Wonders of Jordan 6D4N by AirArabia on 22-27 Oct, 30Nov-5Dec 2024 nologo_0

ทัวร์จอร์แดน Wonders of Jordan 6D4N (G9)

ราคาเริ่มต้น 53,995 ฿ ดาวน์โหลด PDF จองทัวร์

อัมมาน เมืองหลวงจอร์แดนที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานมากกว่า 6,000 ปี
มาดาบา หรือเมืองแห่งโมเสก เมืองแห่งนี้ในอดีตเป็นเส้นทางสำคัญสมัยโรมันดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์แห่งเยรูซาเล็มและเป็นเมืองแห่งเรื่องราวของโมเสสที่สำคัญทางหน้าประวัติศาสตร์
เดดซี ทะเลที่ถูกบันทึกลงในหนังสือกินเนสบุ๊คว่า เป็นจุดที่ต่ำที่สุดในโลก มีความต่ำกว่าระดับน้ำทะเลถึง 400 เมตร และมีความเค็มที่สุดในโลกมากกว่า 20 เปอร์เซนต์ของน้ำทะเลทั่วไป ทำให้ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดเลยอาศัยอยู่ได้ในท้องทะเลแห่งนี้
ทะเลทรายวาดิรัม ทะเลทรายที่ขึ้นชื่อว่าสวยที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง เป็นทะเลทรายอันกว้างใหญ่และเงียบสงบมีผืน
ทรายสีแดงเม็ดละเอียดและจะเปลี่ยนสีไปตามสีของพระอาทิตย์
เพตรา มหานครสีกุหลาบที่ซ่อนตัวอยู่ในหุบเขา ได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกในปี
ค.ศ.1985 และเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่

วันที่เดินทาง

22 ต.ค. 67 – 27 ต.ค. 67, 30 พ.ย. 67 – 5 ธ.ค. 67

ทัวร์จอร์แดน
วันแรก กรุงเทพฯ(สุวรรณภูมิ)-ชาร์จาห์(สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์)-กรุงอัมมาน(จอร์แดน)
05:30น. คณะพร้อมกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ ผู้โดยสารขาออก ชั้น 4 เคาน์เตอร์สายการบินแอร์อาราเบีย AirArabia (G9) เจ้าหน้าที่คอยต้อนรับและอำนวยความสะดวกให้ท่านในการเตรียมตัวเดินทางและผ่านขั้นตอนการเช็คอิน
09:00น. ออกเดินทางสู่สนามบินนานาชาติชาร์จาห์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยเที่ยวบิน G9-822
**เดินทางพีเรียด 30พ.ย.-5ธ.ค. เวลาบินเปลี่ยนเป็น 08.10 น.ถึงสนามบินชาร์จาห์ เวลา 12.10 น.**
(ไม่มีบริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง สามารถซื้อเพิ่มเติมได้)
บนเครื่องไม่มีจอ แต่มี QR Code สำหรับสแกนดูหนังผ่านมือถือหรือ ipad ของท่านได้
หมายเหตุ: ขอสงวนสิทธิ์ในการเลือกที่นั่งบนเครื่องเนื่องจากเป็นไปตามระบบของสายการบิน
ซึ่งระบบการจองที่นั่งเป็นแบบสุ่มที่นั่งว่าง หากท่านมีความประสงค์ที่จะระบุที่นั่งบนเครื่องหรือเปลี่ยนที่นั่ง
จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมกรุณาแจ้งเจ้าหน้าที่
12:25น. เดินทางถึงสนามบินนานาชาติชาร์จาห์ (เพื่อแวะเปลี่ยนเครื่อง)
13:40น. ออกเดินทางสู่กรุงอัมมาน ประเทศจอร์แดน โดยเที่ยวบิน G9-330
**เดินทางพีเรียด 30พ.ย.-5ธ.ค. เวลาบินเปลี่ยนเป็น 13.00 น.(ไฟล์ท G9335) ถึงสนามบินอัมมาน เวลา 15.30 น.**
(ไม่มีบริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง สามารถซื้อเพิ่มเติมได้)
บนเครื่องไม่มีจอ แต่มี QR Code สำหรับสแกนดูหนังผ่านมือถือหรือ ipad ของท่านได้
หมายเหตุ: ขอสงวนสิทธิ์ในการเลือกที่นังบนเครื่องเนื่องจากเป็นไปตามระบบของสายการบิน
ซึ่งระบบการจองที่นั่งเป็นแบบสุ่มที่นั่งว่าง หากท่านมีความประสงค์ที่จะระบุที่นั่งบนเครื่องหรือเปลี่ยนที่นั่ง
จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมกรุณาแจ้งเจ้าหน้าที่
15:45น. เดินทางถึงสนามบินนานาชาติกรุงอัมมาน ประเทศจอร์แดน (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าประเทศไทย 4 ชั่วโมง) หลังผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองและตรวจรับสัมภาระเรียบร้อยแล้ว รถโค้ชรอรับที่สนามบิน จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ตลาดทอง (Gold Souk) หนึ่งในตลาดยอดนิยมในกรุงอัมมานที่ไม่ควรพลาด เป็นตลาดที่เต็มไปด้วยร้านขายเครื่องประดับ ซึ่งส่วนใหญ่ทำมาจากทองคำที่มีความบริสุทธิ์ถึง 22K – 24K และมีราคาที่ไม่แพงมากอย่างที่คิด จากนั้นนำท่านเดินชมและช้อปปิ้งต่อที่ Souk Mango ตลาดเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในกรุงอัมมาน มีร้านค้าหลากหลาย ทั้งร้านเสื้อผ้า, น้ำหอม, ของที่ระลึก, สินค้าท้องถิ่นต่างๆ รวมถึงร้านอาหาร เป็นต้น
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
ที่พัก : โรงแรมระดับ 4 ดาว หรือระดับเทียบเท่า

วันที่สอง กรุงอัมมาน-มาดาบา-โบสถ์กรีกออโธดอกซ์-เมาท์เนโบ-เดดซี
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่เมืองมาดาบา Madaba หรือที่รู้จักกันในชื่อเมืองแห่งโมเสก City of Mosaic (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง) เมืองมาดาบาอยู่ห่างจากอัมมานไปทางตะวันตกเฉียงใต้ 30 กิโลเมตร มีชื่อเสียงมากที่สุดจากผลงานโมเสกอันงดงามและยังเป็นเมืองแห่งเรื่องราวของโมเสสที่สำคัญทางหน้าประวัติศาสตร์ นำท่านเข้าชม โบสถ์กรีก-ออโธดอกซ์ แห่งเซนต์จอร์จ Greek Orthodox Church Of Antioch ที่สร้างขึ้นช่วงระหว่างศตวรรษที่ 6 ในยุคของไบแซนไทน์ มีภาพแผนที่อันโด่งดังของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งเยรูซาเล็ม ตกแต่งด้วยโมเสกสีกว่า 2 ล้านชิ้น แสดงถึงเนินเขาและหุบเขา หมู่บ้านและเมืองต่างๆ ตามแนวสามเหลี่ยมปากแม่น้ำไนล์
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

บ่าย นำท่านเดินทางสู่ยอดเขาเมาท์เนโบ Mount Nebo หรือยอดเขาเมาท์เนบู ดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์ที่ตั้งอยู่บนเขาที่เชื่อกันว่าเป็นสถานที่สุดท้ายของโมเสสที่ปลดปล่อยชาวยิวจากการเป็นทาสของอียิปต์ และคาดว่าเป็นบริเวณที่เสียชีวิตและฝังศพของโมเสส และบนยอดเขาเนโบยังเป็นที่ตั้งของอนุสรณ์ไม้เท้าศักดิ์สิทธิ์แห่งโมเสส ที่ออกแบบเป็นไม้กางเขนซึ่งภายหลังกลายเป็นสัญลักษณ์ของโมเสสและพระเยซู จากนั้นเดินทางสู่ Dead Sea ระหว่างทางแวะร้านขายของฝาก Dead Sea ให้ท่านช้อปปิ้งผลิตภัณฑ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น โคลนพอกตัว พอกหน้า สบู่ และสินค้าอื่นๆ ฯลฯ
หลังจากนั้นนำท่านเดินทางต่อไปยังเดดซี Dead Sea ทะเลที่ได้ชื่อว่า “เค็ม” ที่สุดในโลก และด้วยความเค็มที่สูงมาก เค็มมากกว่า 20% ของน้ำทะเลทั่วไป ทำให้ไม่มีสิ่งมีชีวิตชนิดใดอาศัยอยู่ได้ จึงถูกขนานนามว่าเป็นทะเลมรณะ ทะเลเดดซีถือว่าเป็นจุดที่อยู่ในระดับต่ำกว่าระดับน้ำทะเลมากที่สุด และเนื่องจากน้ำในทะเลเดดซีมีความหนาแน่นและความเข้มข้นของเกลือสูง จึงทำให้วัตถุต่างๆ สามารถลอยเหนือน้ำได้ แม้แต่คนที่ลงไปว่ายน้ำก็ไม่จมเช่นกัน จนกระทั่งเดินทางถึงที่พักให้ท่านพักผ่อนตามอัธยาศัย หรืออิสระในการลงเล่นน้ำทะเลเพื่อพิสูจน์ความจริงว่าท่านลอยตัวได้จริงหรือไม่ (ทั้งนี้การลงเล่นน้ำในทะเลนั้น มีวิธีขั้นตอนการลงเล่น และข้อควรระวังต่างๆ ควรฟังคำแนะนำจากไกด์ท้องถิ่นและหัวหน้าทัวร์)
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม
ที่พัก : โรงแรมระดับ 4 ดาว หรือระดับเทียบเท่า

วันที่สาม เดดซี-ทะเลทรายวาดิรัม-นั่งรถ 4WD ตะลุยทะเลทราย
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ทะเลทรายวาดิรัม Wadi Rum Desert ทะเลทรายทางใต้ของประเทศจอร์แดน มีพื้นที่กว้างใหญ่กว่า 720 ตร.ก.ม. เรียกอีกชื่อว่าหุบเขาแห่งพระจันทร์ The Valley of the Moon (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4.30 ชั่วโมง) มีภูมิประเทศเป็นทะเลทรายสีแดงและมีหินผาที่สวยงามแปลกตา ตามประวัติศาสตร์ว่ากันว่ามีมนุษย์อยู่อาศัยมาแล้วตั้งแต่ 8,000 ปีก่อนคริสตกาล ในทะเลทรายมีภาพเขียนฝาผนังแสดงถึงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนในยุคโบราณ วาดิรัมในอดีตเป็นเส้นทางคาราวานจากประเทศซาอุฯ เดินทางไปยังประเทศซีเรียและปาเลสไตน์ และในช่วงศึกสงครามอาหรับรีโวลท์ระหว่างปี ค.ศ.1916-1918 นายทหารชาวอังกฤษ T.E. Lawrence และเจ้าชายไฟซาลผู้นำแห่งชาวอาหรับ ใช้ที่แห่งนี้เป็นฐานบัญชาการในการสู้รบขับไล่พวกออตโตมันที่เข้ามารุกรานเพื่อครอบครองดินแดน และต่อมาที่นี่ยังถูกใช้เป็นสถานที่ในการถ่ายทำภาพยนต์ฮอลลีวูดอันยิ่งใหญ่ในอดีตเรื่อง “Lawrence of Arabia” ในปี ค.ศ.1963 ซึ่งสามารถกวาดรางวัลออส การ์ได้ถึง 7 รางวัล และรางวัลจากสถาบันอื่นๆ มากกว่า 30 รางวัล
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย นำท่านตะลุยทะเลทรายโดยรถขับเคลื่อน 4 ล้อ หรือ 4WD (แนะนำให้ท่านเตรียมผ้าคลุมผมและผ้าปิดจมูกสำหรับกันฝุ่นติดตัวไปด้วย) ทะเลทรายอันกว้างใหญ่ไพศาลและเงียบสงบที่ถูกกล่าวขานว่าสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของโลก มีผืนทรายสีแดงเม็ดละเอียด เริ่มจากชมวัดนาบาเทียน Nabatean Temple สร้างขึ้นในรัชสมัยของกษัตริย์นาบาเทียน Aretas ที่ 4 ในช่วงต้นศตวรรษแรก สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้กับเทพี Allat เทพีแห่งอาหรับผู้เป็นภรรยาของเทพแห่งดวงอาทิตย์ Dushara ซึ่งในอดีตเป็นวัดที่สวยงามและมีสีสัน แต่ปัจจุบันเหลือเพียงซากปรักหักพังของบล็อกหินทรายที่เป็นรากฐานเท่านั้น จากนั้นนำท่านชม Lawrence’s Spring หรือ Lawrence’s Fountain ที่แปลว่า “น้ำพุแห่งลอว์เรนซ์” สถานที่ที่ในอดีตนายทหาร T.E. Lawrence ทหารชาวอังกฤษใช้เป็นสถานที่พักและคิดแผนการสู้รบกันพวกออตโตมัน จุดต่อไปเดินทางสู่ Sand dunes เป็นเนินทรายที่เกิดจากการพัดของลมพัดพาทรายมาทับถมกัน จากนั้นท่องทะเลทรายไปยังภูเขาคาซารี Khazali Canyon ชมภาพเขียนก่อนประวัติศาสตร์ ที่เป็นภาพแกะสลักรูปมนุษย์และสัตว์ของชาวนาบาเทียน ที่แสดงถึงเรื่องราวในชีวิตประจำวัน และรูปภาพต่างๆ จากนั้นเดินทางต่อไปยังสะพานหิน Little Bridge สะพานหินธรรมชาติ มีความยาวประมาณ 4 เมตร และเป็นสะพานหินที่เล็กที่สุดในบรรดาสะพานหิน 3 สะพานที่มีชื่อเสียงในวาดิรัม
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ แคมป์ที่พัก
ที่พัก : แคมป์ระดับ 3 ดาว หรือระดับเทียบเท่า

วันที่สี่ วาดิรัม-นครเพตรา-มหาวิหารเอล คาซเนท์-กรุงอัมมาน-ช้อปปิ้ง
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของแคมป์ที่พัก
นำท่านเดินทางสู่มหานครเพตรา Petra (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง) “นครศิลาสีกุหลาบ หรือ The Rose City” ที่ได้รับสมญานามนี้เนื่องจากอาคารบ้านเรือนนั้นแกะสลักบนหินที่มีสีส้มและแดง คำว่าเพตรานั้นในภาษากรีกมีความหมายว่า “หิน” นำท่านเข้าชมนครเพตรา สัมผัส 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ นอกจากจะขนานนามว่า “นครศิลาสีกุหลาบ The Rose City แล้ว ยังมีอีกฉายาว่า “นครที่สูญหาย หรือ The Lost City” ซึ่งในอดีตนครเพตรา คือ นครแห่งการค้าขายที่มีขนาดใหญ่ เป็นเมืองที่สร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยไบแซนไทน์ ก่อนคริสตกาลถึง 400 ปี โดยพวกบานาเทียน และถูกทิ้งล้างมานานกว่า 700 ปี จึงถูกค้นพบโดยนักสำรวจชาวสวิสเซอร์แลนด์ นายโจฮันน์ ลุดวิก เบิร์กฮาดท์ ในปี ค.ศ.1812 ต่อมาในปี ค.ศ.1985 นครเพตราจึงได้รับการจดทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก้ และเคยใช้เป็นที่ถ่ายทำภาพยนตร์ชื่อดัง เรื่องอินเดียนน่า โจนส์ ขุมทรัพย์สุดขอบฟ้า, Transformers, The Mummy Returns ฯลฯ และยังได้รับการคัดเลือกจากนิตยสาร Smithsonian ให้เป็น 1 ใน 28 สถานที่ต้องไปเยือนก่อนตายอีกด้วย
การเดินทางเข้าสู่นครเพตรา ท่านสามารถเดินเท้า หรือเลือกใช้บริการขี่ม้าไปจนถึงบริเวณซีคช่องเขา ระยะทางประมาณ 800 เมตร (เพียงแต่ท่านต้องให้ค่าทิปแก่คนจูงม้าตามธรรมเนียม 5 USD ต่อท่าน/ต่อเที่ยว) หลังจากนั้นเดินเท้าต่อเข้าสู่นครเพตรา ระยะทางประมาณ 1.5 กิโลเมตร ผ่านทางเดินช่องเขา (The Siq) ที่เกิดจากการแยกตัวของเปลือกโลกและการซัดเซาะของน้ำเมื่อหลายล้านปีก่อน ระหว่างทางให้ท่านชมความสวยงามดั่งมนต์สะกดที่ซ่อนตัวลึกลับอยู่ในหุบเขาวาดิมูซา และเมื่อเดินจนสุดปลายทางช่องเขาท่านจะพบกับความสวยงามของมหาวิหารศักดิ์สิทธิ์ เอล-คาซเนท์ (Al Khazneh) สัญลักษณ์ของนครเพตรา ลักษณะเป็นวิหารที่เจาะหน้าผาหินและแกะสลัก ความสูงถึง 40 เมตร ของภูเขาที่มีลักษณะเป็นภูเขาสีชมพูทั้งลูก โดดเด่นด้วยเอกลักษณ์ของสถาปัตยกรรมของอียิปต์และโรมัน จากนั้นอิสระให้ท่านเดินเล่นและถ่ายรูปภายในนครเพตราตามอัธยาศัย
(กรณีต้องการขี่ลา, ขี่อูฐ หรือนั่งรถม้า ภายในเพตรา กรุณาติดต่อสอบถามกับทางหัวหน้าทัวร์หรือไกด์ท้องถิ่น)
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย นำท่านเดินทางสู่กรุงอัมมาน ในอดีตสมัยยุคการปกครองของจักรวรรดิโรมัน เมืองอัมมานเคยมีชื่อว่า ฟิลาเดลเฟีย และปัจจุบันจึงกลายเป็นเมืองหลวงของประเทศจอร์แดน (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3.30 ชั่วโมง) อิสระช้อปปิ้งที่ห้างสรรพสินค้า City Mall ซึ่งมีสินค้าให้ท่านเลือกซื้อมากมายเป็นของฝากจากจอร์แดน
(เพื่อความสะดวกในการเลือกซื้อสินค้า อิสระรับประทานอาหารค่ำตามอัธยาศัย)
ที่พัก : โรงแรมระดับ 4 ดาว หรือระดับเทียบเท่า

วันที่ห้า กรุงอัมมาน-ป้อมปราการ-วิหารเฮอร์คิวลิส-โรงละครโรมัน-สนามบินอัมมาน-ชาร์จาห์
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านขึ้นชมป้อมปราการแห่งกรุงอัมมาน Amman Citadel ตั้งอยู่บนเนินเขาสูง 850 เมตร ซึ่งสูงที่สุดในกรุงอัมมาน ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นจุดสังเกตเหตุบ้านการเมืองต่างๆ รอบเมือง มีวิหารเฮอร์คิวลิส Temple of Hercules อันเป็นสัญลักษณ์ หรือรู้จักกันในชื่อซากเสาหินแห่งเฮอร์คิวลิส ถูกสร้างขึ้นในสมัยโรมัน ลักษณะเป็นเสาหินโรมันขนาดใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่อันเป็นเอกลักษณ์ของวิหารเฮอร์คิวลิส และในบริเวณใกล้ๆกันยังเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์โบราณคดี The Jordan Archaeological Museum สร้างขึ้นในปี 1951 ภายในจัดแสดงโบราณวัตถุตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์จนถึงศตวรรษที่ 15 เช่น เครื่องมือเครื่องใช้ เครื่องปั้นดินเผา รวมถึงสิ่งของทางศิลปะอื่นๆ เช่น เครื่องประดับและรูปปั้น เป็นต้น อิสระตามอัธยาศัยให้ท่านถ่ายรูปตรงจุดชมวิวที่สวยที่สุดของเมืองนี้ จากนั้นนำท่านเข้าชมโรงละครโรมัน Roman Theater เป็นโรงละครโรมันสมัยศตวรรษที่ 2 ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศจอร์แดน สามารถรองรับคนได้ประมาณ 6,000 คน

กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
จนได้เวลาอันสมควรนำท่านเดินทางสู่สนามบินกรุงอัมมาน
16.25 น. ออกเดินทางจากสนามบินกรุงอัมมาน โดยสายการบิน AirArabia เที่ยวบินที่ G9-331
**เดินทางพีเรียด 30พ.ย.-5ธ.ค. เวลาบินเปลี่ยนเป็น 16.10 น.(ไฟล์ท G9336) ถึงสนามบินชาร์จาห์ เวลา 20.00 น.**
(ไม่มีบริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง สามารถซื้อเพิ่มเติมได้)
บนเครื่องไม่มีจอ แต่มี QR Code สำหรับสแกนดูหนังผ่านมือถือหรือ ipad ของท่านได้
หมายเหตุ: ขอสงวนสิทธิ์ในการเลือกที่นั่งบนเครื่องเนื่องจากเป็นไปตามระบบของสายการบิน
ซึ่งระบบการจองที่นั่งเป็นแบบสุ่มที่นั่งว่าง หากท่านมีความประสงค์ที่จะระบุที่นั่งบนเครื่องหรือเปลี่ยนที่นั่ง จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมกรุณาแจ้งทีมงาน
20:25น. เดินทางถึงสนามบินนานาชาติชาร์จาห์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (เพื่อแวะเปลี่ยนเครื่อง)
22.25 น. ออกเดินทางจากสนามบินนานาชาติชาร์จาห์ โดยสายการบิน AirArabia เที่ยวบินที่ G9-821
**เดินทางพีเรียด 30พ.ย.-5ธ.ค. เวลาบินเปลี่ยนเป็น 22.20 น.ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ เวลา 07.20 น.**
(ไม่มีบริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง สามารถซื้อเพิ่มเติมได้)
บนเครื่องไม่มีจอ แต่มี QR Code สำหรับสแกนดูหนังผ่านมือถือหรือ ipad ของท่านได้
หมายเหตุ: ขอสงวนสิทธิ์ในการเลือกที่นั่งบนเครื่องเนื่องจากเป็นไปตามระบบของสายการบิน
ซึ่งระบบการจองที่นั่งเป็นแบบสุ่มที่นั่งว่าง หากท่านมีความประสงค์ที่จะระบุที่นั่งบนเครื่องหรือเปลี่ยนที่นั่ง จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมกรุณาแจ้งทีมงาน

วันที่หก สนามบินสุวรรณภูมิ
07.50 น. เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพ..

ทัวร์จอร์แดน