ทัวร์เวียดนาม
/
หนีร้อนไปพึ่งเย็น ณ บานาฮิลล์ เมืองสรรค์บนขุนเขาสายหมอก
หนีร้อนไปพึ่งเย็น ณ บานาฮิลล์ เมืองสรรค์บนขุนเขาสายหมอก
เมืองไทยร้อนขนาดนี้!! เชื่อว่าหลายคนคงอยากจะหาที่พักผ่อนเย็นๆ คลายร้อน แต่ไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็คิดว่าคงไม่รอด ถ้าเป็นแบบนี้สงสัยเราต้องหนี่ออกต่างประเทศกันสักหน่อยแล้ว ถ้าใครยังคิดไม่ออกว่าจะหนีร้อนไปพึ่งเย็นที่ไหนดี Planetholidays ขอแนะนำที่นี่เลย บานาฮิลล์ เมืองสรรค์บนขุนเขาสายหมอกแห่งดานัง ประเทศเวียดนาม แลนด์มาร์กที่ใช้เวลาในการเดินทางไม่นาน งบประมาณก็ไม่เยอะ แถมอากาศดีตลอดทั้งปีด้วย คงไม่มีอะไรจะเหมาะไปกว่านี้อีกแล้ว เอาหล่ะค่ะ...เรามาดูกันดีกว่าว่าบานาฮิลล์จะเที่ยวขนาดไหน และมีอะไรเด็ดๆ ให้เราทำบ้าง ตามกันมาเล๊ย....
บานาฮิลล์(Ba Na Hills) ดานัง เมืองที่ได้รับอิทธิพลมาจากฝรั่งเศษ ทำให้สถาปัตยกรรมอาคารบ้านเรือน มีกลิ่นอายของยุโรปตะวันออก เมืองที่จัดว่าสวยที่สุดแห่งนึงในเอเซีย สถานที่ที่ตั้งอยู่ในหุบเขา สูงจากระดับน้ำทะเลมากถึงประมาณ 1,487 เมตร มีสายหมอกปกคลุมตลอดปี จัดว่าเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์ก ที่เหมาะแก่การมาพักตากอากาศมากที่สุดแห่งนึงของประเทศเวียดนาม
ไฮไลท์ของบานาฮิลล์นั้นเรียกได้ว่าเด็ดดวงทุกย่างก้าวเลยจริง ขนาดแค่เริ่มต้นคุณก็จะได้ฟินกับการ นั่งกระเช้าไฟฟ้าที่ยาวและสูงที่สุดในโลก มีความยาวมากถึง 5,801 เมตร และสูง 1,368 เมตร ทำให้คุณได้ดื่มด่ำกับวิวทิวทัศน์ธรรมชาติอันสวยงามแบบไม่มีหยุดพัก ปล่อยใจล่องลอยออกไป คิดแล้วก็ฟินไม่เบาเลย
พอถึงแล้วก้ไปเดินเกร๋ๆ ถ่ายรูปเท่ๆกันที่ สะพานโกลเด้น สะพานที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 1,400 เมตร ความยาว 150 เมตร ทางเดินแบ่งออกเป็น 8 ช่วง โค้งไปตามแนวเขา โดยไฮไลท์ของสะพานนี้ คือ อุ้งมือหินขนาดยักษ์ ที่แบกรับสะพานสีเหลืองทองนี้เอาไว้ ซึ่งแตกต่างจากสะพานอื่นทั่วไปที่เราเคยเห็น นอกจากนั้นบนสะพานยังปลูกดอก Lobelia Chrysanthemum สีม่วงสดใส ยาวตลอดทาง เหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจ สูดโอโซนอันสดชื่น และชมวิวทิวทัศน์อันสวยงามของเมืองดานังอันกว้างไกล ให้ความรู้สึกประหนึ่งยืนอยู่บนสวรรค์ ท้องฟ้าและปุยเมฆสีขาวล่องลอย
ถัดมาเรามาชมสถาปัตยกรรมกันบ้าง กับ หมู่บ้านฝรั่งเศส (Frence Village) หมู่บ้านสไตล์ฝรั่งเศสสมัยยุคกลางบนยอดเขา ประกอบด้วยร้านค้า ร้านอาหาร โรงแรม ที่พัก โบสถ์ ร้านขายของที่ระลึก เรียกได้ว่าเป็นฝรั่งเศสย่อม ๆ ครบจบในที่เดียว โดยที่พักที่อยู่ในหมู่บ้านฝรั่งเศสนี้มีชื่อว่า Mercure Banahills French Village ให้บริการห้องพักมากกว่า 160 ห้อง ซึ่งมีหลากหลายรูปแบบให้นักท่องเที่ยวได้เลือกสรรตามสไตล์ที่ชอบ แต่รับรองว่าสวยทุกห้องแน่นอน
เดินมาเหนื่อยแล้วเรามาพักจิบชากันที่ Tru Vu Tea Shop ร้านชาวิวดีมีคุณภาพจากเวียดนาม ตั้งอยู่บนยอดเขาสูงในเขตโรงแรม Mercure Banahills French Village ซึ่งสามรถมองเห็นวิวโดยรอบได้อย่างสวยงามอลังการ จิบชาอุ่นๆ นั่งมองท้องฟ้า ปุยเมฆ สายหมอก เรียกได้ว่าเป็นวิวหลักล้านเลยทีเดียว
ใครชอบความตื่นเต้นที่แห่งนี้ก็มีสวนสนุกดีๆ
ทัวร์อเมริกา
/
แอนเทอโลป แคนยอน หุบเขาพิศวงที่รังสรรค์โดยธรรมชาติ
แอนเทอโลป แคนยอน หุบเขาพิศวงที่รังสรรค์โดยธรรมชาติ
แอนเทอโลป แคนยอน หุบเขาหินทรายแห่งรัฐแอริโซนา ประเทศสหรัฐอเมริกา สถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตที่คุณจะได้เพลิดเพลินกับสีสันและลวดลายของชั้นหินที่ถูกสร้างสรรค์โดยธรรมชาติ จนเกิดเป็นความมหัศจรรย์แปลกตา คอยเย้ายวนนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้เดินทางมาสัมผัสความพิศวง ณ หุบเขาแห่งนี้…
แอนเทอโลปตั้งอยู่ในเขต อินเดียนแดง นาวาโฮ เมืองเพจ ในรัฐแอริโซนา ประเทศสหรัฐอเมริกา สถานที่แห่งนี้เกิดจากการที่มีน้ำไหลกัดเซาะหิน และเกิดการทับถมกันมาเป็นเวลานานนับล้านๆ ปี จนทำให้ผนังถ้ำเกิดริ้วลายคล้ายเกลียวคลื่นเว้าแหว่งตามซอกถ้ำ ทำให้เกิดช่องหินที่เป็นริ้วสวยงาม แปลกตา
แอนเทอโลปแคนยอนแบ่งเป็นสองส่วนคือ ส่วนอัพเพอร์แอนเทอโลปแคยอน (Upper Antelope Canyon) และโลเวอร์แอนเทอโลปแคนยอน (Lower Antelope Canyon) ซึ่ง 2 ส่วนนี้จะมีความแตกต่างกันตรงที่ ในช่วงทางเดินของ Lower จะแคบกว่า Upper และในส่วนของลวดลายบนชั้นหินทรายของที่ Lower จะเป็นเกลียวคลื่นที่สวยกว่า Upper
การเข้าไปเที่ยวในหุบเขาแห่งนี้นักท่องเที่ยวจะไม่สามารถเดินทางเข้าไปได้ด้วยตนเอง ต้องมีผู้เชี่ยวชาญในการนำทางเข้าไป เพราด้านในค่อนข้างซับซ้อนและอันตรายมาก เนื่องจากในอดีตเคยมีเหตุน้ำท่วมเฉียบพลัน ทางอุทยานเลยค่อนข้างเข้มงวดเป็นพิเศษ
ความพิเศษของการมาเที่ยว ณ ที่แห่งนี้ นอกจากการที่เราจะได้ชมความสวยงาม แปลกตาของชั้นหินที่เรียงรายอยู่ในหุบเขาแล้ว ในแต่ละฤดูกาลที่หุบเขาแห่งนี้ก็จะมีสีสีนที่แตกต่างกันออกไปอีกด้วย ซึ่งสีสันจะขึ้นอยู่กับการหักเหของแสงในแต่ละวัน เช่น ฤดูร้อน สีสันจะเป็นโทนสีแดง ส้ม และม่วง ฤดูใบไม้ร่วง จะเป็นโทนสีอ่อน เชื่อว่าตากล้องและนางแบบทั้งหลายที่ชอบถ่ายรูปคงจะประทับใจ โพสท่าเก๋ๆ จนเมื่อยกันเลยทีเดียว
ก็จบกันไปแล้วนะคะ กับ แอนเทอโลปแคนยอน หุบเขาพิศวงที่รังสรรค์โดยธรรมชาติ เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับมนต์เสน่ห์ของแอนเทอโลป เรียกได้ว่ามหัศจรรย์และมีความพิศวงชวนหลงไหลอยู่มากเลยใช่ไหมหล่ะ ส่วนใครที่กำลังจะวางแผนจะไป เที่ยวอเมริกา แต่ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนบ้าง ลองเข้ามาปรึกษาพวกเรา planetholidays สิคะ ให้เราเป็นส่วนหนึ่งในการเติมเต็มความทรงจำของคุณ ที่นี่เรามี ทัวร์ดีๆมากมาย จัดหนักจัดเต็มทุกทริป รับรองไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ
planetholidays คำตอบของคนชอบเที่ยว รู้ยัง! รูดบัตรไม่ชาร์จด้วยนะ ยินดีต้อนรับทุกธนาคารเลยจ้า ทัวร์ดี ราคาถูก โทรสอบถามข้อ มูลเพิ่มเติมได้ที่ Tel: 02-530-9899, 081-855-7999, 094-794-1666 Line เราก็มีนะ @planetholiday
ทัวร์ยุโรป
/
สัมผัสมนต์เสน่ห์เมืองชนบท เซอร์แมท สมบัติอันล้ำค่าแห่งสวิสเซอร์แลนด์
สัมผัสมนต์เสน่ห์เมืองชนบท เซอร์แมท สมบัติอันล้ำค่าแห่งสวิสเซอร์แลนด์
เซอร์แมท เมืองชนบทเล็กๆ ที่ถูกห้อมล้อมด้วยขุนเขาและธรรมชาติอันสมบูรณ์ แหล่งท่องเที่ยวสำคัญของประเทศสวิสเซอร์แลนด์ สถานที่ที่คุณจะได้เพลิดเพลินกับวิวทิวทัศน์หลักล้าน!! และดื่มด่ำกับบรรยากาศอันบริสุทธิ์ในรูปแบบเมืองปลอดมลพิษ เพราะยานพาหนะในเมืองไม่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง ใช้เพียงแบตเตอรี่เท่านั้น และยังมีฉากหลังของตัวเมืองเป็นยอดเขา แมททอร์ฮอร์น (Matterhorn) ที่ได้ชื่อว่าเป็นยอดเขาที่มีรูปทรงสวยที่สุดในสวิสเซอร์แลนด์อีกด้วย...
เซอร์แมทตั้งอยู่บนความสูงกว่า 1,620 เมตร บนเทือกเขาแอลป์ในรัฐวาเล ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ที่แห่งนี้มีประชากรน้อยมาก และอาชีพหลักของคนพื้นเมืองคือ พนักงานโรงแรม และร้านอาหาร ซึ่งรายได้หลักของเมืองนี้มาจากการท่องเที่ยวในช่วงฤดูร้อน และฤดูหนาว
เมืองเซอร์แมทได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองที่มีความปลอดภัยสูง และมีอากาศบริสุทธิ์มากที่สุดแห่งนึ่งของโลก นั้นก็เพราะว่า เมืองแห่งนี้ใช้ยานพาหนะที่ไม่ใช้น้ำมันเชื่อเพลิงเลยแม้แต่นิดเดียว เครื่องยนต์ส่วนใหญ่ทำงานโดยการใช้แบตเตอรี่ ซึ่งทำให้ที่แห่งนี้ยังคงเป็นเมืองที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวทั่วโลกที่ต้องการมาพักผ่อนตากอากาศอยู่เสมอ
ไฮไลท์หลักของการมาเที่ยวเมืองนี้จะเป็นการพักผ่อนชมธรรมชาติอันงดงามในฤดูกาลต่างๆ และทำกิจกรรมยอดฮิตนั้นก็คือ กีฬาปีนเขาอันน่าตื่นเต้น อีกทั้งที่แห่งนี้ยังเป็นที่ตั้งของสกีรีสอร์ทที่ใหญ่ที่สุดในสวิสเซอร์แลนด์มาตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 19 ซึ่งทุกๆ ปีมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวเซอร์แมท และเล่นสกีกันอย่างไม่ขาดสาย
ในวันที่อากาศเอื้ออำนวย จากเมืองด้านล่างนี้ถ้าสภาพอากาศดีและสดใด จะสามารถมองเห็นยอดเขาแมทเทอร์ฮอร์นได้ เรียกได้ว่าเป็นยอดเขาที่งดงามที่สุดในสวิสเซอร์แลนด์ และด้วยเอกลักษณเฉพาะตัวนี้ ทำให้แบนด์ช็อคโกแลตชื่อดังอย่าง ทับเบอร์โรน และผู้ผลิตภาพยนตร์รายใหญ่ พาราเม้าท์พิคเจอร์ส นำไปเป็นโลโก้ของบริษัทอีกด้วย
การเดินทางมายังเมืองเซอร์แมท จะสามารถมาได้วิธีเดียวเท่านั้น นั่นก็คือการนั่งรถไฟ Glacier Express รถไฟด่วนที่วิ่งช้าที่สุดในโลก ซึ่งนี้ก็เป็นอีกข้อดีอย่างหนึ่ง เพราะท่านจะได้ดื่มด่ำกับธรรมชาติอันงดงามในระหว่างไปเมืองเซอร์แมทกันแบบสโลว์ไลฟ์กันเลยทีเดียว
ก็จบกันไปแล้วนะคะ กับ สัมผัสมนต์เสน่ห์เมืองชนบทเซอร์แมท สมบัติอันล้ำค่าแห่งสวิสเซอร์แลนด์ เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับมนต์เสน่ห์ของเซอร์แมท เป็นชนบทที่น่าอยู่มากเลยใช่ไหมหล่ะ ส่วนใครที่กำลังจะวางแผนจะไป เที่ยวสวิสเซอร์แลนด์ แต่ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนบ้าง ลองเข้ามาปรึกษาพวกเรา planetholidays สิคะ ให้เราเป็นส่วนหนึ่งในการเติมเต็มความทรงจำของคุณ ที่นี่เรามี ทัวร์ดีๆ มากมาย จัดหนักจัดเต็มทุกทริป รับรองไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ
planetholidays คำตอบของคนชอบเที่ยว รู้ยัง! รูดบัตรไม่ชาร์จด้วยนะ ยินดีต้อนรับทุกธนาคารเลยจ้า ทัวร์ดี ราคาถูก โทรสอบถามข้อ มูลเพิ่มเติมได้ที่ Tel: 02-530-9899, 081-855-7999, 094-794-1666 Line เราก็มีนะ @planetholiday
ทัวร์ยุโรป
/
มหาวิหารนอเทรอดาม (Notre Dame Cathedral) ขุมทรัพย์ล้ำค่าแห่งนครปารีส
มหาวิหารนอเทรอดาม (Notre Dame Cathedral) ขุมทรัพย์ล้ำค่าแห่งนครปารีส
มหาวิหารนอเทรอดาม มหาวิหารเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองแห่งกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์โกธิคที่สวยงามทั้งภายนอกและภายใน มีผลงานแกะสลักอันงดงามวิจิตรเกี่ยวกับศาสนา วัฒนธรรม ที่ไม่สามารถประเมินค่าได้ อีกทั้งยังเป็นแลนด์มาร์กสำคัญแห่งมหานครปารีส ที่คอยเย้ายวนนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกให้มาเยือนที่แห่งนี้...
ปัจจุบันที่มหาวิหารแห่งนี้รอการบูรณะเนื่องจากเกิดเหตุเพลิงไหม้ เมื่อวันที่ 15 เมษายน 62 ที่ผ่านมา วันนี้เรามาทำความรู้จักกับมหาวิหารแห่งนี้ และภาพความงดงามก่อนที่จะเกิดเพลิงไหม้กันค่ะ
มหาวิหารแห่งนี้มีระยะเวลาการสร้างหลายยุคหลายสมัย เริ่มตั้งแต่ปีตั้งแต่ ค.ศ. 1163 จนสร้างแล้วเสร็จเมื่อ ค.ศ. 1345 และได้มีการบูรณะมาเรื่อยๆ เนื่องจากมีเหตุการณ์ทางการเมืองของฝรั่งเศส การซ่อมแซมเปลี่ยนวัสดุที่สึกหรอ และด้านอื่นๆ เพื่อคงไว้ซึ่งความงดงามจนมาถึงปัจจุบัน
ในอดีตยังเป็นสถานแห่งนี้เคยเป็นที่ประกอบพิธีอภิเษกสมรสระหว่างพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 กับพระนางมารี อังตัวแนตต์ และปัจจุบันยังใช้เป็นสถานที่ประกอบศาสนพีธีที่สำคัญของศาสนาคริสต์ อีกทั้งยังเป็นจุดกิโลเมตรที่ศูนย์ของประเทศฝรั่งเศสอีกด้วย
ศาสนสถานแห่งนี้ถือได้ว่าเป็นมหาวิหารแห่งแรกๆ ที่สร้างในสไตล์สถาปัตยกรรมโกธิค โดดเด่นด้วยหอคอยคู่หน้าทรงเหลี่ยมและยอดปลายแหลมบนหลังคาวิหาร ตัวอาคารมีความสูงถึงยอดวัดได้ 69 เมตร และสูงจากระดับพื้นดินถึง 96 เมตรเลยทีเดียว
นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะนิยมใช้เวลาชมความงดงามกันมากที่สุดคือ ด้านทิศตะวันตก ซึ่งด้านนี้นอกจากความสวยงามแล้วยังมีทั้งความเก่าแก่ของสถาปัตยกรรม และรายละเอียดประติมากรรมรวมทั้งวัสดุตกแต่งที่ปราณีต วิจิตงดงาม
อีกทั้งบริเวณมุมนี้จะมีทัวร์ทางเรือของเมืองแล่นผ่านจุดนี้เป็นประจำ ส่วนด้านอื่นๆก็จะมีรายละเอียดต่างๆซ่อนอยู่ จากการออกแบบและผลงานแกะสลักที่เต็มไปด้วยรายละเอียดมากมาย รวมทั้งการขอพรจากรูปปั้นพระแม่มาเรียอีกด้วย
ภายในวิหารประดับประดาด้วยงานศิลปะมากมาย มีรูปปั้นและภาพจิตรกรรมที่สวยงามเกี่ยวกับพระแม่มารี มีหน้าต่างกลมทั้งหมด 3 บาน ที่สร้างขึ้นมาในสมัยศตวรรษที่ 13 ซึ่งเป็นหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญของมหาวิหาร
นอกจากนี้นอเทรอดามยังเป็นสถานที่เก็บรักษาศาสนวัตถุโบราณที่เกี่ยวเนื่องกับพระมหาทรมานของพระเยซูเจ้า ซึ่งได้รับการถ่ายทอดออกมาเป็นชิ้นงานรูปไม้กางเขน ตะปู และมงกุฎหนาม อย่างไรก็ตาม จากนี้ไปเราคงไม่ได้เข้าไปสัมผัสความยิ่งใหญ่ของมหาวิหารนี้ไปอีกสักพัก ยังไงก็ขอเอาใจช่วยชาวฝรั่งเศสและทีมงานทุกท่าน ขอให้บูรณะแล้วกลับมางดงามเช่นเคย พวกเราคนไทยจะได้มีโอกาสไปเยี่ยมเยือน ชมความงดงามของมหาวิหารนี้อีกค่ะ
ก็จบกันไปแล้วนะคะ กับ มหาวิหารนอเทรอดามขุมทรัพย์ล้ำค่าแห่งนครปารีส เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับมนต์เสน่ห์ของมหาวิหารนอเทรอดาม งดงาม ต้องมนต์สฃสะกดมากเลยใช่ไหมหล่ะ ส่วนใครที่กำลังจะวางแผนจะไป เที่ยวฝรั่งเศส แต่ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนบ้าง ลองเข้ามาปรึกษาพวกเรา planetholidays สิคะ ให้เราเป็นส่วนหนึ่งในการเติมเต็มความทรงจำของคุณ ที่นี่เรามี ทัวร์ดีๆ มากมาย จัดหนักจัดเต็มทุกทริป รับรองไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ
planetholidays คำตอบของคนชอบเที่ยว รู้ยัง! รูดบัตรไม่ชาร์จด้วยนะ ยินดีต้อนรับทุกธนาคารเลยจ้า ทัวร์ดี ราคาถูก โทรสอบถามข้อ มูลเพิ่มเติมได้ที่ Tel: 02-530-9899, 081-855-7999, 094-794-1666 Line เราก็มีนะ @planetholiday
ทัวร์ยุโรป
/
อุทยานแห่งชาติทะเลสาบ พลิทวิเซ่ ขุมทรัพย์ธรรมชาติแห่งโครเอเชีย
อุทยานแห่งชาติทะเลสาบ พลิทวิเซ่ ขุมทรัพย์ธรรมชาติแห่งโครเอเชีย
นอกจากกีฬาฟุตบอล และสถาปัตยกรรมอันงดงามของโครเอเชียแล้ว “ธรรมชาติ” ของประเทศแห่งนี้ ก็ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกตกหลุมรักดินแดนแห่งนี้ วันนี้ Planetholidays จะพาทุกคนไปสัมผัสกับบรรยากาศอันงดงามและบริสุทธิ์ ณ อุทยานแห่งชาติทะเลสาบ พลิทวิเซ่ แลนด์มาร์กทองคำที่สายธรรมชาติไม่ควรพลาด ถ้าพร้อมแล้ว...เรามาลุยไปพร้อมๆกันเล๊ยยย
อุทยานแห่งชาติทะเลสาบพลิทวิเซ่ ตั้งอยู่ตั้งอยู่ท่ามกลางเทือกเขาสำคัญ 3 แห่งได้แก่ Pljesevica, Mala Kapela และ Medvedak ณ เมืองลิก้า ประเทศโครเอเชีย มีพื้นที่ประมาณ 300 ตารางกิโลเมตร ท่ามกลางทะเลสาบ 16 แห่ง และรายล้อมด้วยป่าไม้นานาพันธ์ู ทะเลสาบแห่งนี้เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าหายากหลากหลายสายพันธุ์จนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติในปี 1979 จากองค์การยูเนสโก
ที่แห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในอุทยานทะเลสาบที่สวยที่สุดในโลก ลักษณะของทะเลสาบจะเป็นธารน้ำไหลบนหินปูนและมีน้ำตกอยู่ถึง 16 ชั้น หนึ่งในนั้นคือ น้ำตกเวลิกิ สแล็พ (Veliki Slap) น้ำตกขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านด้วยความสูงกว่า 70 เมตร
ในทุกๆปี สีของน้ำในทะเลสาบจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามอุณหภูมิและฤดูกาล มีตั้งแต่สีเขียวมรกต สีคราม สีฟ้า สีเทา ซึ่งจะสวยงามแตกต่างกันออกไปตามเอกลักษณ์เฉพาะ รวมทั้งเรายังจะได้ชมสีสันต่างๆ ของใบไม้ตามฤดูกาลที่เปลี่ยนไปอีกด้วย มันสุดยอดจริงๆ
ด้วยความสมบูรณ์แบบทางธรรมชาติทำให้ที่แห่งนี้มีสัตว์เจ้าถิ่นอาศัยอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็น คุณกวาง น้องหมาจิ้งจอก ปลา นก เป็ดน้อย และพี่ใหญ่ของเรา หมีสีน้ำตาล ออกมาสร้างสีสันให้การเที่ยวอุทยานทะเลสาบแห่งนี้สนุกขึ้นไปอีก
ไฮไลท์หลักของการมาเที่ยวแห่งนี้จะเป็นการเดินชมธรรมชาติไปตามทางเดินเท้าที่จัดไว้อย่างเป็นสัดส่วน ลัดเลาะไปตามทะเลสาบ และน้ำตก ตื่นตาตื่นใจไปกับความบริสุทธิ์ สุขสดชื่น หรือจะออกไปล่องเรือชมความสวยงามของท้องน้ำสีครามในอุทยานแห่งชาติทะเลสาบ ตลอดจนไม้ป่าจำพวกสน ก็เป็นอะไรที่เพลิดเพลินมากเลยทีเดียว
ก็จบกันไปแล้วนะคะ กับ อุทยานแห่งชาติทะเลสาบพลิทวิเซ่ ขุมทรัพย์ธรรมชาติแห่งโครเอเชีย เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับมนต์เสน่ห์ของพลิทวิเซ่ งดงาม สมบูรณ์แบบมากเลยใช่ไหมหล่ะ ส่วนใครที่กำลังจะวางแผนจะไป เที่ยวโครเอเชีย แต่ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนบ้าง ลองเข้ามาปรึกษาพวกเรา planetholidays สิคะ ให้เราเป็นส่วนหนึ่งในการเติมเต็มความทรงจำของคุณ ที่นี่เรามี ทัวร์ดีๆ มากมาย จัดหนักจัดเต็มทุกทริป รับรองไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ
planetholidays คำตอบของคนชอบเที่ยว รู้ยัง! รูดบัตรไม่ชาร์จด้วยนะ ยินดีต้อนรับทุกธนาคารเลยจ้า ทัวร์ดี ราคาถูก โทรสอบถามข้อ มูลเพิ่มเติมได้ที่ Tel: 02-530-9899, 081-855-7999, 094-794-1666 Line เราก็มีนะ @planetholiday
ทวีปอเมริกา
/
เปิดประตูสู่ดินแดนโบราณ มาชู ปิกชู นครที่หายสาบสูญแห่งอินคา
เปิดประตูสู่ดินแดนโบราณ มาชู ปิกชู นครที่หายสาบสูญแห่งอินคา
มาชู ปิกชู หรือที่รู้จักกันในอีกชื่อนึงคือ เมืองสาบสูญแห่งอินคา เป็นซากอารยธรรมโบราณของชาวอินคา ตั้งอยู่บนเทือกเขาสูงประเทศ เปรู ปัจจุบันเป็นแหล่งท่องเที่ยวอันเลืองชื่อ ที่ผู้คนทั่วโลกให้ความสนใจ และยังได้ถูกรับเลือกเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่อีกด้วย…
มาชูปิกชูตั้งอยู่ห่างจากเมืองกุสโกตกเฉียงเหนือประมาณ 70 กิโลเมตร บนยอดภูเขาสูงอยู่ในแนวเทือกเขาแอนตีสซึ่งมีความสูงถึง 2100 เมตร จากระดับน้ำทะเล สถานที่แห่งนี้นับเป็นศูนย์กลางที่มีความสำคัญยิ่งทางโบราณคดีของอเมริกาใต้
มาชูปิกชูคาดว่าสร้างขึ้นราวๆปี ค.ศ. 1450 โดยจักรพรรดิปาชากูตีของชาวอินคา เมืองแห่งนี้ถูกปล่อยล้างไว้นานนับร้อยปี เพราะชาวสเปนได้เข้ามาล่าอาณานิคม และฆ่าชาวเปรูและชาวอินคา เมืองอินคาเลยถูกปล่อยร้างไว้
นักสำรวจคาดการณ์ว่าเมืองแห่งนี้เคยหายสาบสูญไปในช่วงศตวรรษที่ 16 ซึ่งเป็นช่วงที่สเปนเข้ายึดครองเป็นเมืองขึ้น และเพิ่งมีการค้นพบใหม่อีกครั้งในปี ค.ศ.1911 ในอดีตเมืองแห่งนี้เป็นที่อยู่อาศัยของชาวอินคามีทั้งพื้นที่การทำเกษตรและศูนย์กลางทางศาสนพิธี
ถึงแม้ว่าในปัจจุบันที่แห่งนี้จะเหลือแค่ซากปรักหักพัง แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความนิยมในการมาท่องเที่ยวเมืองโบราณแห่งนี้ลดน้อยลงเลย แถมยังเพิ่มมากขึ้นทุกๆ ปีด้วยซ้ำ ซึ่งถ้าใครได้มาก็ยังสามารถสัมผัสได้ถึงความรุ่งเรื่องและมนต์ขลังอันทรงเสน่ห์ แถมวิวทิวทัศน์ที่นี่ก็งดงามากอีกด้วยนะ
ก็จบกันไปแล้วนะคะ กับ เปิดประตูสู่ดินแดนโบราณ มาชู ปิกชู นครที่หายสาบสูญแห่งอินคา เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับความงดงามของมาชู ปิกชู เป็นสถานที่ที่มีมนต์เสน่ห์มากเลยใช่ไหมหล่ะ ส่วนใครที่กำลังจะวางแผนมา เที่ยวอเมริกา แต่ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนบ้าง ลองเข้ามาปรึกษาพวกเรา planetholidays สิคะ ให้เราเป็นส่วนหนึ่งในการเติมเต็มความทรงจำของคุณ ที่นี่เรามี ทัวร์ดีๆ มากมาย จัดหนักจัดเต็มทุกทริป รับรองไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ
planetholidays คำตอบของคนชอบเที่ยว รู้ยัง! รูดบัตรไม่ชาร์จด้วยนะ ยินดีต้อนรับทุกธนาคารเลยจ้า ทัวร์ดี ราคาถูก โทรสอบถามข้อ มูลเพิ่มเติมได้ที่ Tel: 02-530-9899, 081-855-7999, 094-794-1666 Line เราก็มีนะ @planetholiday
ทัวร์รัสเซีย
/
พิพิธภัณฑ์เฮอร์มิเทจ และ พระราชวังฤดูหนาว ความยิ่งใหญ่แห่งเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก
พิพิธภัณฑ์เฮอร์มิเทจ และ พระราชวังฤดูหนาว ความยิ่งใหญ่แห่งเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก
พิพิธภัณฑ์เฮอร์มิเทจ หรือ พระราชวังฤดูหนาว สุดยอดพระราชวังแห่งเมืองเซนต์ปีเตอร์เบิร์ก แหล่งรวมเรื่องราวสำคัญทางประวัติศาสตร์ทั้งของประเทศรัสเซีย และประเทศไทย ซึ่งสถานที่แห่งนี้เคยใช้เป็นที่รับรองการเสด็จเยือนประเทศรัสเซียของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ใน การเจริญสัมพันธไมตรีอีกด้วย
พิพิธภัณฑ์เฮอร์มิเทจหรือพระราชวังฤดูหนาว อดีตเคยเป็นพระราชวังหลวงของราชวงศ์โรมานอฟ ระหว่างปี ค.ศ.1732 -1917 ตั้งอยู่ ระหว่างท่าวัง กับ จัตุรัสพระราชวัง ภายนอกของพระราชวังใช้โทนสีเขียว และ ขาว ด้วยสถาปัตยกรรมบารอคซึ่งมีความยิ่งใหญ่ หรูหรา อลังการมาก มีลานกว้าง และเสาอเล็กซานเดอร์ ที่สร้างถวายพระเกียรติแด่กษัตริย์อเล็กซานเดอร์ที่ 1 ที่พระองค์ทรงชนะ สงครามเหนือนโปเลียนของฝรั่งเศส กล่าวได้ว่า พิพิธภัณฑ์นี้ยิ่งใหญ่เทียบเคียงกับพิพิธภัณฑ์ลูฟร์ของฝรั่งเศสเลยทีเดียว
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ภายหลังได้ตกเป็นของรัฐบาลโซเวียต โดยทางรัฐบาลได้นำภาพเขียนและสมบัติล้ำค่าส่วนพระองค์จากพระราชวังอื่น ๆ เช่น พระราชวังแคทเธอรีน พระราชวังอเล็กซานดริสกี้ พระราชวังสโตรกานอฟสกี้ และพระราชวังยูซูปอฟสกี้ มารวบรวมเอาไว้ที่พิพิธภัณฑ์เฮอร์มิเทจแห่งนี้
ซึ่งแต่เดิม พระราชินีแคทเธอรีนได้เก็บรวบรวมภาพเขียนชื่อดังไว้มากมายจากทั่วทุกมุมโลก และซื้อภาพเขียนชื่อดังจากยุโรปกว่า 200 ชิ้น จนต้องสร้างห้องสำหรับเก็บภาพและสมบัติล้ำค่าขึ้นมา โดยมีน้อยคนนักที่จะได้เห็น แต่ต่อมา ได้มีการจัดหมวดหมู่ของสะสมทั้งหมด
ปัจจุบันบางส่วนของพระราชวังฤดูหนาวได้เปิดให้ประชาชนเข้าชมในฐานะ พิพิธภัณฑ์เฮอร์มิเทจ (TheState Hermitage Museum) เป็นสถานที่เก็บรวบรวมงานศิลปะล้ำค่าของโลกกว่า 8 ล้านชิ้น ซึ่งต้องใช้เวลามากกว่า 5 ปี ในการเที่ยวชมกว่าจะครบทุกส่วนทุกมุม และยังได้รับการบันทึกลงใน กินเนสส์บุค ว่าเป็นหอศิลป์ที่มีงานสะสมมากชิ้นที่สุดในโลก มีงานแสดงตั้งแต่ยุคอียิปต์โบราณจนถึงต้นศตวรรษที่ 20 รวมทั้งภาพเขียนของจิตรกรเอกระดับโลก อย่างเช่น ลิโอนาโด ดาวินซี่,ปิกัสโซ่,แรมบรันด์,แวนโก๊ะ เป็นต้น จัดเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดของโลกแห่งหนึ่ง
ก็จบกันไปแล้วนะคะ กับ พิพิธภัณฑ์เฮอร์มิเทจ และพระราชวังฤดูหนาว ความยิ่งใหญ่แห่งเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับมนต์เสน่ห์ของพระราชวังฤดูหนาว ยิ่งใหญ่สมคำล่ำลือเลยใช่ไหมหล่ะ ส่วนใครที่กำลังจะวางแผนจะไป เที่ยวรัสเซีย แต่ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนบ้าง ลองเข้ามาปรึกษาพวกเรา planetholidays สิคะ ให้เราเป็นส่วนหนึ่งในการเติมเต็มความทรงจำของคุณ ที่นี่เรามี ทัวร์ดีๆ มากมาย จัดหนักจัดเต็มทุกทริป รับรองไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ
planetholidays คำตอบของคนชอบเที่ยว รู้ยัง! รูดบัตรไม่ชาร์จด้วยนะ ยินดีต้อนรับทุกธนาคารเลยจ้า ทัวร์ดี ราคาถูก โทรสอบถามข้อ มูลเพิ่มเติมได้ที่ Tel: 02-530-9899, 081-855-7999, 094-794-1666 Line เราก็มีนะ @planetholiday
ทัวร์ยุโรป
/
ปราสาทมอลบอร์ก (Malbork Castle) วิหารอัศวินแห่งประเทศโปแลนด์
ปราสาทมอลบอร์ก (Malbork Castle) วิหารอัศวินแห่งประเทศโปแลนด์
ปราสาทมอลบอร์ก ป้อมยุคกลางที่ยิ่งใหญ่และมีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรป สร้างในศตวรรษที่ 13 แต่เดิมเป็นวิหารของนักรบศาสนาคริสต์ นิกายทอยโทนิค (Teutonic Order)
ปราสาทมอลบอร์กตั้งอยู่ทางทิศเหนือของประเทศโปแลนด์ อาคารเพียง 2 ปีก คือปีกทิศเหนือกับทิศตะวันตก สร้างขึ้นในแบบสถาปัตยกรรมยุคกอธิค ซึ่งมีความยิ่งใหญ่และงดงามไม่แพ้ปราสาทอื่นๆ ในฝั่งยุโรปด้วย แถมยังได้รับการขนานนามว่าเป็นปราสาทก่อสร้างจากอิฐที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ประวัติความเป็นมาในอดีต หลังปี ค.ศ. 1309 นิกายทอยโทนิคได้เริ่มเสื่อมลง หลายป้อมทางด้านตะวันออกถูกโจมตีและแตก ทำให้ผู้นำนิกายดังกล่าวได้ตัดสินใจครั้งสำคัญ ที่จะย้ายที่พักชั่วคราวจากเวนิชไปยังบริเวณแคว้นรัสเซียซึ่งลัทธิดังกล่าวยังมีอิทธิพลสูงอยู่
ดังนั้นมอลบอร์กจึงได้รับการคัดเลือกให้เป็นเมืองหลวงของลัทธิดังกล่าว เนื่องจากที่ตั้งอยู่ใจกลางเขตอิทธิพลซึ่งถือว่าเป็นจุดที่มีความปลอดภัยสูง ตัววิหารได้ถูกต่อเติมให้เป็นปราสาทในช่วง 20 ปีต่อมา รวมพื้นที่ทั้งสิ้น 20 เฮคตาร์ (12,5000ไร่)
ตัวปราสาทถูกแบ่งออกเป็น 3 พื้นที่ ปราสาทบน ปราสาทกลาง และปราสาทล่าง ซึ่งทั้งสามปราสาทแยกกันโดยอิสระ มีระบบป้องกันตนเองอย่างสมบูรณ์มีระบบน้ำอิสระแยกขาดออกจากกัน มีที่เก็บอาหารแยกจากกัน สามารถป้องกันตนเองได้นานหลายปีหากถูกปิดล้อม
แต่เนื่องจากนิกายดังกล่าวได้พ่ายแพ้อย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะในปี ค.ศ. 1410 ที่กรุนวาลด์ ทำให้มีการเซ็นสัญญาสงบศึกเวลาต่อมาและถูกบังคับให้ออกจากมาลบอร์กในปี ค.ศ. 1466 ตัวปราสาทถูกทอดทิ้งแต่บัดนั้นมา ขากนั้นตัวปราสาทก็ค่อยๆ ทรุดโทรมลงไปตามกาลเวลา
ต่อมาได้รับการบูรณะในศตวรรษที่ 19 - 20 แต่ก็กลับมาเสียหายอีกครั้งจากสงครามโลกครั้งที่ 2 และได้รับการบูรณะมาเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบัน แถมยังได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก จากองค์กรยูเนสโกเมื่อปี ค.ศ. 1997 อีกด้วย
ด้วยความงดงามของตัวปราสาทและสีส้มอิฐ ทำให้ที่แห่งนี้เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กยอดฮิตที่นักท่องเที่ยวจากนานาประเทศต่างแวะมาเช็คอินชมความงดงามกันอย่างไม่ขาดสาย วิหารของนับรบศาสนาคริสต์ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 สิ่งก่อสร้างแสนอลังการที่ออกแบบมาเพื่อรองรับต่อการสู้รบในช่วงสงครามยุคกลาง ความสุดยอดขนาดนี้ เราว่าคุณควรมาเห็นให้ได้ด้วยตาตัวเองนะ…
ก็จบกันไปแล้วนะคะ กับ ปราสาทมอลบอร์กวิหารอัศวินแห่งประเทศโปแลนด์ เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับมนต์เสน่ห์ของปราสาทมอลบอร์ก งดงาม อลังการมากเลยใช่ไหมหล่ะ ส่วนใครที่กำลังจะวางแผนจะไป เที่ยวโปแลนด์ แต่ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนบ้าง ลองเข้ามาปรึกษาพวกเรา planetholidays สิคะ ให้เราเป็นส่วนหนึ่งในการเติมเต็มความทรงจำของคุณ ที่นี่เรามี ทัวร์ดีๆ มากมาย จัดหนักจัดเต็มทุกทริป รับรองไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ
planetholidays คำตอบของคนชอบเที่ยว รู้ยัง! รูดบัตรไม่ชาร์จด้วยนะ ยินดีต้อนรับทุกธนาคารเลยจ้า ทัวร์ดี ราคาถูก โทรสอบถามข้อ มูลเพิ่มเติมได้ที่ Tel: 02-530-9899, 081-855-7999, 094-794-1666 Line เราก็มีนะ @planetholiday
ทัวร์ยุโรป
/
กรินเดอวาล ความงดงามที่อยู่คู่ยอดเขาจุงเฟรา สวิสเซอร์แลนด์
กรินเดอวาล ความงดงามที่อยู่คู่ยอดเขาจุงเฟรา สวิสเซอร์แลนด์
กรินเดอวาล (Grindelwald) เมืองที่มีชื่อเสียงของของประเทศ สวิสเซอร์แลนด์ ตั้งอยู่บนเทือกเขากรุงเบิร์น-แอลป์ (Bernese - Alps) อยู่เหนือระดับน้ำทะเล 1,034 เมตร เมืองพักผ่อนตากอากาศที่ห้อมล้อมด้วยธรรมชาติ และขุนเขาอันแสนงดงาม อีกทั้งยังเป็นเมืองกีฬายอดฮิตในฤดูหนาวที่ผู้คนทั่วโลกต่างหลั่งไหลเข้ามาพักผ่อนตากอากาศมากที่สุด…
ในช่วงฤดูหนาว เมืองแห่งจะค่อนข้างคึกคัก และเต็มไปด้วยผู้คนที่เดินทางมาพักผ่อนจากทั่วสารทิศ เนื่องจากกรินเดลวาลนั้นเป็นเมืองแห่งรีสอร์ทกีฬาฤดูหนาวที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของสวิตเซอร์แลนด์ และมียังหมู่บ้านที่ใหญ่ที่สุดในยอด เขาจุงเฟรา (Jungfrau) อีกด้วย
ความน่ารักของเมืองนี้นับว่าเป็นเสน่ห์อย่างนึงที่จะช่วยให้วันพักผ่อนของคุณเต็มไปด้วยความทรงจำดีๆ การตื่นเช้าขึ้นมาสูดอากาศอันบริสุทธิ์ ชมธรรมชาติอันแสนงดงาม เดินเล่นให้ขุนเขาโอบกอดเราไว้ คงจะไม่มีอะไรโรแมนติกไปกว่าที่แห่งนี้อีกแล้ว
นอกจากการชมเมืองน่าๆรักที่ขาวโพลนไปด้วยหิมะแล้ว ที่แห่งนี้คุณยังจะได้เพลิดเพลินกับกิจกรรมยอดฮิตอย่าง การเล่นกีฬาสโนว์บอร์ด หรือจะเลือกเล่นสกีรอบๆ กรินเดลวาลด์ก็เป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมไม่แพ้กันเลย
นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมสนุกๆให้เราทำอีกมากมาย อาทิ เช่น การเดินป่าในฤดูหนาว เพลิดเพลินกับธรรมชาติอันงดงามของไปตามเส้นทาง 15 กิโลเมตร ซึ่งคุณจะได้ตื่นตาตื่นใจกับวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของภูเขาไอเกอร์-มองซ์ Eiger- Monch และยอดเขาจุงเฟราอันแสนงดงาม
ก็จบกันไปแล้วนะคะ กับ กรินเดอวาล ความงดงามที่อยู่คู่ยอดเขาจุงเฟรา เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับ มนต์เสน่ห์ของกรินเดอวาล งดงาม น่าอยู่มากเลยใช่ไหมหล่ะ ส่วนใครที่กำลังจะวางแผนจะไป เที่ยวสวิสเซอร์แลนด์ แต่ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน ลองเข้ามาปรึกษาพวกเรา planetholidays สิคะ ให้เราเป็นส่วนหนึ่งในการเติมเต็มความทรงจำของคุณ ที่นี่เรามี ทัวร์ดีๆ มากมาย จัดหนักจัดเต็มทุกทริป รับรองไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ
planetholidays คำตอบของคนชอบเที่ยว รู้ยัง! รูดบัตรไม่ชาร์จด้วยนะ ยินดีต้อนรับทุกธนาคารเลยจ้า ทัวร์ดี ราคาถูกโทรสอบถามข้อ มูลเพิ่มเติมได้ที่ Tel: 02-530-9899, 081-855-7999, 094-794-1666 Line เราก็มีนะ @planetholiday
ทัวร์ยุโรป
/
ซานโตรินี เกาะสุดโรแมนติกที่ผู้คนทั่วโลกตกหลุมหลงรัก
ซานโตรินี เกาะสุดโรแมนติกที่ผู้คนทั่วโลกตกหลุมหลงรัก
ซานโตรินี เกาะที่มีชื่อเสียงโด่งดังอันดับ 1 ในหมู่เกาะคิคลาดีส (Cyclades) สถานที่ท่องเที่ยวที่มีความสวยงามและโรแมนติกเป็นอันดับต้นๆของโลก เกาะสวรรค์ที่คุณจะต้องตกหลุมรักในความงดงามของธรรมชาติ สถาปัตยกรรมอันเป็นเอกลักษณ์ โดดเด่น ไม่มีใครเหมือน นอกจากนี้ยังมีหลายที่น่าเที่ยวน่าสนใจบนเกาะให้คุณได้เลือกเพลิดเพลินกันอย่างสนุกสนาน นับว่าเป็นอีกหนึ่งสถานที่ชั้นดี ที่ควรค่าแก่การมาพักผ่อนสักครั้งนึงในชีวิต…
ซานโตรินีหรือที่เรียกกันในอีกชื่อว่า Thira เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในทะเลอีเจียน ประเทศกรีซ ในอดีตเมืองแห่งนี้เคยเป็นภูเขาไฟทีเกิดการระเบิดหลายครั้ง ทำให้กลายเป็นแอ่งหลุมปล่องภูเขาไฟขนาดใหญ่ มีลักษณะเกาะเหมือนรูปพระจันทร์เสี้ยว และกลายมาเป็นซานโตรินีในปัจจุบัน
สถาปัตยกรรม อาคารบ้านเรือนของที่นี่ส่วนใหญ่จะออกแบบเป็น สีน้ำเงิน-ขาว ยอดโบสถ์ทรงโดมรายล้อมรอบด้วยสีฟ้าสด ตัดกับวิวทิวทัศน์ ทะเลสีฟ้าคราม งดงามและเป็นเอกลักษณ์มาก
อากาศของที่นี่ค่อนข้างอบอุ่นทั้งปี เนื่องจากตั้งอยู่ในเขตทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ซึ่งเหมาะแก่การมาท่องเที่ยวตลอดทั้งปี
ซานโตรินีมีเมืองหลวงชื่อ ฟีร่า เมืองหลวงที่ใหญ่ที่สุดบนเกาะ และยังเป็นเมืองศูนย์กลางที่มีร้านค้ามากมาย เช่น ร้านอาหาร ที่พัก บาร์ ไนต์คลับ ร้านของฝาก
นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เลือกพักที่นี่เพราะเดินทางสะดวก มีศูนย์กลางท่ารถสำหรับไปยังสถานที่อื่น ๆ บนเกาะ ส่วนกิจกรรมของเมืองนี้คือการเดินช็อปปิ้ง ชมจัตุรัส Plateria Theotokopoulou และทานอาหารซีฟู้ดสดใหม่ พร้อมชมวิวเรือสำราญในทะเลอีเจียน
อีกหนึ่งเมืองที่นักท่องเที่ยวให้ความนิยมไม่แพ้ที่อื่นๆนั่นก็คือ เมืองเอีย หมู่บ้านโบราณที่มีสถาปัตยกรรมแบบคาสโทร เน้นความเรียบแต่เสริมลูกเล่นด้วยหลังคาทรงโค้ง ตัวอาคารสีสดใส ตัวบ้านไล่ระดับลดหลั่นตามไหล่เขา หมู่บ้านนี้มีระยะทางห่างฟีร่าประมาณ 11 กม.สามารถลัดเลาะตามไหล่เขามาได้กิจกรรมฮอตฮิตของนักทอ่งเที่ยวที่มายังเกาะแห่งนี้ก็คือ การรอชมพระอาทิตย์ตกตอนเย็น ที่หมู่บ้านแห่งนี้นั่นเอง
สถานที่น่าสนใจอื่นๆ : โบราณสถานเก่าแก่ Ancient Thira, Akrotiri, ชายหาด Red Beach, White Beach และ Black Beach, เกาะภูเขาไฟ Nea Kameni
ก็จบกันไปแล้วนะคะ กับ ซานโตรินีเกาะสุดโรแมนติกที่ผู้คนทั่วโลกตกหลุมหลงรัก เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับมนต์เสน่ห์ของซานโตรินี หรูหรา โรแมนติกเลยใช่ไหมหล่ะ ส่วนใครที่กำลังจะวางแผนจะไป เที่ยวกรีก แต่ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนบ้าง ลองเข้ามาปรึกษาพวกเรา planetholidays สิคะ ให้เราเป็นส่วนหนึ่งในการเติมเต็มความทรงจำของคุณ ที่นี่เรามี ทัวร์ดีๆ มากมาย จัดหนักจัดเต็มทุกทริป รับรองไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ
planetholidays คำตอบของคนชอบเที่ยว รู้ยัง! รูดบัตรไม่ชาร์จด้วยนะ ยินดีต้อนรับทุกธนาคารเลยจ้า ทัวร์ดี ราคาถูก โทรสอบถามข้อ มูลเพิ่มเติมได้ที่ Tel: 02-530-9899, 081-855-7999, 094-794-1666 Line เราก็มีนะ @planetholiday
ทวีปยุโรป
/
แนะนำ 3 ประเทศน่าเที่ยวยุโรปเหนือ เอสโตเนีย ลัตเวีย ลิทัวเนีย มนต์เสน่ห์แห่งทะเลบอลติก
แนะนำ 3 ประเทศน่าเที่ยวยุโรปเหนือ เอสโตเนีย ลัตเวีย ลิทัวเนีย มนต์เสน่ห์แห่งทะเลบอลติก
เอสโตเนีย ลัตเวีย ลิทัวเนีย ประเทศสุดคลาสสิกแห่งทะเลบอลติก ที่แยกตัวออกมาจากสหภาพโซเวียต อยู่ทางตอนเหนือของทวีปยุโรป ติดกับทะเลบอลติก แลนด์มาร์กที่คุณจะได้สัมผัสกับอากาศที่เย็นสบายตลอดปี พร้อมทั้งที่เที่ยวเด็ดๆ มากมาย ให้คุณได้เลือกสรร และอิ่มเอมกับบรรยากาศที่หาจากที่ใดไม่ได้ วันนี้ Planethlidays จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ 3 ประเทศน่าเที่ยวแห่งนี้ เรามาดูกันเลยดีกว่าค่ะ ว่ายุโรปโซนเหนือจะมีมนต์เสน่ห์ขนาดไหน ไปชมกันเล๊ย!!
เอสโตเนีย (Estonia)
เอสโตเนียเป็นประเทศที่มีความโดนเด่นด้านสถาปัตยกรรมยุคกลางมาก มีเมืองหลวงชื่อ กรุงทาลลินน์ ซึ่งเป็นเมืองหลวงที่มีความเก่าแก่ที่สุดในฝั่งยุโรป ด้านอาคารบ้านเรือน สถาปัตยกรรมก็ถือว่างดงามไม่แพ้ประเทศอื่นๆ มีทั้งโบสถ์ อนุเสาวรีย์ แต่ละที่ล้วนมีเอกลักษณ์เหมาะแก่การเดินเล่นชมเมือง สัมผัสกลิ่นอายที่มีมนต์เสน่ห์ ด้านที่เที่ยวทางธรรมชาติก็ถือว่าสุดยอดไม่แพ้กันเลย มีทั้ง ภูเขา เกาะ ทะเลสาบ หน้าผาหินปูนและป่าไม้ที่มีความอุดมสมบูรณ์สุดๆ เป็นอีกหนึ่งประเทศที่ไม่ควรพลาดเลยทีเดียว
ที่เที่ยว เอสโตเนีย : เมืองวิลจันดิ (Viljandi), อุทยานแห่งชาติซูมา (Soomaa National Park), ปราสาทรัคแวร์ (Rakvere Castle), เกาะฮีอูมา (Hiiumaa),ปราสาทนาร์วา (Narva Castle), เมืองปาร์นู (Parnu), เกาะซาเรมา (Saaremaa), อุทยานแห่งชาติเลเฮมา (Lahemaa National Park), เมืองทาร์ทู (Tartu), เมืองทาลลินน์ (Tallinn)
ลัตเวีย (Latvia)
ใครที่ชื่นชอบการชมสถาปัตยกรรมเราขอแนะนำนี่เลยค่ะ ลัตเวีย ประเทศนี้รับรองว่าคุณจะได้เพลิดเพลินกับการชมสถาปัตยกรรมอย่างเต็มอิ่มแน่ๆ และแต่ละที่นั้นล้วนงดงามมาก ไม่ว่าจะเป็น ปราสาท อนุเสาวรีย์ทางประวัติศาสตร์ ป้อมปราการเก่าแก่ หอคอย รวมไปถึงอาคารบ้านเรือน ต้องบอกว่าที่แห่งนี้มันดินแดนแห่งยุคกลางจริงๆ
ที่เที่ยว ลัตเวีย : เมืองเลียปายา (Liepaja), อุทยานแห่งชาติเกาจา (Gauja National Park), เมืองคุลดีกา (Kuldiga), แหลมโกลกา (Cape Kolka), เมืองเซซิส (Cesis), พระราชวังรุนดาเล (Rundale Palace), เมืองเวนต์สปิลส์ (Ventspils), เมืองยัวมาลา (Jurmala), เมืองซิกุลดา (Sigulda), เมืองรีกา (Riga)
ลิทัวเนีย
ทัวร์จอร์เจีย
/
5 สุดยอดเมืองน่า เที่ยวจอร์เจีย อัญมนีแห่งเทือกเขาคอเคซัส
5 สุดยอดเมืองน่า เที่ยวจอร์เจีย อัญมนีแห่งเทือกเขาคอเคซัส
เที่ยวจอร์เจีย ประเทศที่ตั้งอยู่บนจุดตัดระหว่างทวีปยุโรปและเอเชีย มีประวัติความเป็นมายาวนานกว่า 2,500 ปี ซึ่งที่แห่งนี้เคยถูกปกครองโดยหลายชาติพันธ์มาอย่างยาวนาน ตั้งแต่เปอร์เซีย มองโกเลียเอเชียกลาง และรัสเซีย ด้วยประวัติศาสตร์ที่ผ่านการปกครองมาหลายชาติ ทำให้จอร์เจียมีความหลากหลายทางวัฒนธรรม และสถาปัตยกรรม ที่เหมือนฝั่งยุโรปจนแทบแยกไม่ออกเลย ถึงแม้จะตั้งอยู่บนทวีปเอเชียก็ตาม วันนี้ Planetholidays ก็ได้คัดสรร 5 สุดยอดเมืองน่า เที่ยวจอร์เจีย อัญมนีแห่งเทือกเขาคอเคซัส มาฝากทุกคน ใครที่ชื่นชอบการเที่ยวเมืองแบบสไตล์ยุโรปเตรียมวางแพลนไว้ได้ค่ะ เพราะอีกหนึ่งความพิเศษของประเทศแห่งนี้คือเราไม่ต้องยื่น “วีซ่า” ท่องเที่ยว แถมคนไทยสามารถไปเที่ยวและอยู่ในประเทศได้ 90 วันอีกด้วย อะไรมันจะเยี่ยมแบบนี้ !!
1.ทบิลิซี (Tbilisi)
ทบิลิซี เป็นเมืองหลวงของประเทศจอร์เจียที่มีความสำคัญของประวัติศาสตร์มากมาย และมีโครงสร้างสถาปัตยกรรมที่สวยงาม เป็นเมืองใหญ่สุดของจอร์เจีย ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำคูรา Kura หรือเรียกว่า แม่น้ำมิตควารี Mtkvari ในภาษาท้องถิ่น เมืองนี้ถูกสร้างโดย วาคตัง กอร์กาซาลี Vakhtang Gorgasali กษัตริย์จอร์เจียแห่งคาร์ตลี ไอบีเรีย ได้ก่อตั้งเมืองนี้ขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 4
สถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจในเมือง : โบสถ์ซิโอนิ (Tbilisi Sioni Cathedral), วิหารโฮลี่ทรินิตี้ (Holy Trinity Cathedral of Tbilisi), ป้อมปราการนาริกาลา (Narikala),
2.อุพลิสชิเค่ (ULISTSIKHECAVE – TOEN)
อุพลิสชิเค่ เป็นหนึ่งในเมืองถ้ำเก่าแก่ของจอร์เจีย มีการตั้งถิ่นฐานในดินแดนแถบนี้กันมานานแล้วกว่า 3000 ปีก่อน ในอดีตช่วงยุคโบราณก่อนยุคกลาง (Hellenistic and Late Antique periods) ช่วง500 ปีก่อนคริสตกาล ถึง ค.ศ.500 เมืองนี้เป็นศูนย์กลางทางศาสนาและวัฒนธรรม และช่วงที่เมืองนี้มีความเจริญสุดขีดคือ ในช่วงคริสตวรรษที่ 9 ถึง 11 ก่อนจะถูกรุกรานโดยชาวมองโกลในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 13 และถูกปล่อยให้เป็นเมืองร้างไป ท่านจะได้พบกับศาสนสถานที่มีห้องโถงขนาดใหญ่ที่ชาวเพเก้น (Pagan) ใช้เป็นที่ประกอบพิธีกรรมซึ่งเป็นลัทธิบูชาไฟ เป็นลัทธิของคนในแถบนี้ก่อนที่ศาสนาคริสต์จะเข้าเมื่อ 1700 ปีก่อน และยังมีห้องต่างๆ ซึ่งคาดว่าเป็นโบสถ์เก่าแก่ของชาวคริสต์ ที่สร้างขึ้นในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 9
3.คัสเบกิ (KAZBEGI)
คัสเบกิ เป็นเมืองที่ตั้งอยู่บนภูเขาคัสเบก มีความสูงที่ 1,700เมตร หรือ ในปัจจุบันเรียกว่า เมืองสเตปันสมินดา