TG Buddhist 8D nov – march

ทัวร์อินเดีย สังเวชนียสถาน 8 วัน (TG)

ราคาเริ่มต้น 45,900 ฿ ดาวน์โหลด PDF จองทัวร์

สายการบิน: tg

นำท่านเดินทางสู่ ราชคฤห์ (Rajgir) เมืองที่เคยยิ่งใหญ่ เป็นเมืองหลวงของแคว้นมคธในสมัยพุทธกาล (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง 30 นาที) พระพุทธศาสนาได้ประดิษฐานตั้งมั่นที่นี้มาโดยตลอดเพราะการอุปถัมภ์บำรุงของพระราชาผู้ทรงธรรมของเมือง เมืองราชคฤห์จึงเต็มไปด้วยโบราณสถานต่างๆ มากมาย นำท่านขึ้นชมเขาคิชกูฎ (Griddhakuta, Vulture’s Peak) คือหนึ่งในเบญจคีรี หรือภูเขา 5 ลูก

วันที่เดินทาง

พฤศจิกายน 67 – มีนาคม 68

ทัวร์อินเดีย

วันที่ 1
กรุงเทพฯ – พุทธคยา – – D
04.00 น. นัดพบคณะที่ สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้น 4 ผู้โดยสารขาออก สังเกตป้าย
“ONE FINE DAY” เจ้าหน้าที่บริษัทฯคอยอำนวยความสะดวกในเรื่องเอกสารและสัมภาระของท่านก่อนขึ้นเครื่อง

09.30 น. ออกเดินทางจากสู่ พุทธคยา โดยสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG 327
(บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง)

 เวลาที่อินเดียช้ากว่าประเทศไทย 1 ชั่วโมง 30 นาที 

12.20 น. เดินทางถึง สนามบินพุทธคยา หลังจากขั้นตอนสนามบินและศุลกากรแล้ว นำท่านสู่ สังเวชนียสถานแห่งแรก กราบนมัสการพุทธสถานที่สำคัญบริเวณต้นพระศรีมหาโพธิ์และองค์พระมหาเจดีย์พุทธคยา อันเป็นสถานที่ตรัสรู้ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
องค์เจดีย์สี่เหลี่ยมที่มีความสูงถึง 51 เมตร ฐานวัดโดยรอบได้ 121.29 เมตร ล้อมรอบด้วยโบราณวัตถุ โบราณสถานสำคัญ นมัสการ พระแท่นวัชรอาสน์ ที่สร้างโดยพระเจ้าอโศกมหาราช พระพุทธเมตตาภายในองค์พระเจดีย์พุทธคยา อนิมิสเจดีย์ รัตนจงกรม สระมุจลินทร์ พร้อมฟังการบรรยายโดยพระวิทยากรอธิบายถึงความสำคัญของสถานที่ต่างๆ และสวดมนต์ ภาวนา แล้วนำชมวัดนานาชาติ เช่น วัดไทย วัดญี่ปุ่น วัดภูฏาน ฯลฯ (จำนวนวัดขึ้นกับเวลา) นำท่านเดินทางเข้าสู่โรงแรมที่พัก
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำในโรงแรม

ที่พัก: Hotel Anand International Bodhgaya หรือโรงแรมในระดับเดียวกัน
วันที่ 2
พุทธคยา – ราชคฤห์ – นาลันทา – ปัตนะ B L D
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
จากนั้น นำท่านเดินทางสู่ ราชคฤห์ (Rajgir) เมืองที่เคยยิ่งใหญ่ เป็นเมืองหลวงของแคว้นมคธในสมัยพุทธกาล (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง 30 นาที) พระพุทธศาสนาได้ประดิษฐานตั้งมั่นที่นี้มาโดยตลอดเพราะการอุปถัมภ์บำรุงของพระราชาผู้ทรงธรรมของเมือง เมืองราชคฤห์จึงเต็มไปด้วยโบราณสถานต่างๆ มากมาย นำท่านขึ้นชมเขาคิชกูฎ (Griddhakuta, Vulture’s Peak) คือหนึ่งในเบญจคีรี หรือภูเขา 5 ลูก
ได้แก่ เวภาระ เวปุละ คิชฌกูฏ อิศิคิลิ และปัณฑวะ เขาคิชกูฏมีลักษณะเหมือนนกแร้ง หรือเป็นที่เกาะอาศัยของฝูงแร้งที่มาคอยกินซากศพโจรที่ถูกประหารและทิ้งลงเหว ในบริเวณโดยรอบ…เขาคิชกูฏนั้น นับว่าเป็นที่สัปปายะของเหล่าพระอริยสาวกในคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนากล่าวว่า เป็นที่จำพรรษาของพระอรหันต์หลายองค์ เช่น พระสารีบุตร พระอานนท์ พระมหากัสสปะ พระอนุรุทธะ พระปุณณมันตานีบุตร และพระอุบาลี เป็นต้น เพื่อนมัสการ ณ กุฏิพระพุทธองค์ กุฎิพระอานนท์ ถ้ำสุกรขาตา ที่พระสารีบุตรบรรลุพระอรหันต์ และถ้ำพระมหาโมลคัลลานะ และสถานที่พระเทวทัตกลิ้งก้อนหินใส่พระพุทธองค์ ชมทิวทัศน์ของเมืองราชคฤห์จากพื้นสูง (การขึ้นเขาคิชกูฏ ซึ่งเป็นการเดินขึ้นที่สูง ลาดชันพอประมาณ ระยะทางโดยรวมประมาณ 750 เมตร ทุกท่านจะต้องเดินขึ้น รถยนต์ไม่สามารถขึ้นไปถึงได้ ผู้ที่แข็งแรงสามารถเดินขึ้นได้ ใช้เวลาประมาณ 30 – 45 นาทีก็ถึง

หมายเหตุ : สำหรับท่านที่คิดว่าเดินไม่ไหว สามารถนั่งเสลี่ยงโดยมีคนหามขึ้น-ลงได้ แต่ต้องแจ้งล่วงหน้าก่อน เพื่อติดต่อแขกให้เตรียมคานหามไปรอที่เชิงเขา (มีค่าใช้จ่ายเพิ่มประมาณ 2,200 รูปี)

11:30 น. รับประทานอาหารกลางวันในโรงแรม
จากนั้น นำท่านเดินทางไป นาลันทา (Nalanda) เมืองหลักพระพุทธศาสนาในสมัยพุทธกาล นาลันทา บางครั้งเรียกว่า นาลกคาม เป็นบ้านเกิดและที่นิพพานของพระสารีบุตร อัครสาวกเบื้องขวา อยู่ในแคว้นมคธ อยู่ห่างจากราชคฤห์ประมาณ 12 กิโลเมตร นำท่านนมัสการ หลวงพ่อองค์ดำ ประดิษฐานอยู่นอกรั้วมหาวิทยาลัยนาลันทาเป็นพระพุทธรูปเก่าแก่ศักดิ์สิทธิ์ที่คนไทยนับถือมาก ชาวบ้านที่นี่เรียกว่า เตลิยบาบา หรือหลวงพ่อน้ำมัน ว่ากันว่าใครขอพรอะไรก็จะสมหวัง พระพุทธรูปสร้างจากหินสีดำลักษณะงดงามมาก นำท่านเดินทางสู่ เมืองปัตนะ
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำในโรงแรม
ที่พัก: Pataliputa Hotel, Patna หรือโรงแรมในระดับเดียวกัน

วันที่ 3
ไวสาลี – ป่ามหาวัน – กุสินารา – วัดไทยกุสินารา B L D
06.00 น. รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
เช้า นำท่านเดินทางไปนำท่านเดินทางสู่ เมืองไวสาลี เมืองหลวงของอาณาจักรวัชชี หนึ่งใน 16 แคว้นของชมพูทวีป เรียกกันหลายชื่อว่า ไวสาลี ไพสาลี หรือ เวสาลี ก็ได้ ในสมัยพุทธกาลเคยเป็นศูนย์กลางการเผยแผ่พระพุทธศาสนาที่สำคัญยิ่งอีกแห่งหนึ่ง กุฏาคารศาลาป่า มหาวัน สถานที่ที่พระพุทธองค์ปลงพระชนมายุสังขาร เป็นสถานที่ที่กำเนิดภิกษุณีรูปแรก เป็นที่ที่ทำน้ำมนต์เป็นที่แรก ที่นี่ยังมีเสาอโศกที่สมบูรณ์ที่สุดในประเทศอินเดีย
11:00 น. รับประทานอาหารกลางวันที่ไวสาลี
นำท่านเดินทางต่อสู่เมือง กุสินารา (เดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง)เมื่อถึงกุสินาราแล้วเดินทางไป วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ วัดนี้สร้างขึ้นเพื่อน้อมเป็นพุทธบูชาและเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในวาระครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี และเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ 72 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานชื่อวัดให้ เชิญท่านร่วมทำบุญตามกำลังศรัทธา
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำในโรงแรม

ที่พัก: Om Residency, Kushinagar หรือโรงแรมในระดับเดียวกัน

วันที่ 4
กุสินารา – ปรินิพพานสถูป – วัดไทย 960 – ลุมพินี (เนปาล) B L D
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ สังเวชนียสถานแห่งที่ 2 นมัสการสถานที่ปรินิพพาน ณ สาลวโนทยาน สถานที่เสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน มีต้นสาละปลูกไว้เป็นอนุสรณ์ นมัสการมหาปรินิพพานสถูป และเข้าไปสักการะพระพุทธรูปปางอนุฏฐิตสีหไสยาสน์ คือปางเสด็จบรรทมครั้งสุดท้ายภายในวิหารปรินิพพาน เดิมเป็นอุทยานของมัลละกษัตริย์ มีสถูปและวิหารปรินิพพาน ต้นสาละซึ่งเป็นสถานที่ปรินิพพาน ก็มีปลูกเป็นสัญลักษณ์หลายต้น ท่านจะได้เห็นต้นสาละที่แท้จริงที่นี่ ส่วนที่สมัยก่อนนักปราชญ์ของเราแปลต้นสาละว่า“ต้นรัง”นั้น ความจริงแล้วอาจเป็นตระกูลเดียวกัน แต่ไม่ใช่ต้นรังตามที่เชื่อกัน นำท่านนมัสการองค์ปรินิพพานสถูป มีลักษณะเป็นทรงบาตรคว่ำสูงใหญ่มีฉัตร 3 ชั้น ตอนบนสุดได้พังลงมาเมื่อปลายปี 2506 ปัจจุบันเห็นเพียงครึ่งท่อน ถัดมาเป็นปรินิพพานวิหารพระพุทธรูปปางไสยาสน์เสด็จดับขันธ์ปรินิพพานขนาดใหญ่

ให้ท่านได้ร่วมกันทำสมาธิภาวนา แล้วนำท่านไป นมัสการมกุฎพันธเจดีย์ (Makutabandana Stupa) สถานที่ถวายพระเพลิงพระสรีระสังขารของพระพุทธเจ้า ซึ่งปัจจุบันเป็นซากเจดีย์ ทรงกลม
11:00 น. รับประทานอาหารกลางวัน
นำท่านเดินทางสู่ ลุมพินี (เนปาล) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 – 5 ชั่วโมง)
ระหว่างทางให้ท่านได้แวะเข้าห้องน้ำที่วัดไทย 960

******โปรดเตรียมหนังสือเดินทางไว้ กับตัวท่านเพื่อประทับตราออกจากประเทศอินเดีย เข้าสู่ประเทศเนปาล*****

19.00 น. รับประทานอาหารค่ำในโรงแรม

ที่พัก: Pawan Palace, Lumbini หรือโรงแรมในระดับเดียวกัน
วันที่ 5
ลุมพินี – สถานที่ประสูติ – เสาพระเจ้าอโศกมหาราช
มายาเทวีวิหาร – สระโบกขรณี – สาวัตถี B L D
06.00 น. รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
จากนั้น นำท่านเดินทางไปนมัสการ สังเวชนียสถานแห่งที่ 3 สถานที่ประสูติ ซึ่งเชื่อกันว่าบริเวณที่ประสูติของสิทธัตถราชกุมาร คือ จุดที่เสาพระเจ้าอโศกมหาราชตั้งอยู่ยังมีข้อความภาษาพราหมีจารึกไว้อย่างสมบูรณ์

เขียนว่าเป็นสถานที่ประสูติของ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นำท่านนมัสการมหามายาเทวีวิหาร (The Mahamaya Devi Temple) ภายในมีศิลาสลักภาพพุทธประวัติปางประสูติ เป็นรูปพุทธมารดาอยู่ในพระอิริยาบถยืนพระหัตถ์ขวาเหนี่ยวกิ่งไม้สาละ มีรูปเจ้าชายสิทธัตถะออกมาทางปัสสะขวาของพระพุทธมารดา ด้านหน้ามหามายาเทวีวิหารมี สระโบกขรณี (The Sacred Pond) ซึ่งเป็นที่สรงสนานของพระนางสิริมหามายาเทวีก่อนและหลัง ให้ประสูติกาลพระกุมาร นำท่านเดินทางไปทำบุญที่ วัดไทยลุมพินี
11:00 น. รับประทานอาหารกลางวัน
นำท่านเดินทางกลับประเทศอินเดีย

******โปรดเตรียมหนังสือเดินทางไว้กับตัวท่านเพื่อประทับตราออกจากประเทศเนปาลเข้าสู่ประเทศอินเดีย***** ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4-5 ช.ม.

…เดินทางถึง สาวัตถี (Sravasti) เมืองโบราณในสมัยพุทธกาล มีความสำคัญในฐานะที่เป็นเมืองหลวงของแคว้นโกศล รุ่งเรืองจากการที่เป็นชุมนุมการค้าขาย การทหาร เป็นเมืองมหาอำนาจใหญ่ควบคู่กับเมืองราชคฤห์แห่งแคว้นมคธในสมัยโบราณ ปัจจุบันยังมีโบราณสถานที่สำคัญปรากฏร่องรอยอยู่ คือ วัดเชตวันมหาวิหาร (ซึ่งพระพุทธเจ้าเคยประทับอยู่ถึง 19 พรรษา), บริเวณวังของพระเจ้าปเสนทิโกศล, บ้านของอนาถบิณฑิกเศรษฐี (สถูป), สถานที่พระเทวทัตถูกแผ่นดินสูบ (หน้าวัดพระเชตวันมหาวิหาร), ที่แสดงยมกปาฏิหาริย์ แล้วเสด็จไปจำพรรษา ณ สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เพื่อแสดงพระอภิธรรมโปรดพระพุทธมารดา เป็นต้น
19.00 น. รับประทานอาหารค่ำในโรงแรม

ที่พัก: Sravasti Residency Hotel, Sravasti หรือโรงแรมในระดับเดียวกัน

วันที่ 6
สาวัตถี – วัดเชตวันมหาวิหาร – อนาถบิณฑิกเศรษฐี – บ้านองคุลีมาล – พาราณสี B L D
06.00 น. รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
จากนั้น นำท่านไป วัดเชตวันมหาวิหาร สร้างโดยท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี มหาเศรษฐีแห่งเมือง สาวัตถี บนที่ตั้งของเชตวันหรือสวนเจ้าเชตนอกเมืองสาวัตถี วัดนี้ดป็นวัดที่พระพุทธเจ้า จำพรรษามากที่สุดถึง 19 พรรษา และยังเป็นสถานที่เกิดเรื่องราวต่างๆ ในคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนามากมาย

นำท่านชม บ้านอนาถบิณฑิกเศรษฐี เป็นเรือนที่อนาถบิณฑิกเศรษฐีอาศัยอยู่ เดิมมีนามว่าสุทัตตะเศรษฐี ท่านเป็นเศรษฐีที่ใจบุญ ชอบช่วยเหลือคนตกยาก ทำให้ท่านถูกเรียกจากชาวเมืองสาวัตถีว่า อนาถบิณฑิกเศรษฐี แปลว่า เศรษฐีผู้เป็นที่พึ่งของคนยากอนาถบิณฑิกเศรษฐี ได้ไปค้าขายและได้ฟังธรรมจากพระพุทธเจ้าที่เมืองราชคฤห์จนบรรลุเป็นพระโสดาบัน ท่านจึงมีศรัทธาสร้างวัดเชตวันมหาวิหารถวายแก่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า นำท่านชม บ้านองคุลีมาล แต่เดิมนั้นองคุลิมาลชื่อว่าอหิงสกะ สามารถเรียนได้รวดเร็วอีกทั้งยังปรนนิบัติอาจารย์อย่างดี จนเป็นที่รักใคร่ของอาจารย์อย่างมาก เป็นเหตุให้ศิษย์อื่นริษยา จึงยุยงอาจารย์ว่าองคุลิมาลคิดจะทำร้าย อาจารย์จึงคิดจะกำจัดองคุลิมาลเสีย โดยบอกกองคุลิมาลว่า ถ้าจะสำเร็จวิชาต้องฆ่าคนให้ได้ 1,000 คนเสียก่อน องคุลิมาลจึงออกเดินทางฆ่าคน แล้วตัดนิ้วหัวแม่มือมาคล้องที่คอเพื่อให้จำได้ว่าฆ่าไปกี่คนแล้ว เหตุนี้เอง อหิงสกะจึงได้รับสมญานามว่า องคุลิมาล เมื่อฆ่าจนครบ 999 คน ก็มาพบพระพุทธเจ้า และได้เลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ออกบวชเป็นพุทธสาวกในที่สุด
11:00 น. รับประทานอาหารกลางวัน
บ่าย นำท่านเดินทางไป พาราณสี (Varanasi) เมืองเก่าแก่กว่า 5,000 ปี ไม่เคยร้าง มีการสืบทอดประเพณีของศาสนาพราหมณ์ / ฮินดู อย่างต่อเนื่อง (เดินทางประมาณ 7 ชั่วโมง)
20.00 น. รับประทานอาหารค่ำในโรงแรม

ที่พัก: Amaya Hotel Varanasi หรือโรงแรมในระดับเดียวกัน

วันที่ 7
พาราณสี – สารนาถ – พุทธคยา B L D
…………. นำท่านไป ล่องเรือแม่น้ำคงคา แม่น้ำอันศักดิ์สิทธิ์ของชาวฮินดู ชมการอาบน้ำล้างบาป บูชาพระอาทิตย์ ชมการเผาศพริมฝั่งแม่น้ำคงคาที่กว่า 3,000 ปี ไฟไม่เคยดับ
07.30 น. รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
08.30 น. นำท่านเดินทางไป สารนาถ สังเวชนียสถานแห่งที่ 4 สถานที่แสดงปฐมเทศนา อิสิปตนมฤคทายวัน เป็นการแสดงธรรมครั้งแรกที่มีชื่อว่า พระธัมมจักกัปปวัตตนสูตร สักการะธัมเมกขสถูป ที่ พระพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนาแก่ปัญจวัคคีย์ทั้ง 5 และ ฤษีโกณทัญญะบรรลุโสดาบัน ทูลขอบวชเป็นพุทธสาวกรูปแรก และเป็นวันแรกที่มีพระพุทธ พระธรรมและพระสงฆ์ ครบองค์รัตนตรัย กราบสักการะยสเจตียสถาน สถานที่แห่งความไม่ขัดข้อง ไม่มีความวุ่นวาย เป็นเจดีย์ขนาดเล็ก มีอาคารสี่เหลี่ยม มุงไว้เป็นอย่างดี สถานที่นี้เชื่อกันว่าพระพุทธองค์ทรงแสดงอิทธาภินิหารโปรดพระยสกุลบุตร ผู้เป็นบุตรเศรษฐี แห่งเมืองพาราณสี ด้วยอนุปพพิกถาในข้อธรรมที่แสดงทาน ศีล สวรรค์ เนกขัมมะ กามาทีนพ ตามลำดับ เป็นผลให้ ยสมาณพได้ดวงตาเห็นธรรม และให้บิดาได้เป็นปฐมอุบาสก มารดาและภรรยาได้เป็นปฐมอุบาสิกา ณ สถานที่นี้อีกด้วย

และนำท่านสู่ พิพิธภัณฑ์สารนาถ ที่จัดแสดงและเก็บรักษาโบราณวัตถุที่ขุดค้นได้ในบริเวณสารนาถเช่น พระพุทธรูป พระโพธิสัตว์ เทวรูป เครื่องใช้สอยในยุคนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งปฏิมากรรมที่เป็นเลิศคือพระพุทธรูปปางปฐมเทศนาที่งดงามยิ่งนัก สิงห์อันเป็นตราราชการแผ่นดินของอินเดีย

11.30 น. รับประทานอาหารกลางวันในโรงแรม
บ่าย หลังอาหาร นำท่านเดินทางกลับสู่ พุทธคยา โดยทางรถ (ใช้เวลาโดยประมาณ 6 ชม.)
19.00 น. รับประทานอาหารค่ำในโรงแรม

ที่พัก: Anand International Hotel, Bodhgaya หรือโรงแรมในระดับเดียวกัน
วันที่ 8
พุทธคยา – กรุงเทพฯ B L –
06.30 น. รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
เช้า นำท่านไปกราบสักการะต้นพระศรีมหาโพธิ์และพระพุทธเมตตา อีกครั้งก่อนเดินทางกลับเมืองไทย แล้วนำท่านชม บ้านนางสุชาดา ผู้ที่ถวายข้าวมธุปายาส (ข้าวที่หุงด้วยนมโคล้วน) ให้กับพระพุทธเจ้าก่อนที่จะตรัสรู้ ระหว่างทางไปบ้านนางสุชาดาจะต้องนั่งรถผ่านแม่น้ำเนรัญชราซึ่งเป็นสถานที่สำคัญทางศาสนาที่พระศาสดาได้รับการถวายข้าวมธุปายาสพร้อมถาดทองคำจากนางสุชาดาและพระองค์ได้อธิษฐานจิตเสี่ยงทายหากพระองค์ท่านสามารถตรัสรู้ได้ ขอให้ถาดทองคำลอยทวนสายน้ำ
11.00 น. รับประทานอาหารกลางวันในโรงแรม นำท่านเดินทางสู่ สนามบินพุทธคยา

15.00 น. ออกเดินทางสู่ กรุงเทพฯ โดยสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG328
บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง
19.35 น. เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพ…

ทัวร์อินเดีย