ทัวร์มาเลเซีย
/
วัดถ้ำบาตู (Batu Caves) ศาสนสถานฮินดูอันศักดิ์สิทธิ์แห่งมาเลเซีย
วัดถ้ำบาตู (Batu Caves) ศาสนสถานฮินดูอันศักดิ์สิทธิ์แห่งมาเลเซีย
วัดถ้ำบาตู (Batu Caves) เป็นวัดที่ตั้งอยู่ในถ้ำหินปูนเก่าแก่อายุ 400 ล้านปี ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ศาสนสถานศักดิ์สิทธิ์ของชาวอินเดียที่นับถือศาสนาฮินดู และเป็นสถานที่ที่ใช้ประกอบพิธีกรรมในศาสนาฮินดูอีกด้วย ซึ่งในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวd;jkหลายพันคนเดินทางมาที่นี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเทศกาลประจำปี ไทปูซัม …
ถ้ำหินปูนแห่งนี้ตั้งอยู่ทางด้านเหนือของกรุงกัวลาลัมเปอร์ ห่างไปประมาณ 12 เมตร มีความยาวถึง 400 เมตรและสูง 100 เมต ประกอบด้วยสามถ้ำหลัก ซึ่งใช้เป็นวัดและศาลฮินดู สิ่งที่น่าสนใจที่สุดของถ้ำบาตูก็คือ รูปปั้น พระขันธกุมาร สีทองอร่ามตั้งเด่นสง่าอยู่ด้านหน้าบันไดทางขึ้นปากถ้ำ ซึ่งมีความสูงถึง 42.7 เมตร เลยทีเดียว ซึ่งพระขันธกุมารนั้นเป็นที่เคารพนับถือเป็นอย่างมากของชาวอินเดีย และยังเป็นเป็นโอรสองค์ที่ 2 ของพระศิวะและพระแม่อุมาอีกด้วย
ก่อนที่เราจะผ่านเข้าไปชมความงดงามภายในถ้ำได้นั้น คุณจะต้องผ่านบันไดกว่า 272 ขั้น ที่ถอดยาวขึ้นไปสู่ตัวถ้ำ ซึ่งเปรียบเสมือนการขึ้นสวรรค์ไปให้ได้ก่อน ใครที่กำลังวางแผนมาที่นี่อาจจะต้องเตรียมตัวฟิตร่างกายกันสักนิดนะคะ แต่ขอบอกว่าคุ้มแน่นอนถ้าได้ขึ้นมาแล้ว เพราะคุณจะพบกับทัศนียภาพและเส้นขอบฟ้าที่สวยงามของเมืองได้อย่างชัดเจน รอบๆ วัด คุณจะเห็นลิงวิ่งเล่นกันอย่างอิสระ
เมื่อเข้ามาสู่ภายในถ้ำแล้ว คุณจะได้พบกับรูปปั้นเทพเจ้ามากมายที่ถูกประดับประดาอยู่ตามซอกหิน และบริเวณด้านในสุดจะพบกับศาลที่ชาวฮินดูมาไหว้สักการะ ขอพร ซึ่งศาลแห่งนี้เป็นที่ขึ้นชื่อเรื่องความศักดิ์สิทธิ์มากๆ ใครได้มาขอพรแล้วก็มักจะสมหวังกลับไปเสมอ
อีกหนึ่งเทศกาลศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่ควรพลาดเลยซึ่งจะเกิดขึ้นในช่วงเดือนมกราคม - เดือนกุมภาพันธ์ ก็คือ เทศกาลประจำปี ไทปูซัม เทศกาลเฉลิมฉลองเนื่องในวันคล้ายวันประสูติของพระขันธกุมาร ในวันนั้นจะมีชาวฮินดูทั่วสารทิศแห่เข้ามาร่วมเฉลิมฉลอง เพื่อขอพรให้ชีวิตมีความเจริญรุ่งเรือง และมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยไฮไลท์ที่เรียกได้ว่าเป็นเอกลักษณ์ของเทศกาลนี้ที่ใครเห็นเป็นต้องอึ้งกันไปตามๆ ก็คือ จะมีผู้แสวงบุญจำนวนหนึ่งใช้เหล็กเสียบผิวหนังตามร่างกายต่างๆ เพื่ออุทิศตนให้กับพระขันธกุมาร และนักแสวงบุญอีกส่วนจะแบกแท่นบูชาที่มีคนโทบรรจุนม ซึ่งถูกประดับตกแต่งอย่างสวยงาม เดินขึ้นบันไดกว่า 272 ขั้น เพื่อไปขอพรจากพระขันธกุมาร
ในอดีตเคยมีบันทึกว่าในปีพ.ศ. 2549 มีผู้แสวงบุญชาวฮินดูมาร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลไทปูซัมมากกว่า 1,500,000 คน ซึ่งใครที่อยากสัมผัสกับประสบการณ์แปลกใหม่และมีมนต์ขลังนี้ก็ลองวางแผนมาดูนะคะรับรองว่าคุณจะต้องทึ่งกับมนต์สะกดนี้อย่างไม่ผิดหวังแน่นอน
ก็จบกันไปแล้วนะคะ กับ วัดถ้ำบาตู (Batu Caves) ศาสนสถานฮินดูอันศักดิ์สิทธิ์แห่งมาเลเซีย เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับมนเสน่ห์ของวัดถ้ำบาตู สวยงามและมีมนต์เสน่ห์มากเลยใช่ไหมหล่ะ ส่วนใครที่กำลังจะวางแผนจะไป เที่ยวมาเลเซีย แต่ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน ลองเข้ามาปรึกษาพวกเรา planetholidays สิคะ ให้เราเป็นส่วนหนึ่งในการเติมเต็มความทรงจำของคุณ ที่นี่เรามี ทัวร์ดีๆ มากมาย จัดหนักจัดเต็มทุกทริป รับรองไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ
planetholidays คำตอบของคนชอบเที่ยว ทัวร์ดี ราคาถูก โทรสอบถามข้อ มูลเพิ่มเติมได้ที่ Tel: 02-530-9899, 081-855-7999, 094-794-1666 Line เราก็มีนะ @planetholiday
ทัวร์ยุโรป
/
สะพานไม้ชาเปล (Chapel Bridge) สะพานไม้เก่าแก่ที่สุดในโลก
สะพานไม้ชาเปล (Chapel Bridge) สะพานไม้เก่าแก่ที่สุดในโลก
ขึ้นชื่อว่าเป็น Top of Europe แล้ว แน่นอนว่าทุกไฮไลท์ของ สวิสเซอร์แลนด์ ไม่เคยทำให้เราผิดหวังเลยจริงๆ ตั้งแต่ธรรมชาติ ป่า เขา ไปจนถึงเมืองในฝันและประวัติศาสตร์สุดคลาสสิก เรียกได้ว่าเป็นแดนสวรรค์ของนักท่องเที่ยวเลยทีเดียว แต่คุณผู้ชมรู้ไหมคะ? ว่านอกจากสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังอย่าง ยอดเขาจุงเฟรา หมู่บ้านเซอร์เมท เมืองกรินเดอวาล ที่สวิสเซอร์แลนด์ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจอีกมากมาย และหนึ่งในนั้นที่เราจะมาแนะนำในวันนี้ก็คือ สะพานไม้ชาเปล (Chapel Bridge) สะพานไม้เก่าแก่ที่สุดในโลก แห่งเมืองลูเซิร์น…
สะพานไม้ซาเปลเป็นสะพานไม้ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1333 หรือ ศตวรรษที่ 14 มีอายุยาวนานกว่า 600 ปี ตัวสะพานมีลักษณะเป็นโครงไม้รูปสามเหลี่ยมทอดยาวผ่านแม่น้ำรอยส์ ซึ่งมีความยาวถึง 204 เมตรเลยทีเดียว แต่ในปี 1993 ได้เกิดเหตุเพลิงไหม้ทำให้ตัวสะพานได้รับความเสียหาย จนต้องทำการบูรณะใหม่ทำให้ความยาวของสะพานลดลงเหลือ 170 เมตร แต่ความสวยงามก็ยังคงเดิม
ปัจจุบันสะพานแห่งนี้ได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตและเปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของเมืองลูเซิร์นไปแล้ว ตลอดการเดินเล่นบนสะพานเราจะได้พบกับภาพเขียนมากมาย ภายใต้หลังคาและแนวยาวของสะพานที่เล่าถึงประวัติศาสตร์ของเมืองลูเซิร์นในศตวรรษที่ 17 ซึ่งถูกวาดโดยจิตรกรชาวแคททอลิค มีทั้งหมด 158 ภาพ แต่เนื่องจากเหตุเพลิงไหม้ครั้งนั้นเหลือเพียง 47 ภาพที่ยังรักษาไว้ได้
นอกจากนี้ยังมีหอคอยน้ำ (Wasserturm or Water Tower) หอคอยทรงแปดเหลี่ยมมีฐานเชื่อมกับสะพานไม้ชาเปล ในสมัยก่อนเคยถูกใช้เป็นที่คุมขังนักโทษ และเป็นที่เก็บเอกสารสำคัญต่างๆของราชการ แต่ในปัจจุบันนี้ได้ถูกยกเลิกการใช้งาน และกั้นไว้ไม่ให้ใครเข้า แต่นักท่องเที่ยวยังสามารถถ่ายรูปกลับไปเป็นที่ระลึกได้
ก็จบกันไปแล้วนะคะ กับสะพานไม้ชาเปล (Chapel Bridge) สะพานไม้เก่าแก่ที่สุดในโลก เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับมนต์เสน่ห์ของสะพานไม้ชาเปล งดงาม มีมนต์ขลังมากเลยใช่ไหมหล่ะ ส่วนใครที่กำลังจะวางแผนมา เที่ยวสวิสเซอร์แลนด์ แต่ไม่รู็ว่าจะไปที่ไหนบ้าง ลองเข้ามาปรึกษาพวกเรา planetholidays สิคะ ให้เราเป็นส่วนหนึ่งในการเติมเต็มความทรงจำของคุณ ที่นี่เรามี ทัวร์ดีๆ มากมาย จัดหนักจัดเต็มทุกทริป รับรองไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ
planetholidays คำตอบของคนชอบเที่ยว ทัวร์ดี ราคาถูก โทรสอบถามข้อ มูลเพิ่มเติมได้ที่ Tel: 02-530-9899, 081-855-7999, 094-794-1666 Line เราก็มีนะ @planetholiday
ทัวร์ยุโรป
/
ปราสาทช็องบอร์ (Château de Chambord) มนต์เสน่ห์อันน่าหลงไหลแห่งฝรั่งเศส
ปราสาทช็องบอร์ (Château de Chambord) มนต์เสน่ห์อันน่าหลงไหลแห่งฝรั่งเศส
ปราสาทช็องบอร์ เป็นหนึ่งในพระราชวังสำคัญของประเทศฝรั่งเศส แหล่งท่องเที่ยวชั้นนำที่คุณจะได้อิ่มเอมไปกับความงดงามสถาปัตยกรรมขนาดใหญ่สไตล์เรเนซองส์ผสมผสานกับการตกแต่งแบบยุคกลาง พร้อมเคล้าคลอด้วยสภาพแวดล้อมอันสุดแสนจะโรแมนติก อีกทั้งที่แห่งนี้ยังถูกใช้เป็นต้นแบบปราสาทในการ์ตูนเรื่องโฉมงามกับเจ้าชายอสูญของวอลต์ดิสนีย์อีกด้วย…
Château de Chambord ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำลัวร์ บริเวณเขตชนบทอย่างช็องบอร์ ในจังหวัดลัวเรแชร์สร้างในปี ค.ศ.1519 โดยพระราชประสงค์ของกษัตริย์ฟรองซัวร์ที่ 1 บนพื้นที่ที่มีลักษณะเป็นป่าไม้ขนาดใหญ่ เนื่องจากพระองค์เป็นผู้ที่มีความหลงไหลในกีฬาล่าสัตว์เป็นอย่างมาก พระองค์จึงสร้างพระตำหนักเพื่อประทับระหว่างที่พระองค์ทรงออกล่าสัตว์
ด้วยความที่ที่พระองค์ทรงได้ครอบครองเมืองมิลานด้วย ทำให้การสร้างปราสาทแห่งนี้ใช้แบบศิลปะสไตล์เรเนซองส์ของอิตาลี ผสมผสานเข้ากับการตกแต่งแบบยุคกลาง จุดประสงค์ก็เพื่อให้เกิดความสมบูรณ์แบบและงดงามมากที่สุดเพื่อให้ทั้งยุโรปอิจฉา
ด้วยความโดดเด่นของปราสาทที่มีความสูงถึง 156 เมตร ประดับเข้ากับธรรมชาติโดยรอบอันงดงาม มีแม่น้ำลัวร์ไหลผ่าน หลายๆ สิ่งช่วยกันเติมแต่งให้ที่แห่งนี้มีเอกลักษณ์เฉพาะ จนถูกขนานนามว่าเป็นปราสาทที่มีความสวยงามมากที่สุดเป็นอันดับสองของโลก รองจากปราสาทนอยชวานสไตน์ของเยอรมัน
ภายในตัวปราสาทประกอบไปด้วยห้องหับต่างๆ กว่า 462 ห้อง แต่ละห้องถูกตกแต่งอย่างวิจิตร งดงาม มีงานศิลปะ ประติมากรรมเเละงานเเกะสลักมากกว่า 800 ชิ้น เรียกได้ว่าเสพกันอย่างเต็มอิ่มแน่นอน นอกจากนั้นยังมีเตาผิงมากกว่า 282 เตาอีกด้วย ถือว่าเป็นจำนวนเตาผิงที่มีปริมาณมากเมื่อเทียบกับปราสาทอื่นๆ เเละมีบันได้กว่า 77 จุด ให้เราได้เดินกันอย่างเพลิดเพลินเลยทีเดียว
นอกจากการชมความสวยงามภายในปราสาทแล้ว ที่แห่งนี้ยังมีกิจกรรมนอกปราสาทให้เราทำอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการนั่งรถม้าคลาสสิก เช่าเรือพาย ปั่นจักรยานชมวิวปราสาท หรือจะนั่งปิกนิกพักผ่อนภายใต้ความรื่นรมย์ก็เก๋ไก๋ไม่แพ้กันค่ะ
ก็จบกันไปแล้วนะคะ กับ ปราสาทช็องบอร์ มนต์เสน่ห์อันน่าหลงไหลแห่งฝรั่งเศส เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับมนต์เสน่ห์ของปราสาทช็องบอร์ โอ่อ่า งดงามดั่งปราสาทในฝันเลยใช่ไหมหล่ะ ส่วนใครที่กำลังจะวางแผนมา เที่ยวฝรั่งเศส แต่ไม่รู็ว่าจะไปที่ไหนบ้าง ลองเข้ามาปรึกษาพวกเรา planetholidays สิคะ ให้เราเป็นส่วนหนึ่งในการเติมเต็มความทรงจำของคุณ ที่นี่เรามี ทัวร์ดีๆ มากมาย จัดหนักจัดเต็มทุกทริป รับรองไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ
planetholidays คำตอบของคนชอบเที่ยว ทัวร์ดี ราคาถูก โทรสอบถามข้อ มูลเพิ่มเติมได้ที่ Tel: 02-530-9899, 081-855-7999, 094-794-1666 Line เราก็มีนะ @planetholiday
ทัวร์อียิปต์
/
หุบเขากษัตริย์ และ สุสานฟาโรห์ทุตอังค์อามุน มหัศจรรย์มนตราแห่งอียิปต์
หุบเขากษัตริย์ และ สุสานฟาโรห์ทุตอังค์อามุน มหัศจรรย์มนตราแห่งอียิปต์
นอกจากความโดดเด่นของพีระมิดกีร์ซาที่มีชื่อเสียงก้องโลกแล้ว ที่ อียิปต์ ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจอีกมากมาย และหนึ่งในนั้นที่เราจะพาทุกคนไปรู้จักก็คือ หุบเขากษัตริย์ และ สุสานฟาโรห์ทุตอังค์อามุน หุบเขาที่เป็นหลุมฝังศพของเหล่ากษัตริย์ และราชวงศ์ของอียิปต์โบราณ สถานที่เก่าแก่ที่คุณควรไปสัมผัสให้ได้ด้วยตาตัวเองสักครั้ง…
หุบเขากษัตริย์ ตั้งอยู่ที่เทือกเขาทีบันอยู่ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำไนล์ตรงข้ามกับเมืองธีปส์ หรือเมืองลักซอร์ ในอดีตที่แห่งนี้ถูกใช้เป็นฝังศพของฟาโรห์ 63 พระองค์ เหล่ากษัตริย์ และราชวงศ์ของอียิปต์โบราณ ตั้งแต่ราชวงศ์ที่ 18 ถึง 20 แต่ละหลุมจะมีห้องขนาดใหญ่ และเล็กต่างกันไป มีความซับซ้อนมากกว่า 120 ห้อง
ด้านหน้าทางเข้าสุสานฟาโรห์บนยอดเขานั้นดูคล้ายปลายแหลมยอดปิรามิด เป็นการเลือกหวงซุ้ยในการฝั่งศพ ให้คล้ายว่าฝังอยู่ใต้ปิรามิด สุสานเหล่านี้เป็นสุสานที่ถูกเลือกให้เป็นสุสานที่เก็บ มัมมี่และสมบัติของกษัตริย์ถึง 63 สุสาน แต่ละสุสานมีขนาดใหญ่เล็กต่างกัน ขึ้นอยู่กับระยะเวลาครองราชย์ สุสานเริ่มสร้างเมื่อฟาโรห์ครองราชย์ และปิดเมื่อฟาโรห์สิ้นพระชนม์ ภายในหลุมมีจิตรกรรมที่งดงามสีสดใสราวกับเพิ่งวาดเสร็จไม่นานนี้
อีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้หุบเขาแห่งนี้มีชื่อเสียงมากๆ จนนักท่องเที่ยวจากทั่งโลกหลั่งไหลกันมาอย่างไม่ขาดสายคือ การค้นพบสุสาน ฟาโรห์ทุตอังค์อามุน (King Tutankhamun) ในปีค.ศ. 1922 ซึ่งช่วงนั้นก็ถือเป็นข่าวใหญ่กันเลยทีเดียว เพราะภายในนั้นมีสมบัติมากมายมหาศาลที่ถูกเก็บไว้ภายในห้องของสุสาน และที่พีคไปกว่านั้นก็คือการค้นพบมัมมี่พระศพของฟาโรห์ทุตอังค์อามุนค่ะ ซึ่งถูกบรรจุไว้ในตู้ทองคำถึง 4 ชั้น เป็นอะไรที่ Amazing มากเลยทีเดียว
นอกจากนั้นยังเจอโลงพระศพที่มีรูปร่างคนถูกประดับด้วยทองอีก 3 ชั้น และเมื่อเปิดออกถึงพบกับมัมมี่พระศพของฟาโรห์ทุตอังค์อามุน พร้อมทั้งพบหน้ากากทองคำที่จำลองแบบพระพักตร์ของพระองค์ไว้ ซึ่งพอเปิดหน้ากากออกก็พบกับพระพักตร์ของพระองค์ มัมมี่ที่มีสภาพสมบูรณ์ที่สุดเลยค่ะ หน้ากากทองคำของพระองค์แสดงให้เห็นถึงความรุ่งเรืองของยุคทองในสมัยนั้น
ฟาโรห์ทุตอังค์อามุนมีชื่อเสียงมากเรื่องคำสาปของฟาโรห์ เนื่องจากเหนือสุสานมีข้อความอียิปต์โบราณเขียนไว้แปลได้ว่า ‘มัจจุราชจะมาสู่ผู้ซึ่งรบกวนการบรรทมของฟาโรห์’ และหลังการเปิดสุสานของพระองค์ มีผู้เกี่ยวข้องในการเปิดเสียชีวิตไปกว่า 22 คนโดยไม่ทราบสาเหตุ ทำให้ผู้คนเชื่อว่าเป็นเพราะคำสาปขององค์ฟาโรห์
นอกจากการเดินชมบรรบากาศและเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ของสุสานแห่งนี้แล้ว ที่แห่งนี้ยังมีไฮไลท์น่าสนใจอีกหนึ่งอย่าง นั่นก็คือการขึ้นบอลลูนชมวิวทิวทัศน์และสัมผัสกับบรรยากาศอันงดงามของบริเวณโดยรอบ ซึ่งในโลกก็มีไม่กี่ที่ที่จะสามารถทำแบบนี้ได้ ใครที่ชอบความตื่นเต้นและอยากสัมผัสกับประสบการณ์แปลกใหม่ ก็ไม่ควรพลาดนะคะ
ก็จบกันไปแล้วนะคะ กับ หุบเขากษัตริย์ และ สุสานฟาโรห์ทุตอังค์อามุน มหัศจรรย์มนตราแห่งอียิปต์ เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับมนเสน่ห์ของที่แห่งนี้ งดงามและมีมนต์ขลังมากเลยใช่ไหมหล่ะ ส่วนใครที่กำลังจะวางแผนจะไป เที่ยวอียิปต์ แต่ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน ลองเข้ามาปรึกษาพวกเรา planetholidays สิคะ ให้เราเป็นส่วนหนึ่งในการเติมเต็มความทรงจำของคุณ ที่นี่เรามี ทัวร์ดีๆ มากมาย จัดหนักจัดเต็มทุกทริป รับรองไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ
planetholidays คำตอบของคนชอบเที่ยว ทัวร์ดี ราคาถูก โทรสอบถามข้อ มูลเพิ่มเติมได้ที่ Tel: 02-530-9899, 081-855-7999, 094-794-1666 Line เราก็มีนะ @planetholiday
ทัวร์ยุโรป
/
นอร์ธเคป (North Cape) ที่สุดของจุดชมพระอาทิตย์เที่ยงคืนแห่งนอร์เวย์
นอร์ธเคป (North Cape) ที่สุดของจุดชมพระอาทิตย์เที่ยงคืนแห่งนอร์เวย์
หนึ่งในไฮไลท์ที่พลาดไม่ได้เลยเมื่อมาเยือนดินแดนนอร์เวย์ ก็คือ การเดินทางมาชมพระอาทิตย์เที่ยงคืน ณ แหลม นอร์ธเคป จุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวที่สำคัญของคาบสมุทรสแกนดิเนเวีย และยังเป็นจุดที่สามารถชม พระอาทิตย์เที่ยงคืน (Midnight Sun) ได้อย่างชัดเจนและสวยที่สุดในโลก…
นอร์ธเคปเป็นแหลมลักษณะหน้าผาสูงชันที่ตั้งอยู่ริมฝั่งทะเลทางเหนือของเกาะมาเกโรยา มีเมือง ฮอนนิงสวัก (Honningsvag) เป็นด่านแรกก่อนจะเข้าสู่นอร์ธเคป อีกทั้งยังเป็นเมืองที่อยู่เหนือสุดของประเทศนอร์เวย์ และอยู่ทางเหนือมากที่สุดในยุโรปอีกด้วย
เมืองฮอนนิงสวัก คือ เมืองที่มีความสำคัญทางด้านการท่องเที่ยวของประเทศนอร์เวย์เป็นอย่างมาก อีกทั้งยังถือว่าเป็นเมืองที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์แห่งการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ในดินแดนสุดขั้วโลก ที่มีมานานนับ 10,300 ปีมาแล้ว ซึ่งจะได้สัมผัสวิถีความเป็นอยู่ของชาวแลปแลนด์ ชนชาวพื้นเมืองที่อยู่ในดินแดนขั้วโลกแห่งนี้นั่นเอง
จุดที่เรียกได้ว่าฮิตที่สุดของแหลมนอร์ธเคปจะอยู่ที่ตรงอนุสรณ์สถานลูกโลกขนาดใหญ่ เพราะเป็นจุดที่สามารถชมพระอาทิตย์เที่ยงคืนได้อย่างชัดเจนและสวยที่สุด ซึ่งในปีนึงมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากที่เดินทางมาชมพระอาทิตย์เที่ยงคืนในฤดูร้อน และชมแสงเหนือในฤดูหนาว ณ ที่แห่งนี้
นอกจากนี้บริเวณนอร์ธเคปนี้ยังมีร้านอาหาร คาเฟ่ และร้านขายของที่ระลึกให้เลือกซื้อ และยังมี พิพิธภัณฑสถานไทย ที่สร้างขึ้นเมื่อปี 2532 เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ที่ได้ทรงเดินทางมายังนอร์ธเคปแห่งนี้เมื่อปี 1907 และเป็นบุคคลแรกๆ ที่ได้เดินทางมายังสถานที่แห่งนี้ ภายในมีรูปปั้นของรัชกาลที่ 5 พร้อมด้วยข้อมูลบอกเล่าถึงทริปการเดินทางเมื่อครั้งเสด็จมาเยือนนอร์เวย์และนอร์ธเคปในครั้งนั้น
ก็จบกันไปแล้วนะคะ กับ นอร์ธเคป (North Cape) ที่สุดของจุดชมพระอาทิตย์เที่ยงคืนแห่งนอร์เวย์ เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับมนต์เสน่ห์ของนอร์ธเคป สมกับเป็นทำเลทองในการชมพระอาทิตย์เที่ยงคืนเลยใช่ไหมหล่ะ ส่วนใครที่กำลังจะวางแผนมา เที่ยวนอร์เวย์ แต่ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนบ้าง ลองเข้ามาปรึกษาพวกเรา planetholidays สิคะ ให้เราเป็นส่วนหนึ่งในการเติมเต็มความทรงจำของคุณ ที่นี่เรามี ทัวร์ดีๆ มากมาย จัดหนักจัดเต็มทุกทริป รับรองไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ
planetholidays คำตอบของคนชอบเที่ยว ทัวร์ดี ราคาถูก โทรสอบถามข้อ มูลเพิ่มเติมได้ที่ Tel: 02-530-9899, 081-855-7999, 094-794-1666 Line เราก็มีนะ @planetholiday
ทัวร์ยุโรป
/
สัมผัส 4 เมืองแห่งดอกไม้ สุดโรแมนติกและงดงามมากที่สุดในช่วงซัมเมอร์
สัมผัส 4 เมืองแห่งดอกไม้ สุดโรแมนติกและงดงามมากที่สุดในช่วงซัมเมอร์
ถ้าถามว่าฤดูไหนที่เหมาะกับการชมทุ่มดอกไม้สวยๆ ก็คงจะหนีไม่พ้น “ซัมเมอร์” แน่นอน นั่นก็เพราะเป็นช่วงที่พืชพรรณไม้นานาชนิดกำลังแย่งกันผลิดอกออกผล บานสะพรั่งมาให้เราได้ชื่นชม ซึ่งใครที่เป็นสายธรรมชาติกำลังมองหาสถานที่สวยๆ วันนี้เราก็ได้คัดสรร 4 เมืองแห่งดอกไม้ ที่เค้าว่ากันว่าเป็นที่สุดของความงดงามและความโรแมนติก ส่วนจะมีที่ไหนบ้าง เรามาชมกันเลยค่า…
1.อบอวลไปด้วยสีม่วง กับ ทุ่งลาเวนเดอร์ ณ เมือง โพรวองซ์ ประเทศฝรั่งเศส
ที่สุดของทุ่งลาเวนเดอร์ต้องยกให้ที่แห่งนี้เลย เมืองโพรวองซ์ สถานที่กำเนิดลาเวนเดอร์แห่งแรกของโลก เมืองท่องเที่ยวยอดฮิตตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศฝรั่งเศส โดยที่แห่งนี้จะเริ่มปลูกดอกลาเวนเดอร์ในช่วงฤดูร้อนของทุกปี เป็นช่วงที่ลาเวนเดอร์จะบานสะพรั่งและส่งกลิ่นหอมอันอวลชวนฝันมากๆ เลยค่ะ
ช่วงเวลาท่องเที่ยว : มิถุนายน - สิงหาคม
2.Yellow Sunshine กับดอกทานตะวันสีเหลือง ณ เมืองทัสคานี ประเทศอิตาลี
สดใสไปกับสีเหลืองอร่ามของทุ่งทานตะวันที่ถูกปลูกไว้ตามทางของ เมืองทัสคานี จนเกิดเป็นทุ่งทานตะวันขนาดใหญ่ไกลสุดลูกหูลูกตา ให้เราได้เพลิดเพลินไปกับความงดงามและเดินเก็บภาพเป็นที่ระลึก ซึ่งดอกทานตะวันที่แห่งนี้จะเบ่งบานเป็นประจำในช่วงฤดูร้อนของทุกปี
ช่วงเวลาท่องเที่ยว : มิถุนายน - สิงหาคม
3.ดื่มด่ำกับความงดงามของทุ่งทิวลิปหลากสี ณ สวนเคอเคนฮอฟ เมืองลิเซ่ ประเทศเนเธอร์แลนด์
หนึ่งปีมีแค่ครั้งเดียวเท่านั้น! กับการเที่ยวเคอเคนฮอฟ เทศกาลดอกทิวลิปและดอกไม้นานาพรรณที่ใหญ่ที่สุดในดินแดนยุโรป งานที่คุณจะได้เพลิดเพลินกับความงดงามของทุ่งทิวลิปในพื้นที่กว่า 200 ไร่ ซึ่งจัดขึ้นที่ สวนเคอเคนฮอฟ เมืองลิเซ่ ประเทศเนเธอร์แลน โดยจะมีการจัดแบ่งโซนไว้อย่างลงตัว มีทางเดินที่ร่มรื่นภายใต้ต้นไม้น้อยใหญ่ ซึ่งคั่นกลางด้วยสีสันของดอกทิวลิปที่เรียงรายอยู่สองข้างทาง
ช่วงเวลาท่องเที่ยว : มีนาคม - พฤษภาคม
4.เพลิดเพลินไปกับดอกไม้สีส้ม บนทุ่งดอกป๊อปปี้ ประเทศสหรัฐอเมริกา
ดอกป๊อปปี้ เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของรัฐแคลิฟอร์เนีย และะทุ่งดอกป๊อปปี้สีส้มสดใสที่บานสะพรั่งไปทั่วบริเวณ หุบเขา Antelope Valley ยังนับว่าเป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตในรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกาอีกด้วย ทำให้ที่นี่กลายเป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงอีกแห่งหนึ่งของโลก ซึ่งจะได้ชมความงดงามของทุ่งดอกป็อปปี้ในช่วงซัมเมอร์ของทุกปีค่ะ
ช่วงเวลาท่องเที่ยว : เมษายน - มิถุนายน
ก็จบกันไปแล้วนะคะ กับ สัมผัส 4 เมืองแห่งดอกไม้ สุดโรแมนติกและงดงามมากที่สุดในช่วงซัมเมอร์ เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับ 4 เมืองแห่งดอกไม้ที่เราคัดสรรมา งดงามดั่งทุ่งดอกไม้ในจินตนาการเลยใช่ไหมหล่ะ ส่วนใครที่กำลังจะวางแผนจะไป เที่ยวต่างประเทศ แต่ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนบ้าง ลองเข้ามาปรึกษาพวกเรา planetholidays สิคะ ให้เราเป็นส่วนหนึ่งในการเติมเต็มความทรงจำของคุณ ที่นี่เรามี ทัวร์ดีๆ มากมาย จัดหนักจัดเต็มทุกทริป รับรองไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ
planetholidays คำตอบของคนชอบเที่ยว ทัวร์ดี ราคาถูก โทรสอบถามข้อ มูลเพิ่มเติมได้ที่ Tel: 02-530-9899, 081-855-7999, 094-794-1666 , 094-796-1222 Line เราก็มีนะ @planetholiday
ทวีปอเมริกา
/
9 สุดยอดไฮไลท์ที่ เที่ยวอเมริกาใต้ ที่สุดแห่งความงดงามบนคาบ 2 มหาสมุทร
9 สุดยอดไฮไลท์ที่ เที่ยวอเมริกาใต้ ที่สุดแห่งความงดงามบนคาบ 2 มหาสมุทร
ต้องยอมรับว่าของเค้ามาแรงจริงๆ นะคะ กับการท่องเที่ยวไปในประเทศแถบอเมริกาใต้ ด้วยความสมบูรณ์แบบของธรรมชาติอันงดงาม ภูมิประเทศที่ตั้งอยู่ตรงกลางระหว่าง 2 ประเทศ และยังมีเทือกเขาแอนดีสที่ทอดยาว ประกอบกับลุ่มแม่น้ำอเมซอนอันยิ่งใหญ่ รวมทั้งแหล่งมรดกโลกวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพวกเค้าถึงกลายเป็นสถานที่ยอดฮิตได้ในช่วงเวลาแค่ไม่กี่ปี และในวันนี้ Planetholidays ก็ได้รวบรวมและคัดสรร 9 สุดยอดไฮไลท์ที่ เที่ยวอเมริกาใต้ ที่สุดแห่งความงดงามบนคาบ 2 มหาสมุทร มาฝากทุกคน เรามาดูกันดีกว่าค่ะ ว่าดินแดนฝั่งทางใต้จะมีอะไรให้เราตื่นตาตื่นใจบ้าง ถ้าพร้อมแล้วไปพบกับพวกเค้ากันเลย…
1.มาชูปิกชู (Peru)
มาชู ปิกชู หรือที่รู้จักกันในอีกชื่อนึงคือ เมืองสาบสูญแห่งอินคา เป็นซากอารยธรรมโบราณของชาวอินคา ตั้งอยู่บนเทือกเขาสูงประเทศ เปรู บนยอดภูเขาสูงอยู่ในแนวเทือกเขาแอนตีสซึ่งมีความสูงถึง 2100 เมตร จากระดับน้ำทะเล สถานที่แห่งนี้นับเป็นศูนย์กลางที่มีความสำคัญยิ่งทางโบราณคดีของอเมริกาใต้ ปัจจุบันเป็นแหล่งท่องเที่ยวอันเลืองชื่อ ที่ผู้คนทั่วโลกให้ความสนใจ และยังได้ถูกรับเลือกเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่อีกด้วย
2.เกาะอีสเตอร์ (Easter Island)
เกาะอีสเตอร์เป็นเกาะเล็กๆ ที่อยู่ทางตะวันออกของประเทศชิลี ที่แห่งนี่เป็นที่ตั้งของ โมอาย รูปแกะสลักจากหินภูเขาไฟขนาดใหญ่ที่มีหน้าตาคล้ายมนุษย์ด้วยความสูงเฉลี่ยราว 3.5 เมตร น้ำหนักราว 20 ตัน อายุนับพันปีมีจำนวนหลายร้อยตัวกระจายกันอยู่ทั่วเกาะอีสเตอร์ ซึ่งไฮไลท์ที่เป็นสัญลักษณ์ของเกาะคือ ทงการิกิ (Tongariki) รูปปั้นโมอายจำนวน 15 ตัวที่ตั้งเรียงกันริมทะเลทางตะวันออกของเกาะ
3.ทะเลเกลือแห่งเมืองอูยูนี (Salar de Uyuni)
ทะเลเกลือแห่งเมืองอูยูนีตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศโบลิเวีย ในอดีตเคยเป็นทะเลสาบน้ำเค็มขนาดใหญ่เมื่อหลายหมื่นปีก่อน จนปัจจุบันกลายมาเป็นทะเลเกลือที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกด้วยพื้นที่ราว 10,582 ตารางกิโลเมตร ที่แห่งนี้เต็มไปด้วยเกลือสีขาวกว้างไกลจรดเส้นขอบฟ้า ในยามฝนตกที่นี่จะกลายเป็นแอ่งน้ำที่เป็นเงาสะท้อนของท้องฟ้าตามคำขนานนามว่า “The world’s largest mirror, กระจกเงาที่ใหญ่ที่สุดในโลก”
4.หมู่เกาะกาลาปากอส (Galapagos Island)
หมู่เกาะกาลาปากอสตั้งอยู่ทางตะวันตกของประเทศเอกวาดอร์ ที่ปแห่งนี้ระกอบด้วยเกาะย่อยๆ ทั้งหมด 19 เกาะ ที่แห่งนี้เป็นอุทยานแห่งชาติที่เป็นแหล่งอนุรักษ์พืชพรรณและสัตว์ป่า รวมถึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวและศึกษาธรรมชาติ โดยเฉพาะสัตว์หายา ที่นี่เราจะได้ล่องเรือไปชมชีวิตสัตว์ที่อาศัยอยู่ตามเกาะต่างๆ อย่างใกล้ชิดแบบสุดๆ หรือพ่วงโปรแกรมดำน้ำเพื่อชมสัตว์น้ำหายาก โดยไฮไลท์ของสัตว์แห่งกาลาปากอสอยู่ที่ เต่ายักษ์ (Giant Tortoise), นกบูบี (Red/Blue-Footed booby), นกโจรสลัด (Magnificent frigatebird), ปูสีส้ม (Sally lightfoot crab), สิงโตทะเล (Fur Seal), อีกัวน่าบกและอีกัวน่าทะเล (Marine Iguana)
ทัวร์ยุโรป
/
เชสกี้ครุมลอฟ (Cesky Krumlov) เพชรน้ำงามแห่งดินแดนโบฮีเมีย
เชสกี้ครุมลอฟ (Cesky Krumlov) เพชรน้ำงามแห่งดินแดนโบฮีเมีย
เชสกี้ครุมลอฟ (Cesky Krumlov) เพชรน้ำงามแห่งโบฮีเมีย เมืองที่ได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโก้ให้เป็นเมืองมรดกโลกในปี ค.ศ. 1992 เมืองนี้ตั้งอยู่ริมสองฝั่งของแม่น้ำวัลตาวา ความโดดเด่นของเมืองคือ อาคารเก่าแก่ตั้งแต่ยุคกลางกว่า 300 หลัง ได้รับการอนุรักษ์และขึ้นทะเบียนไว้ให้เป็นสถานที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก…
เชสกี้ครุมลอฟเป็นเมืองเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ริมสองฝั่งของแม่น้ำวัลตาวาตอนต้น ใกล้กับแหล่งกำเนิดของแม่น้ำ ก่อนที่จะไหลต่อไปเป็นกระแสน้ำสายใหญ่ผ่านกรุงปราก เมืองหลวงของ ประเทศเช็ก ช่วงที่แม่น้ำวัลตาวาไหลผ่านและล้อมรอบเมืองในลักษณะงอโค้งเป็นคุ้งไปตามเนินเขา คดเคี้ยวเหมือนรูปตัว S จนทำให้ ภูมิทัศน์ของตัวเมืองเหมือนกับหยดน้ำที่กำลังจะร่วงหล่นจากขั้ว
สิ่งที่เติมเต็มให้เชสกี้ครุมลอฟ เป็นเพชรน้ำงามก็คงจะหนีไม่พ้นบ้านเรือนเก่าแก่ หลังคาสีส้ม - แดง ที่เรียงรายอยู่นับไม่ถ้วนกว่า 300 หลัง ทำให้เมื่อเรามองจากมุมสูงจะเกิดภาพที่งดงามเป็นเอกลักษณ์ ราวกับอยู่ในเมืองแห่งนิทาน
นอกจากนี้ภายในเมืองยังมีอีกหนึ่งที่ท่องเที่ยวน่าสนใจให้เราได้แวะไปชมนั่นก็คือ ปราสาทครุมลอฟ (Krumlov Castle) ปราสาทที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศรองลงมาจากปราสาทปราก โดยหอคอยสีชมพูของปราสาทที่มีอายุกว่า 700 ปี ผ่านการครอบครองของขุนนางถึง 3 ตระกูล ที่ใช้เป็นคฤหาสน์ส่วนตัว ก่อนจะตกเป็นสมบัติของรัฐบาลในที่สุด นอกจากนี้ที่นี่ยังเปิดให้เข้าชมด้านในของตัวปราสาทในบางส่วน โดยมีกฎว่าห้ามถ่ายภาพภายในโดยเด็ดขาด และการจะเข้าชมด้านในนั้น จะต้องเสียค่าเข้าขมในลักษณะของไกด์พาทัวร์ด้วยค่ะ
ทัวร์แบบที่ 1 ราคาผู้ใหญ่ 240 CZK เด็กและผู้สูงอายุ 140 CZK พร้อม ไกด์ภาษาอังกฤษ ระยะเวลา 1 ชั่วโมง ทัวร์นี้จะพาไปชมไปในห้องต่างๆ สไตล์ เรอเนสซองซ์อันโอ่อ่ามั่งคั่ง รวมถึงโบสถ์ ห้องสวีทสไตล์บารอก ชมภาพ ที่หอศิลป์ และห้องเต้นรำสวมหน้ากาก
ทัวร์แบบที่ 2 ราคาผู้ใหญ่ 180 CZK เด็กและผู้สูงอายุ 100 CZK ระยะ เวลา 1 ชั่วโมง จะเยี่ยมชมหอศิลป์ ชมภาพเหมือนของครอบครัวชวาร์เซนเบิร์ก และอพาร์ทเมนท์ของพวกเขา ซึ่งถูกใช้ในศตวรรษที่ 19
ทัวร์แบบที่ 3 เป็นทัวร์โรงละคร ราคาผู้ใหญ่ 380 CZK เด็กและ ผู้สูงอายุ 220 CZK ระยะเวลา 40 นาที มีเวลา 10.00-16.00 น. วันอังคาร-วันอาทิตย์ (พฤษภาคม–ตุลาคม) จะได้สำรวจโรงละครสไตล์โรโกโก (Rococo) อันโดดเด่นของปราสาทพร้อมด้วยเครื่องไม้เครื่องมือที่ใช้ในการทำเอฟเฟ็คต์ต่าง ๆ
ทัวร์ยุโรป
/
ทะเลสาบโคโม่ (Como Lake) ดินแดนในฝันบนผืนแผ่นดินอิตาลี
ทะเลสาบโคโม่ (Como Lake) ดินแดนในฝันบนผืนแผ่นดินอิตาลี
ทะเลสาบโคโม่ ทะเลสาบที่สวยที่สุดใน อิตาลี อยู่ในจังหวัดโค่โม่ แคว้นลอมาร์เดีย และมีขนาดใหญ่เป็นอันดับสามของทะเลสาบทั้งหมดในอิตาลี แหล่งท่องเที่ยวชั้นเยี่ยมที่อัดแน่นด้วยกิจกรรมสนุกมากมาย เหมาะแก่การหนีมาพักร้อน ตากอากาศมากที่สุดอีกแห่งหนึ่ง แถมยังได้ชมวิวทิวทัศน์สวยๆ และสัมผัสกับอากาศเย็นตลอดปี เพราะอยู่ติดเทือกเขาแอลป์…
ทะเลสาบแห่งนี้มีความยาวโดยรอบ 160 กิโลเมตร มีพื้นที่ 146 ตารางกิโลเมตร หนึ่งในจำนวนเมืองมากมายที่รายล้อมทะเลสาบ มีเมืองที่ชื่อว่า โคโม่ ที่มีชื่อเดียวกับทะเลสาบ ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมอีกแห่งหนึ่ง
สิ่งที่ทำให้ทะเลสาบโคโม่มีชื่อเสียงก็คือความงดงามของผืนน้ำ วิวทิวทัศน์ของเทือกเขาแอลป์และอากาศที่เย็นตลอดปี ทำให้เราสามารถเลือกมาพักผ่อน ณ ที่แห่งนี้เมื่อไหร่ก็ได้ อีกทั้งที่นี่ยังให้บรรยากาศคล้ายๆ กับหมู่บ้านฮัลล์สตัทท์ ออสเตรีย แต่มีพื้นที่ที่กว้างขวางกว่า
นอกจากการดื่มด่ำกับบรรยากาศอันงดงามของทะเลสาบแห่งนี้ ที่เมืองโคโม่ยังมีกิจกรรมให้เราทำอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น กิจกรรมไฮกิ้ง กิจกรรมไต่เขา เล่นสกี และพายเรือแคนู สายลุย สายธรรมชาติ ต้องห้ามพลาดเด็ดขาด
เมืองส่วนใหญ่ใน Lake Como มีเอกลักษณ์ที่คล้ายคลึงกันคือเป็นเมืองที่มีอาคารสีสวยสดใสและสวยงามด้วยสถาปัตยกรรมแบบต่างๆ ที่มีทางเดินเลียบทะเลสาบสวยงาม มีพิพิธภัณฑ์ชื่อดังและวิลลาชื่อดังให้เที่ยวชม ซึ่งก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความครบครัน สามารถเติมเต็มความสุขให้คุณในช่วงพักผ่อนได้ดีเลยที่เดียวค่ะ
ก็จบกันไปแล้วนะคะ กับ ทะเลสาบโคโม่ (Como Lake) ดินแดนในฝันบนผืนแผ่นดินอิตาลี เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับมนต์เสน่ห์ของทะเลสาบโคโม่ เป็นตัวอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีในการหลบร้อนไปพักผ่อนเลยใช่ไหมหล่ะ ส่วนใครที่กำลังจะวางแผนมา เที่ยวอิตาลี แต่ไม่รู็ว่าจะไปที่ไหนบ้าง ลองเข้ามาปรึกษาพวกเรา planetholidays สิคะ ให้เราเป็นส่วนหนึ่งในการเติมเต็มความทรงจำของคุณ ที่นี่เรามี ทัวร์ดีๆ มากมาย จัดหนักจัดเต็มทุกทริป รับรองไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ
planetholidays คำตอบของคนชอบเที่ยว ทัวร์ดี ราคาถูก โทรสอบถามข้อ มูลเพิ่มเติมได้ที่ Tel: 02-530-9899, 081-855-7999, 094-794-1666 Line เราก็มีนะ @planetholiday
ทัวร์ยุโรป
/
พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ (Musée du Louvre) ที่สุดแห่งมิวเซียม ณ ใจกลางกรุงปารีส
พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ (Musée du Louvre) ที่สุดแห่งมิวเซียม ณ ใจกลางกรุงปารีส
พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ (Musée du Louvre) หรือที่รู้จักกันในอีกชื่อว่า “The Grand Louvre” พิพิธภัณฑ์เก่าแก่มีชื่อเสียง และใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ตั้งอยู่ใจกลางกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เปิดให้สาธารณะชนเข้าชมเมื่อปี ค.ศ. 1793 ภายในจัดแสดงและเก็บรักษาผลงานศิลปะล้ำค่ามากกว่า 35,000 ชิ้น…
ในอดีตที่แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นป้อมปราการในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 12 ต่อมาช่วงประมาณคริสต์ศตวรรษที่ 14 กษัตริย์ Charles V ได้เปลี่ยนลูฟวร์ให้เป็นที่อยู่ของราชวงศ์ และในปี ค.ศ. 1682 พระราชวงศ์ย้ายไปอยู่ที่ พระราชวังแวร์ซายส์ (Versailles) จึงได้ทำเกิดเป็นพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ก่อนจะเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ในปี ค.ศ. 1793
ภายในพพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์จัดแสดงและเก็บรักษาผลงานศิลปะล้ำค่ามากกว่า 35,000 ชิ้น ในพื้นที่กว่า 60,600 ตารางเมตร และมีผู้เข้าเยี่ยมชมมากถึง 9.7 ล้านคนต่อปี ผลงานที่จัดแสดงมีความหลากหลายตั้งแต่สุสานมัมมี่อียิปต์ไปจนถึงประติมากรรมกรีกโบราณ อีกทั้งยังเป็นสถานที่จัดแสดงผลงานชื่อก้องโลกอย่างภาพเขียนโมนาลิซาทีเป็นผลงานของ เลโอนาร์โด ดาวินชี ภาพเขียนหญิงสาวที่เป็นที่รู้จักทั่วโลก งานปั้นชื่อดัง Venus de Milo ของศิลปินในยุคกรีกโบราณ Alexan dros of Antioch และภาพเขียนฝาผนังต่างๆ
อีกหนึ่งจุดที่เรียกได้ว่าฮิต! จนคุณไม่ควรพลาดเลยก็คือ พีระมิดแก้ว พีระมิดนี้ถูกออกแบบโดยนักสถาปนิกชาวอเมริกันเชื้อสายจีนชื่อดังนามว่า I.M.Pei ก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์เมื่อปี ค.ศ. 1988 เพื่อใช้เป็นทางเข้าพิพิธภัณฑ์ และยังมีการสร้างพีระมิดกลับหัว The Inverse Pyramid ที่ชั้นใต้ดิน เหตุผลคือต้องการสื่อถึงความทันสมัยและความเก่าแก่ที่อยู่รวมกันในพิพิธภัณฑ์ ซึ่งสิ่งนี้เปรียบเสมือนสัญลักษณ์และงานศิลปะชิ้นเอกของลูฟวร์ไปแล้ว
นอกจากนี้แล้วยังมีงานศิลปะอื่นๆ อีกมากมายทั้งภาพวาด งานปั้น งานแกะสลัก รวมไปถึงโบราณวัตถุที่สำคัญ โดยแบ่งออกเป็นโซนๆ และแยกออกเป็นประเภทๆ ซึ่งถ้าอยากเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ทางศิลปะแห่งนี้อย่างจุใจ อาจจะต้องเผื่อเวลากันหน่อย เพราะที่นี่มีพื้นที่ถึง 650,000 ตารางฟุต เรียกได้ว่าเดินยาวๆกันไปเลยค่ะ
เวลาทำการ : จันทร์ พฤหัสบดี เสาร์ อาทิตย์ เปิด 09:00 - 18:00 น., พุธ ศุกร์ 09:00 - 21:45 น., (ปิดวันอังคาร, 1 ม.ค., 1
ทัวร์ยุโรป
/
Atlantic Ocean Road ถนนที่สวยที่สุดแห่งประเทศนอร์เวย์
Atlantic Ocean Road ถนนที่สวยที่สุดแห่งประเทศนอร์เวย์
Atlantic Ocean Road ถูกจัดว่าเป็นถนนที่มีความสวยงามที่สุดของประเทศนอร์เวย์ และยังติดอันดับต้นๆ ของโลก เส้นทางแห่งความงดงามที่เราจะได้เพลิดเพลินไปกับวิวทิวทัศน์สุดอลังการระหว่างสองข้างทางทอดยาวออกไปสุดสายตา ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งแก่การออกโรดทริป หรือ จะแวะมาสัมผัสความท้าทายของถนนแห่งนี้ก็ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน…
ถนนแอตแลนติก โอเชียน มีระยะทางทั้งหมด 8.3 กิโลเมตร หรือ 5.2 ไมล์ แต่เดิมถนนสายนี้เคยถูกเสนอให้สร้างเป็นเส้นทางรถไฟ แต่ก็ได้ถูกยกเลิกไป จนทางการสั่งให้มีการก่อสร้างครั้งใหม่ขึ้นเกิดเป็นถนนเส้นนี้
ซึ่งในระหว่างการก่อสร้างนั้นต้องฝ่าฝันอุปสรรคจากพายุถึง 12 ครั้ง ถนนเส้นนี้สร้างขึ้นเพื่ออยากเอาชนะคลื่นลมแรงที่เกิดจากธรรมชาติ มีการสร้างเส้นถนนนี้เชื่อมจากเมืองใหญ่ 2 เมืองคือ Eide กับ Averøy ผ่านเกาะเล็กๆ ถึง 17 เกาะ
ถึงเส้นทางจะดูคดเคี้ยว และอยู่ริมมหาสมุทรแอตแลนติก แต่ถนนเส้นนี้ก็มีความปลอดภัยสูง เพราะได้ถูกคำนวนและออกแบบอย่างมีมาตรฐาน เรียกได้ว่าหมดกัวงลไปเลย ขับสบาย หายห่วง แต่ก็อย่าเพลินจนเกินความประมาทนะคะ
ระหว่างสองข้างทางนอกจากเราจะได้ชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามแล้ว ก็ยังมีจุดแวะพักรถให้เราได้แวะลงไปสูดอากาศกันอย่างอิ่มเอม มองเห็นผู้คนมาทำกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการดำน้ำ ตกปลา กระจัดกระจายอยู่ตามมุมต่างๆ
หากใครได้มีโอกาสมาท่องเที่ยวยังที่แห่งนี้ รับรองคุณจะไม่ผิดหวังแน่นอน เพราะระหว่างทางนั้นเราจะได้เห็นความงามของธรรมชาติทั้งภูเขา มหาสมุทรแอดแวนติก และเกิดความตื่นเต้นอยู่ตลอดเวลา เนื่องจากถนนมีความคดเคี้ยว รูปร่างบิดโค้งไป บางครั้งก็อาจจะเจอกับคลื่นที่ซัดผ่านสะพานข้ามเกาะ
เรียกได้ว่าคุณภาพคับแก้วจริงๆ สมกับที่ได้รับรางวัลยกย่องให้เป็น “Norwegian Structure of The country” และเป็นหนึ่งในถนนที่สวยงามที่สุดในโลก และ National Tourist Route มรดกทางวัฒนธรรม นายสุดยอดมากค่า...
ก็จบกันไปแล้วนะคะ กับ AtlanticOcean Road ถนนที่สวยที่สุดแห่งประเทศนอร์เวย์ เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับมนต์เสน่ห์ของถนนแอตแลนติก โอเชียน งดงามและแฝงด้วยความตื่นเต้นจนอยากออกไปสัมผัสเลยใช่ไหมหล่ะ ส่วนใครที่กำลังจะวางแผนจะไป เที่ยวนอร์เวย์ แต่ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนบ้าง ลองเข้ามาปรึกษาพวกเรา planetholidays สิคะ ให้เราเป็นส่วนหนึ่งในการเติมเต็มความทรงจำของคุณ ที่นี่เรามี ทัวร์ดีๆ มากมาย จัดหนักจัดเต็มทุกทริป รับรองไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ
planetholidays คำตอบของคนชอบเที่ยว ทัวร์ดี ราคาถูก โทรสอบถามข้อ มูลเพิ่มเติมได้ที่ Tel: 02-530-9899, 081-855-7999, 094-794-1666 Line เราก็มีนะ @planetholiday
ทัวร์ยุโรป
/
ไกแรงเกอร์ฟยอร์ด เพชรเม็ดงามแห่งดินแดนนอร์เวย์
ไกแรงเกอร์ฟยอร์ด (Geirangerfjord) เพชรเม็ดงามแห่งดินแดนนอร์เวย์
ที่สุดของการมา เที่ยวนอร์เวย์ ถ้าใครไม่ได้แวะไปสัมผัสความงดงามของ ซองฟยอร์ด ก็อาจจะเรียกได้ว่าไปไม่สุดจริงๆ เพราะดินแดนแห่งนี้ได้รับขนานนามว่าเป็นขุมทองของซองฟยอร์ดที่มีความงดงามมากที่สุดในโลก และยังถูดจัดอันดับให้เป็นมรดกโลกอีกด้วย วันนี้ Planetholiday จะพาทุกคนไปสัมผัสกับซองฟยอร์ดที่มีความงดงามและมีชื่อเสียงมากที่สุดในประเทศนอร์เวย์ ถ้าพร้อมแล้ว เชิญพบกับ ไกแรงเกอร์ฟยอร์ด เพชรเม็ดงามแห่งดินแดนนอร์เวย์ กันเลยค่ะ…
หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าซองฟยอร์ดคืออะไร งั้นเรามาทำความรู้จักเค้ากันก่อนดีกว่าค่ะ ซองฟยอร์ด คือ ความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ ที่เกิดจากการกัดเซาะของแผ่นธารน้ำแข็งในยุคน้ำแข็งเมื่อหลายล้านปีก่อน จนเกิดเป็นอ่าวแคบๆ ระหว่างหน้าผาสูงชัน ในโลกนี้มีไม่กี่ประเทศที่มีฟยอร์ด แต่ฟยอร์ดที่ได้ชื่อว่าสวยที่สุดในโลกคือฟยอร์ดในประเทศนอร์เวย์…
ไกแรงเกอร์ฟยอร์ดคือ เพชรเม็ดงามแห่งอาณาจักรนอร์เวย์ เนื่องจากได้รับการการันตีจากนักท่องเที่ยวที่เคยได้ไปสัมผัสฟยอร์ดจากหลายๆที่ เค้ายกให้ไกแรงเกอร์เป็นที่สุดของฟยอร์ดที่มีความงดงามมากกว่าฟยอร์ดอื่นๆ ในนอร์เวย์
ไกแรงเกอร์ ตั้งอยู่ในเมืองสตรานดา เมืองในเขตซุนโมเร่อ หนึ่งในส่วนปกครองของเทศมณฑล เมอเร อ็อก ร็อมสดาล1 ใน 19 เขตเทศมณฑลของประเทศนอร์เวย์ เป็นฟยอร์ดที่มีความยาวประมาณ 15 กิโลเมตร และยังเป็นหนึ่งในฟยอร์ดที่มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวชมมากเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ
การได้ล่องเรือในไกแรงเกอร์ถือว่าเป็นอีกสุดยอดกิจกรรมที่คุณจะได้ล่องลอยบนพื้นน้ำที่ 2 ข้างทางประดับประดาด้วยธรรมชาติสุดอลังการ ภูผาเขียวขจี มองเห็นร่องรอยการตั้งรกราก อารยธรรมของชาวไวกิ้งและชาวนายุคโบราณที่ถูกอนุรักษ์ไว้ ราวกับว่าได้ท่องอยู่ในดินแดนแห่งความฝัน…
อีกหนึ่งเอกลักษณ์ที่มีมนต์เสน่ห์และมีชื่อเสียงมากที่สุดของไกแรงเกอร์ฟยอร์ดก็คือ เซเว่น ซิสเตอร์ วอเทอร์ ฟอลล์” (Seven Sisters Waterfall) น้ำตกขนาดใหญ่ที่มีความสูงประมาณ 250 เมตร (820 ฟุต) และยังได้รับการยอมรับว่ามีความงดงามไม่แพ้น้ำตกใดในบนโลก
ความมหัศจรรย์ที่ธรรมชาติรังสรรค์นี้ถูกผสมผสานเข้ากันได้อย่างกลมกล่อม ทำให้เกิดเป็นฉากที่สมบูรณ์แบบอย่างไร้ที่ติ
ก็จบกันไปแล้วนะคะ กับ ไกแรงเกอร์ฟยอร์ดเพชรเม็ดงามแห่งดินแดนนอร์เวย์ เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับมนต์เสน่ห์ของไกแรงเกอร์ฟยอร์ด อลังการสมชื่อเพชรเม็ดงามแห่งนอร์เวย์เลยใช่ไหมหล่ะ ส่วนใครที่กำลังจะวางแผนจะไป เที่ยวนอร์เวย์ แต่ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนบ้าง ลองเข้ามาปรึกษาพวกเรา planetholidays สิคะ ให้เราเป็นส่วนหนึ่งในการเติมเต็มความทรงจำของคุณ ที่นี่เรามี ทัวร์ดีๆ มากมาย จัดหนักจัดเต็มทุกทริป รับรองไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ
planetholidays คำตอบของคนชอบเที่ยว ทัวร์ดี ราคาถูก โทรสอบถามข้อ มูลเพิ่มเติมได้ที่ Tel: 02-530-9899, 081-855-7999, 094-794-1666 Line เราก็มีนะ @planetholiday