดิรัม WADIRUM JEEP TOUR – ค้างคืนในแค้มป์กลางทะเลทราย (B/L/D)

เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
หลังจากนั้นนำทุกท่านเดินทางสู่อควาบา AQABA (ใช้เวลาในการเดินทาง 1 ชั่วโมง 40 นาที )
** หมายเหตุ สำหรับท่านใดที่จะลงเล่นน้ำ ดำน้ำดูปะการัง กรุณาเตรียมกระเป๋าใบเล็ก แยกเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัว
ใช้สำหรับเปลี่ยนที่ห้องน้ำบนเรือ **

นำท่านเดินทางเข้าสู่เมืองอาคาบา ซึ่งเป็นเมืองท่า และเมืองท่องเที่ยวตากอากาศที่สำคัญของประเทศจอร์แดน เป็นเมืองแห่งเดียวของประเทศจอร์แดนที่ถูกประกาศให้เป็นเมืองปลอดภาษี มีประชากรอาศัยราว 70,000 คน ตั้งอยู่ใกล้ๆ กับฉนวนกาซาฝั่งตรงข้าม คืออิสราเอล โดยมีทะเลแดงคั่น เป็นเมืองค่อนข้างทันสมัยแต่ก็มีวัฒนธรรมของจอร์แดนมากพอสมควร และมีสิ่งที่น่าสนใจ คือ เสาธงสูงที่สุดในโลกซึ่งได้รับการบันทึกไว้ใน Guinness Book of World Records ด้วย
นำท่านลงเรือท้องกระจก (GLASS BOAT) เล่นน้ำตามอัธยาศัย (ใช้เวลาประมาณ 3 – 4 ชั่วโมง “กรุณาเตรียมชุดสำหรับลงเล่นน้ำ หรือดำน้ำดูปะการังด้วย” น้ำทะเลที่นี่ใสมาก แต่ด้วยความลึกและการมองผ่านกระจกหนาจึงทำให้ดูปะการังและซากเรือไม่ค่อยชัดมาก
นำท่านแล่นสู่จุดที่ชมปะการัง ลึกแค่ประมาณ 5 – 6 เมตร ส่วนจุดเรือจมลึกประมาณ 27 เมตร ปะการังโดยส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีสีสัน สัตว์ทะเล เช่น ปลาสิงโต ปลานกแก้ว Goby fish ปลิงทะเล หอยเม่น และยังเป็นแหล่งดำน้ำลึกที่มีชื่อเสียงอีกด้วย ทะเลที่นี้ครอบคลุมถึง 4 ประเทศ คือ ประเทศจอร์แดน, อิสราเอล, อียิปต์และ ซาอุดิอาระเบีย ชมความใสของน้ำทะเล,ชมปะการัง, ปลาทะเลหลากหลายชนิด, เม่นทะเล, แมงกะพรุน ฯลฯ
(ทะเลแดงเป็นทะเลแห่งประวัติสาสตร์ ที่ได้มีการกล่าวขานในพระคัมภีร์ของศาสนาคริสต์ว่าทะเลแห่งนี้เป็นสถานที่โมเสสได้ทำอัศจรรย์ โดยการชูไม้เท้าแหวกทะเลแดงเป็นทางเดินพาชาวอิสราเอลหนีให้รอดพ้นจากการตามล่าของทหารอิยิปต์ เพื่อจับไปเป็นทาสของอียิปต์ และจุดมุ่งหมายเพื่อเดินทางไปสู่แผ่นดินแห่งพันธะสัญญาที่พระเป็นเจ้าทรงมอบให้กับชาวอิสราเอล นั่นคือก็คือกรุงเยรูซาเลมในปัจจุบัน)

เที่ยง รับประทานอาหารเที่ยง BBQ บนเรือ
อาหารเที่ยงแบบบุฟเฟ่ต์บนเรือ มีทั้งปลา ไก่ และแกะบาร์บีคิว ทานกับผักสลัดและแป้งโรตี
จากนั้น นำท่านเดินทางสู่ทะเลทรายวาดิรัม ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 40 นาที
ทะเลทรายแห่งนี้ในอดีตเป็นเส้นทางคาราวานจากประเทศซาอุฯ เดินทางไปยังประเทศซีเรียและปาเสลไตน์
(เคยเป็นที่อยู่อาศัยของชาวนาบาเทียนก่อนที่จะย้ายถิ่นฐานไปสร้างอาณาจักรอันยิ่งใหญ่ที่เมืองเพตร้า) ในศึกสงครามอาหรับรีโวลท์ระหว่างปีค.ศ. 1916–1918 ทะเลทรายแห่งนี้ได้ถูกใช้เป็นฐานบัญชาการในการรบของนายทหารชาวอังกฤษ ทีอี ลอว์เรนซ์และเจ้าชายไฟซาล ผู้นำแห่งชาวอาหรับร่วมรบกันขับไล่พวกออตโตมันที่เข้ามารุกรานเพื่อครอบครองดินแดนและต่อมายังได้ถูกใช้เป็นสถานที่จริงในการถ่ายทำภาพยนต์ฮอลลีวูดอันยิ่งใหญ่ในอดีตเรื่อง “LAWRENCE OF ARABIA” (และในปี ค.ศ.1963 สามารถกวาดรางวัลออสการ์ได้ถึง 7 รางวัล และรางวัลจากสถาบันอื่นๆ มากกว่า 30 รางวัล นำแสดงโดย PETER O’TOOLE, OMAR SHARIF

นำท่าน นั่งรถกระบะเปิดหลังคารับบรรยากาศทะเลทราย ที่ถูกกล่าวขานว่าสวยงามที่สุดของโลกแห่งหนี่ง ด้วยเม็ดทรายละเอียดสีส้มอมแดงอันเงียบสงบที่กว้างใหญ่ไพศาล (สีของเม็ดทราบนั้นปรับเปลี่ยนไปตามแสงของดวงอาทิตย์) ชมน้ำพุแห่งลอว์เรนซ์ สถานที่ในอดีตนายทหาร ทีอี ลอว์เรนซ์ ทหารชาวอังกฤษใช้เป็นสถานที่พักและคิดแผนการสู้รบกันพวกออตโตมัน อัตราค่าบริการ ขี่อูฐ 20 JOD // 30 USD กรุณาสอบถามเพิ่มเติมที่หัวหน้าทัวร์อีกครั้ง
อัตราค่าบริการ ขี่อูฐ (ไม่รวมอยู่ในค่าทัวร์ ) 20 JOD // 30 USD กรุณาสอบถามเพิ่มเติมที่หัวหน้าทัวร์อีกครั้ง

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ แคมป์ที่พัก
 นำท่านเข้าพัก LUXURY RUM MAGIC CAMP (BUBBLE TENT) หรือเทียบเท่า
วันที่สี่ WADIRUM CAMP วาดิรัม – KERAK CASTLE ปราสาทเครัค – DEAD SEA เดดซี (B/L/D)

เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่เมืองอัลเครัค ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศจอร์แดน เมืองแห่งนี้มีชาวคริสต์อาศัยอยู่มากและเป็นที่ตั้งของปราสาทเครัค KERAK CASTLE ซึ่งเคยเป็นป้อมปราการสมัยสงครามครูเสดแต่ต่อมาก็ถูกปล่อยทิ้งร้างเกือบ 500 ปี ปัจจุบันมีบางส่วนได้รับการบูรณะและเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชม ปราสาทนี้ยังเป็นบ้านของพิพิธภัณฑ์โบราณคดีเครัค (Karak Archaeological Museum) ที่เก็บสะสมวัตถุโบราณต่างๆ ที่สามารถบอกเล่าประวัติศาสตร์อีกด้วย
เที่ยง รับประทานอาหารเที่ยง ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
สมควรแก่เวลา นำคณะเดินทาง สู่เมืองเดดซี DEAD SEA โดยใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่งโมง
(ระยะทาง 200 กิโลเมตร) ทะเลเดดซี (DEAD SEA) ทะเลสาบเดดซีตั้งอยู่พรมแดนระหว่างอิสราเอลและจอร์แดน เกิดจากน้ำที่ไหลมาจากลำธารในจอร์แดน มีส่วนผสมของโซเดียมและแมกนีเซียม ทำปฏิกิริยากับน้ำพุร้อนที่อยู่ด้านล่างทะเลสาบ โดยมีความเค็ม มากกว่าทะเลอื่นถึง 4 เท่า มีความยาว 76 กิโลเมตร กว้างถึง 18 กิโลเมตร มีจุดลึกที่สุดคือ 400 เมตร และอยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล 417.5 เมตร นับเป็นพื้นที่ที่อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลมากที่สุดในโลก น้ำในทะเลเดดซีมีความหนาแน่นมาก มีเกลือละลายในน้ำถึง 25% จึงทำให้วัตถุลอยเหนือน้ำ แม้แต่คนว่ายน้ำไม่เป็นก็ลอยตัวได้ในเดดซีและถูกบันทึกลงในหนังสือ กินเนสส์ ว่า เป็นจุดที่ต่ำที่สุดในโลก
เชิญท่าน อิสระในการลงเล่นน้ำทะเลและพิสูจน์ ความจริงว่าท่านลอยตัวได้จริงหรือไม่
(การลงเล่นน้ำในทะเลนั้นมีวิธีขั้นตอนการลงเล่น และข้อควรระวังต่างๆ ควรฟังคำแนะนำจากมัคคุเทศก์ท้องถิ่นและหัวหน้าทัวร์)

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ โรงแรมที่พัก
 นำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก โรงแรม GRAND EAST HOTEL RESORT & SPA ระดับ 4 ดาวหรือเทียบเท่า

วันที่ห้า DEAD SEA – MADABA เมืองมาดาบา – MT.NEBO ยอดเขาเมาท์เนโบ MOUNT NEBO – AMMAN CITY TOUR (B/L/D)

เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเดินทางเข้า สู่กรุงอัมมาน ระหว่างทางแวะซื้อผลิตภัณฑ์ที่ทำจากเดดซี เช่น โคลนพอกตัว พอกหน้า สบู่ และสินค้าอื่นที่ทำจากเดดซีอีกมากมาย จากนั้นนำท่านออกเดินทางต่อสู่เมืองมาดาบา ใช้เวลาเดินทาง
ประมาณ 1 ชั่วโมง

เมืองมาดาบา อดีตเส้นทางสำคัญสมัยโรมัน ดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์แห่งเยรูซาเล็ม และเมืองแห่งเรื่องราวของโมเสสที่สำคัญทางหน้าประวัติศาสตร์ของศาสนายูดา, คริสต์ และอิสลาม ยังเป็นศูนย์กลางที่ขึ้นชื่อเรื่องการทำโมเสก เป็นศิลปะการตกแต่งด้วยชิ้นแก้ว, หิน, หรือกระเบื้องชิ้นเล็กๆ ซึ่งใช้ในการตกแต่งมหาวิหาร หรือในปัจจุบันใช้ประยุกต์ในการตกแต่งบ้านเรือนหรือ เมืองแห่งโมเสก ชมโบสถ์กรีก-ออโธดอกซ์แห่งเซนต์จอร์จ ถูกสร้างในราวปี ค.ศ. 600 ยุคของไบแซนไทน์ ชมภาพแผนที่ดินแดนศักดิสิทธิ์แห่งเยรูซาเลม ตกแต่งโดยโมเสกสีต่างๆ ประมาณ 2.3 ล้านชิ้นแสดงถึงพื้นที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ในแถบรอบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน, เยรูซาเลม, แม่น้ำจอร์แดน, ทะเลเดดซี, เขาไซนาย, อียิปต์ ฯลฯ

นำท่านเดินทางสู่ ยอดเขาเมาท์เนโบ MOUNT NEBO มีความสูง 817 เมตร จากระดับน้ำทะเล เชื่อกันว่าเป็นสถานที่ฝังศพของโมเสส ผู้นำชาวยิวส์ที่เดินทางจากอิยิปต์มายังเยรูซาเลม และเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดแห่งหนึ่งของจอร์แดน ที่แห่งนี้เป็นสถานที่สุดท้ายของโมเสส ก่อนจะชี้ทางให้ผู้สืบทอดนำพาผู้คนไปยังดินแดนพันธสัญญา ในประเทศอิสราเอลปัจจุบัน เมื่อยืนอยู่บนยอดเขาจะมองไปเห็นดินแดนแห่งพันธะสัญญา THE PROMISED LAND ที่โมเสสเคยเห็นบนยอดเขานี้ และเป็นที่จาริกแสวงบุญของชาวคริสต์มาแต่โบราณ และโบสถ์บนยอดเขาได้ถูกสร้างขึ้นในปลายศตวรรษที่สี่เพื่อเป็นการบ่งชี้จุดที่คาดว่าโมเสสเสียชีวิต MOUNT NEBOยังเคยเป็นสถานที่มาเยือนของสันตะปาปา ของศาสนาคริสต์ โดยสันตะปาปาจอห์นปอลที่ 2 ได้มาแวะพำนักที่นี่ ระหว่างการเดินทางไปเยือนดินแดนศักดิ์สิทธิ์ และได้ปลูกต้นมะกอก สัญลักษณ์ของสันติภาพไว้ข้างๆโบสถ์ไบแซนไทน์ด้วย
จากนั้น เดินทางเข้าชมเมืองนครเจอราช (JERASH) หรือ “เมืองพันเสา” เป็นอดีต 1 ใน 10 หัวเมืองเอกตะวันออกอันยิ่งใหญ่ของอาณาจักรโรมัน สันนิษฐานว่าเมืองนี้น่าจะถูกสร้างในราว 200 – 100 ปีก่อนคริสตกาล เดิมทีในอดีตเมืองแห่งนี้ชื่อว่า ในปี ค.ศ. 749 นครแห่งนี้ได้ถูกแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ทำลาย และถูกฝังกลบโดยทรายหลังจากนั้นก็ได้สูญหายไปเป็นนับพันปี ชมซุ้มประตูกษัตรย์เฮเดรียนและสนามแข่งม้าฮิปโปโดรม
นำท่านเดินเข้าประตูทางทิศใต้ ชมโอวัลพลาซ่า สถานที่ชุมนุม พบปะ สังสรรค์ของชาวเมือง, วิหารเทพซีอุสฯลฯโรงละครทางทิศใต้(สร้างในราวปี ค.ศ. 90-92) จุผู้ชมได้ถึง 3,000 คน มีจุดเสียงสะท้อนตรงกลางโรงละคร
เชิญทดสอบกับความอัศจรรย์เพียงพูดเบา ๆก็จะมีเสียงสะท้อนก้องเข้ามาในหูของเรา
ชมวิหารเทพีอาร์เทมิส เป็นเทพีประจำเมืองเจอราช สร้างในราวปี ค.ศ. 150 สร้างขึ้นพื่อใช้เป็นสถานที่สำหรับทำพิธีบวงสรวง และบูชายัญต่อเทพีองค์นี้ แบ่งเป็น 3 ชั้น คือ ชั้นนอก ชั้นกลาง ชั้นใน

นำท่านเดินเข้าสู่ ถนนคาร์โด หรือ ถนนโคลอนเนด ถนนสายหลักที่ใช้เข้า-ออกเมืองแห่งนี้บนถนนนั้นยังมีริ้วรอยทางของล้อรถม้า,ฝาท่อระบายน้ำ,ซุ้มโคมไฟ,บ่อน้ำดื่มของม้า ชมน้ำพุใจกลางเมือง (NYMPHAEUM) สร้างในราวปี ค.ศ. 191 เพื่ออุทิศแด่เทพธิดาแห่งขุนเขา ซึ่งเป็นที่นับถือของชาวเมืองแห่งนี้ มีที่พ่นน้ำเป็นรูปหัวสิงโตทั้งเจ็ด และตกแต่งด้วยเทพต่างๆ ประจำซุ้มด้านบนของน้ำพุฯลฯ
เที่ยง รับประทานอาหารเที่ยง ณ ภัตตาคารท้องถิ่น GRAND EAST HOTEL RESORT & SPA @DEAD SEA
นำท่าน ชมรอบเมืองหลวงกรุงอัมมาน เมืองหลวงที่ตั้งอยู่บนภูเขา7ลูกและมีประวัติศาสตร์ยาวนานมากกว่า 6,000 ปีผ่านชมย่านเมืองเก่า,เมืองใหม่,ย่านธุรกิจ,ตลาดใจกลางเมือง,ย่านคนรวย ฯลฯ
ชมป้อมปราการแห่งกรุงอัมมาน (CITDAEL) ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นจุดสังเกตเหตุบ้าน การเมืองต่างๆรอบเมืองเชิญอิสระถ่ายรูปตรงจุดชมวิวที่สวยที่สุดของเมืองแห่งนี้ โดยมีฉากหลังเป็น โรละครโรมัน ROMANSTHEATER ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศจอร์แดนจุผู้ชมได้ถึง 6,000 คน และตึกรามบ้านช่องที่ตั้งอยู่บนภูเขาสูงอันแปลกตายิ่งนักที่สันนิษฐานว่าน่าจะถูกสร้างขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 161-180 ในสมัยโรมัน พระราชวังเก่าอุมเมยาด สร้างขึ้นในประมาณปี ค.ศ. 720 โดยผู้นำชาวมุสลิม ของราชวงศ์ ในสมัยมุสลิมได้เข้ามาปกครองประเทศจอร์แดนซึ่งภายในประกอบห้องทำงาน, ห้องรับแขกฯลฯ ผ่านชมพระราชวังของพระมหากษัตริย์ อับดุลลาห์ที่สอง (RAGHADAN PALACE) ที่ตั้งอยู่บนภูเขามีทำเลที่สวยงามมากที่สุดในกรุงอัมมาน และมีทหารคอยเฝ้าดูแลตรวจตราอย่างเข้มงวด

จากนั้นเดินทางต่อสู่กรุงอัมมานหลังจากนั้นอิสระ ช้อปปิ้ง ห้าง CITY MALL- CARREFOUR เป็น 2 ห้างใหญ่ติดกัน มีของแบรนด์เนมให้เลือกสรรมากมาย

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ร้านอาหารพื้นเมือง TAWAHIN AL HAWA RESTAURANT
จากนั้นสมควรแก่เวลา พาคณะเดินทางไปยังสนามบิน สู่สนามบินนานาชาติ
(AMM อัมมาน ควีน อาเลีย QUEEN ALIA)

วันที่หก สนามบินอัมมาน AMMAN – BKK สนามบินสุวรรณภูมิ (-/-/-)

02.15 น. ออกเดินทางกลับสู่ ประเทศไทย ด้วยสายการบิน ROYAL JORDANNIAN เที่ยวบินที่ RJ182
15.15 น. เดินทางกลับถึง สนามบินสุวรรณภูมิ ด้วยความสวัสดิภาพและความประทับใจ มิรู้ลืมเลือน

ทัวร์จอร์แดน