แบนเนอร์บทความ

ทัวร์อังกฤษ /

พระราชวังวินด์เซอร์ ที่สุดแห่งความเก่าแก่คู่ราชบัลลังก์อังกฤษ

พระราชวังวินด์เซอร์ ที่สุดแห่งความเก่าแก่คู่ราชบัลลังก์อังกฤษ พระราชวังวินด์เซอร์ พระราชวังอันเก่าแก่ที่อยู่คู่ราชบัลลังก์อังกฤษมานานนับพันปี มหาปราสาทขนาดใหญ่ที่เคยถูกใช้เป็นสถานที่จัดงานพิธีเสกสมรสของเจ้าชายแฮรี่ รัชทายาทอันดับที่ 6 ของราชวงศ์อังกฤษ ปัจจุบันยังคงถูกใช้เป็นที่พำนักของสมเด็จพระราชินีอลิซาเบธที่ 2 ซึ่งมักจะใช้เวลาส่วนใหญ่ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์อยู่เสมอ และยังเป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวที่มาเยือนประเทศอังกฤษอีกด้วย… พระราชวังวินด์เซอร์ตั้งอยู่ที่เมืองวินด์เซอร์, มลฑลบาร์คเชอร์ในสหราชอาณาจักร สร้างโดยสมเด็จพระเจ้าวิลเลียมที่ 1 แห่งอังกฤษเมื่อปี ค.ศ.1070 สถาปัตยกรรมเป็นแบบโรมาเนสก์ พระราชวังวินด์เซอร์เป็นพระราชฐานที่ยังมีผู้อยู่อาศัยที่ใหญ่ที่สุดในโลกและเป็นพระราชฐานที่เก่าที่สุดที่มีผู้อยู่อาศัยต่อเนื่องกันมาตั้งแต่เริ่มสร้าง เนื้อที่การใช้สอยมีทั้งหมดถึง 45,000 ตารางเมตร ปราสาทวินด์เซอร์ แบ่งออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ ๆ คือ ส่วนบน (upper ward) และส่วนล่าง (lower ward) ซึ่งมีหอกลม (round tower) กั้นกลาง พระราชวังวินด์เซอร์เต็มไปด้วยสิ่งน่าสนใจมากมายไม่ว่าจะเป็น State Apartments ที่ถูกตกแต่งอย่างสวยงามด้วยผลงานศิลปะอันทรงคุณค่า ซึ่งเป็นของสะสมของเหล่าราชวงศ์ รวมถึงความงดงามของสถาปัตยกรรมแบบกอธิคในโบสถ์ St. George ซึ่งเป็นที่ฝังพระศพของกษัตริย์แห่งประเทศอังกฤษหลายพระองค์ และประหลาดใจไปกับ Queen Mary’s Dolls House บ้านตุ๊กตาแสนสวยและมีชื่อเสียงที่สุดโลกที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1920 โดยช่างฝีมือชั้นนำในสมัยนั้น สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 มักเสด็จมาประทับที่พระราชวังแห่งนี้ในวันเสาร์-อาทิตย์ และทรงประทับอย่างเป็นทางการในช่วงเดือนมีนาคม - เมษายน ถ้าใครอยากรู้ว่าควีนประทับอยู่หรือไม่ ให้ดูที่ธงบนหอกลม ถ้าธงอยู่บนยอดเสาแสดงว่าควีนประทับอยู่  อัตราค่าเข้าชม : สำหรับเด็ก ท่านละ ประมาณ 11.50 ปอนด์ (GBP) หรือ คำนวณเป็นเงินไทย ท่านละ ประมาณ 500 บาท (THB) / ผู้ใหญ่ ท่านละ ประมาณ 18.50 ปอนด์ (GBP) หรือ คำนวณเป็นเงินไทย ท่านละ ประมาณ 800 บาท (THB) ขึ้นอยู่กับประเภทของบัตร และ จำเป็นต้องจองก่อนล่วงหน้า เพราะอาจจำกัดจำนวนผู้เข้าชมในแต่ละวันได้ เวลาทำการ : เปิดทุกวันโดยจะแบ่งเป็นสองช่วงดังนี้ เดือนมีนาคม-ตุลาคม เปิดเวลา 9.30 น.- 17.15 น. เดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ เปิดเวลา 9.45 น. – 16.15 น. ก็จบกันไปแล้วนะคะ

ทัวร์ตุรเคีย /

ขึ้นบอลลูนชมวิวหลักล้าน ณ คัปปาโดเกีย แดนสวรรค์ของคนรักความโรแมนติก

ขึ้นบอลลูนชมวิวหลักล้าน ณ คัปปาโดเกีย แดนสวรรค์ของคนรักความโรแมนติก ที่สุดของการไปเที่ยว คัปปาโดเกีย ถ้าไม่ได้เข้าร่วมกิจกรรมสุดคูลอย่างการขึ้น บอลลูน ชมวิวทิวทัศน์รอบๆเมือง ก็อาจจะเรียกได้ว่าไปไม่ถึง เพราะวิวทิวทัศน์ของเมืองแห่งนี้เรียกได้ว่าเป็นที่สุดแห่งความงดงามและเป็นเอกลักษณ์ที่คุณไม่อาจจะหาชมความ Unseen นี้ได้จากที่ไหน… คัปปาโดเกียเป็นหนึ่งในมรดกโลกที่ประกาศโดยองค์การยูเนสโกเมื่อปีค.ศ. 1985 เมืองที่มีลักษณะแปลกตาน่าพิศวงนี้ เกิดจากฝีมือของธรรมชาติล้วนๆ ภายหลังที่ภูเขาไฟระเบิดขึ้นเมื่อราวๆ 2 ล้านปีที่ผ่านมา ก็มีลาวาและเถ้าถ่านพวยพุ่งออกมาเป็นจำนวนมาก พอเย็นตัวลงก็กลบแผ่นดินเดิมหนาขึ้นร่วม 150 เมตร กลายเป็นชั้นดินใหม่ กว่าจะเป็นริ้วคลื่น หินเป็นลอนสวยงาม หินเป็นแท่ง ปล่องไฟ กรวย หินรูปเห็ด รูปเจดีย์ ก็ต้องถูกทั้งกัดกร่อนจากลม ฝน หิมะ และสายน้ำมานับล้านปี สิ่งที่ทำให้คัปปาโดเกียมีชื่อเสียงนอกจาก โรงแรมถ้ำ สุดอลังการแล้ว การขึ้นบอลลูน ชมวิวหลักล้าน!! ก็เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่เปรียบเสมือนจุดหมายปลายทางในฝันของนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยือนที่แห่งนี้ ให้คุณได้สัมผัสกับวิวทิวทัศน์และบรรยากาศยามเช้าในช่วงเวลาที่พระอาทิตย์ขึ้นที่สุดแสนจะโรแมนติก ชมความสวยงามของแท่งหินปูนมากมายที่เรียงรายอยู่ทั่วเมือง บอลลูนจะพาคุณล่องลอยอยู่บนฟ้าพร้อมภาพตรงหน้าที่เหมือนกับว่าเราได้ท่องอยู่บนแดนสวรรค์ บอลลูนที่คัปปาโดเกียมีให้บริการตลอดทั้งปี นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปสัมผัสกับความอัศจรรย์นี้ได้เสมอ แต่ช่วงที่เหมาะแก่การขึ้นบอลลูนมากที่สุดจะเป็นช่วงเช้ามืด เพราะเราจะได้ดื่มด่ำกับวิวอันวิเศษพร้อมพระอาทิตย์ที่กำลังทอดตัวขึ้นมาจากฝากฟ้า และยังมีสีสันอันสดใสของบอลลูนนับไม่ถ้วนที่กำลังลอยตัวขึ้นช่วยเคล้าคลอให้บรรยากาศ ณ ที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่โรแมนติก และประทับใจอย่างไม่รู้ลืม ก็จบกันไปแล้วนะคะ กับ ขึ้นบอลลูนชมวิวหลักล้าน ณ คัปปาโดเกีย แดนสวรรค์ของคนรักความโรแมนติก เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับการนั่งบอลลูนชมวิวเมืองคัปปาโดเกีย งดงามและโรแมนติกมากเลยใช่ไหมหล่ะ ส่วนใครที่กำลังจะวางแผนจะไป เที่ยวตุรกี แต่ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนบ้าง ลองเข้ามาปรึกษาพวกเรา planetholidays สิคะ ให้เราเป็นส่วนหนึ่งในการเติมเต็มความทรงจำของคุณ ที่นี่เรามี ทัวร์ดีๆ มากมาย จัดหนักจัดเต็มทุกทริป รับรองไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ planetholidays คำตอบของคนชอบเที่ยว ทัวร์ดี ราคาถูก โทรสอบถามข้อ มูลเพิ่มเติมได้ที่ Tel: 02-530-9899, 081-855-7999, 094-794-1666 Line เราก็มีนะ @planetholiday

ทัวร์ยุโรป /

ปราสาทปราก (prague castle) สุดยอดอัญมณีแห่งดินแดนเช็ก

ปราสาทปราก (prague castle) สุดยอดอัญมณีแห่งดินแดนเช็ก ปราสาทปราก (prague castle) ปราสาทเก่าแก่ที่แฝงไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์สำคัญของกรุงปราก โดดเด่นเป็นสง่าด้วยสถาปัตยกรรมโกธีกและในอดีตเป็นยังเคยเป็นที่ประทับของจักรพรรดิแห่งโบฮีเมียอีกด้วย… ปราสาทแห่งกรุงปรากเป้นแลบนด์มาร์กสำคัญของเมือง สร้างขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 11 ด้วยศิลปะแบบโกธิค อายุราวๆ 800 กว่าปี  กินเนสส์บุ๊คได้บันทึกไว้ว่า เป็นปราสาทที่มีการเชื่อมโยงกันระหว่างส่วนประกอบต่างๆ ของปราสาทที่ใหญ่ และซับซ้อนที่สุดในโลก ครอบคลุมพื้นที่ถึง 70,000 ตารางเมตร (437.5 ไร่) ปัจจุบันใช้เป็นสถานที่ทำงานของประธานาธิบดีของสาธารณรัฐเช็กและเป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงมรดกทางวัฒนธรรมของชาติ สิ่งที่ทำให้ปราสาทปรากโดดเด่นสะดุดตานักท่องเที่ยวก็คือ มหาวิหารเซนต์ไวตัส (St. Vitus Cathedral) มหาวิหารสไตล์โกธีกที่ใหญ่และงดงามมากที่สุด ตั้งอยู่บริเวณภายในปราสาท ซึ่งที่แห่งนี้เป็น ศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกที่ถือได้ว่าใหญ่ที่สุดและสำคัญที่สุดของประเทศ จุดเด่นคือหอคอยหลักที่สูงถึง 96.5 เมตร และหอคอยคู่ที่ด้านหน้าก็สูงถึง 82 เมตร ด้านในมหาวิหารถูกใช้เป็นที่เก็บพระศพของเหล่ากษัตริย์โบฮีเมียหลายพระองค์ แต่ละส่วนมีการตกแต่งอย่างปราณีตด้วยกระจกสีเป็นภาพนักบุญ รูปปั้น และเรื่องราวทางศาสนาคริสต์ ซึ่งต้องขอบอกว่าแต่ละภาพนั้นมีความงดงามมากจริงๆ อีกหนึ่งไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาดเลยเมื่อมาเยี่ยมชมปราสาทปรากก็คื การชมพิธิพลัดเปลี่ยนเวรยามของเหล่าทหารรักษาพระองค์ ซึ่งพิธีการนี้จะเริ่มตั้งแต่เวลา 05.00 น. - 23.00 น. ของทุกวัน และจะมีการประโคมแตรเดี่ยวพร้อมด้วยพิธีเชิญธงในบริเวณลานปราสาทชั้นแรกด้วย ใครมีเวลาเหลือจากการเที่ยวเล่นภายในปราสาทก็ลองแวะไปรอชมกันได้นะคะ พี่ทหารเท่สุดๆ ไปเลย อัตราค่าเข้าชม : ราคาบัตรเข้าชมจะแบ่งเป็น 2 แบบคือ 1.แบบใข้เวลาระยะยาวราคา 350 CZK และ 2.แบบใช้เวลาระยะสั้น 250 CZK ก็จบกันไปแล้วนะคะ กับปราสาทปราก (prague castle) สุดยอดอัญมณีแห่งดินแดนเช็ก เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับมนต์เสน่ห์ของปราสาทปราก งดงาม อลังการงานสร้างมากเลยใช่ไหมหล่ะ ส่วนใครที่กำลังจะวางแผนมา เที่ยวเช็ก แต่ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนบ้าง ลองเข้ามาปรึกษาพวกเรา planetholidays สิคะ ให้เราเป็นส่วนหนึ่งในการเติมเต็มความทรงจำของคุณ ที่นี่เรามี ทัวร์ดีๆ มากมาย จัดหนักจัดเต็มทุกทริป รับรองไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ planetholidays คำตอบของคนชอบเที่ยว ทัวร์ดี ราคาถูก โทรสอบถามข้อ มูลเพิ่มเติมได้ที่ Tel: 02-530-9899, 081-855-7999, 094-794-1666 Line เราก็มีนะ @planetholiday

ทัวร์เวียดนาม /

นาขั้นบันได ซาปา (SAPA) มนต์เสน่ห์เมืองแห่งขุนเขาสายหมอก

นาขั้นบันได ซาปา (SAPA) มนต์เสน่ห์เมืองแห่งขุนเขาสายหมอก เรียกได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของประเทศไปแล้วนะคะ กับ นาขั้นบันได ซาปา แหล่งท่องเที่ยวสำคัญแห่งเมืองขุนเขาสายหมอก สุดยอดแลนด์มากที่คุณจะได้ย่อนจิตย่อนใจไปกับอากาศที่บริสุทธิ์ วิวทิวทัศน์อันแสนงดงามของนาขั้นบันได และวัฒนธรรมที่แสนอบอุุ่นจากชนพื้นเมือง ซึ่งของดีแบบนี้หาชมที่ไหนไม่ได้ต้องที่ ซาปา เวียดนามเหนือเท่านั้น… ซาปา (SaPa) ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศเวียดนาม ในเขตจังหวัดลาวไค ใกล้กับชายแดนจีน ภูมิประเทศตั้งอยู่บนระดับความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 1,650 เมตร จึงมีอากาศหนาวเย็นตลอดปี ในอดีตเมืองแห่งนี้เคยเป็นเมืองแห่งการพักผ่อนของฝรั่งเศสที่ปกครองเวียดนามอยู่และพวกเขาได้สร้างสถานีบนภูเขาขึ้นในปี พ.ศ.2465 จากนั้น จึงเริ่มมีชาวต่างชาติซึ่งอยู่ในฮานอยทยอยเดินทางมาพักผ่อนในช่วงวันหยุดเป็นประจำ เพราะอากาศดีและเงียบสงบ จึงทำให้ที่แห่งนี้รู้จักเป็นวงกว้าง ไฮไลท์ที่เรียกได้ว่าเป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกก็คงจะหนีไม่พ้น นาขั้นบันได้ ซึ่งที่ซาปามีนาขั้นบันไดอยู่หลายที่ แต่ที่เด็ดสุด! จะอยู่ที่หมู่บ้าน หมู่บ้านกั๊ตกั๊ต (Cat Cat Village) หมู่บ้านของชาวม้งดำตั้งอยู่ในหุบเขา Muong Hoa ห่างจากตัวเมืองซาปาประมาณ 2 กิโลเมตร Cat Cat Village เป็นหมู่บ้านชนพื้นเมืองเก่าแก่ที่มีภูมิทัศน์สวยงาม ล้อมรอบไปด้วยทุ่งนาและทุ่งข้าวโพดเขียวขจีที่กำลังกระทบกับแสงแดดและพริ้วไหวไปตามสายลม เคล้าคลอด้วยสายลมเย็นๆ ชวนสัมผัสจนรู้สึกว่ากำลังท่องอยู่ในดินแดนแห่งความฝัน นอกจากเราจะได้เพลิดเพลินไปกับธรรมชาติอันสวยงามและบ้านเรือนของชาวม้งดำที่น่าสนใจแล้ว ที่แห่งนี้ยังเรายังสามารถเรียนรู้วัฒนธรรมความเป็นอยู่และวิถีชีวิตแบบมีความสุขของประชาชนชาวเขาพื้นเมือง ที่พึ่งพาธรรมชาติในการดำเนินชีวิตอันเรียบง่าย ตลอด 2 ข้างทางยังมีคาเฟ่ ร้านขายของที่ระลึก ร้านขายสินค้าพื้นเมืองให้เราได้แวะช้อปปิ้งตลอดทางอีกด้วย ส่วนใครที่ต้องการบริจาคสิ่งของก็สามารถนำติดตัวไปด้วยได้นะคะ เพราะที่นี่มีเด็กชาวเขารอรับบริจาคอยู่ จะเป็นเสื้อผ้า ผ้าห่ม รองเท้า หรือ ขนมก็ได้ค่ะ ถือโอกาสทำบุญไปด้วยเลย ก็จบกันไปแล้วนะคะ กับ นาขั้นบันไดซาปา (SAPA) มนต์เสน่ห์เมืองแห่งขุนเขา เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับมนต์เสน่ห์ของซาปา อยากหนีไปฟอกปอดกันเลยใช่ไหมหล่ะ ส่วนใครที่กำลังจะวางแผนจะไป เที่ยวเวียดนาม แต่ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนบ้าง ลองเข้ามาปรึกษาพวกเรา planetholidays สิคะ ให้เราเป็นส่วนหนึ่งในการเติมเต็มความทรงจำของคุณ ที่นี่เรามี ทัวร์ดีๆ มากมาย จัดหนักจัดเต็มทุกทริป รับรองไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ planetholidays คำตอบของคนชอบเที่ยว ทัวร์ดี ราคาถูก โทรสอบถามข้อ มูลเพิ่มเติมได้ที่ Tel: 02-530-9899, 081-855-7999, 094-794-1666 Line เราก็มีนะ @planetholida

ทัวร์อินเดีย /

4 จุดเช็คอินเด็ด! จัยปูร์ มหานครสีชมพูแห่งประเทศอินเดีย

4 จุดเช็คอินเด็ด! จัยปูร์ มหานครสีชมพูแห่งประเทศอินเดีย จัยปูร์ หรือ ชัยปุระ เมืองท่องเที่ยวสำคัญของรัฐราชสถาน มหานครสีชมพูที่มีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 300 ปี ดินแดนที่ถูกเนรมิตโดยมหาราชาสะหวาย ประธาป สิงห์ (Maharaja Sawai Pratap Singh) มหาราชาผู้มีบทบาทมากที่สุดในการสร้างที่แห่งนี้ วันนี้ Planetholidays ก็ได้คัดสรร 4 จุดเช็คอินเด็ด! จัยปูร์ มหานครสีชมพูแห่งประเทศอินเดีย มาฝากทุกคน แต่ละที่จะเด็ดแค่ไหนและมีอะไรให้เราประทับใจบ้าง เรามาท่องดินแดนสีชมพูนี้ไปด้วยกันเลยค่ะ 1.พระราชวังหลวง (City Palace) เดิมเป็นพระราชวังของมหาราชใจสิงห์ (Jai Singh) พระราชวัง ถูกสร้างขยายออกในสมัยหลัง ปัจจุบัน ได้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ Sawai Man Singh Museum ประกอบด้วย 4 ส่วนที่น่าสนใจคือ ส่วนแรกคือส่วนของพระราชวังส่วนที่สองเป็นส่วนของพิพิธภัณฑ์ ที่จัดแสดงฉลองพระองค์ของกษัตริย์ และมเหสี ซึ่งมีการตัดเย็บอย่างวิจิตร ส่วนที่สามเป็นส่วนของอาวุธ และชุดศึกสงคราม ที่จัดแสดงไว้อย่างน่าทึ่งมากมายหลายหลาก บางชิ้น ก็เป็นอาวุธได้อย่างน่าพิศวง และส่วนที่สี่ คือส่วนของศิลปะภาพวาด รูปถ่าย และราชรถ พรมโบราณ ซึ่งได้รับการจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ ตรงกลางอาคารมีหม้อน้ำขนาดมหึมา 2 ใบ ทำจากโลหะเงิน สูง 1.50 เมตร มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เชื่อกันว่าเป็นหม้อน้ำที่กษัตริย์ Madho Singh ได้รับมาจากงานราชาภิเษกของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7 ซึ่งบรรจุน้ำจากแม่น้ำคงคาอันศักดิ์สิทธิ์ 2.พระราชวังสายลม (Hawal Mahal) ฮาวา มาฮาล เป็นพระราชวัง ที่ตั้งอยู่ในเมืองชัยปุระ รัฐราชสถาน ประเทศอินเดีย สร้างในปีค.ศ. 1799 โดยมหาราชาสะหวาย ประธาป สิงห์ (Maharaja Sawai Pratap Singh) ออกแบบโดยลาล ชันด์ อุสถัด (Lal Chand Ustad) โดยถอดแบบมาจากรูปทรงของมงกุฏพระนารายณ์ โดยมีสิ่งก่อสร้างที่โดดเด่นคือ บริเวณด้านหน้าอาคารมีหน้าบันสูงห้าชั้น และมีลักษณะคล้ายรังผึ้งสร้างจากหินทรายสีแดงสดฉลุหินให้เป็นช่องหน้าต่างลวดลายเล็กๆ ละเอียดยิบมีช่องหน้าต่างถึง 953 บางแต่ปิดไว้ ด้วยหินทรายฉลุทำให้นางในฮาเร็มพระสนมที่อยู่ด้านในสามารถมองออกมาข้างนอกได้ โดยที่คนภายนอกมองเข้าไปข้างในไม่เห็น และประโยชน์อีกอย่างคือเป็นช่องแสงและช่องลมจนเป็นที่มาของชื่อ “Palace Of Wind” 3.แอมเบอร์

ทัวร์ฮ่องกง /

9 วัดไฮไลท์ฮ่องกง ที่สายบุญ เสริมรวย แก้ชง ต้องไม่พลาด

“ฮ่องกง” แลนด์มาร์กที่ทรงอิทธิพลเรื่องศาสนาและวัฒนธรรม หากใครที่ต้องการหาที่ทำบุญเสริมมงคลก็มักจะนึกถึงที่นี่เป็นอันดับต้นๆ สถานที่ที่รวมวัดชื่อดังไว้มากมายเหมาะแก่สายบุญทั้งหลายที่ชอบขอพร เสริมดวง เสริมรวย วันนี้เราก็รวบรวม 9 วัดไฮไลท์ของฮ่องกง ที่ถ้าได้มาแล้วต้องห้ามพลาดเด็ดขาด 1.วัดแชกงหมิว หรือ วัดกังหันลม   ที่สถิตของท่านแชกง นักรบผู้เป็นตำนานของฮ่องกง ไฮไลท์ของที่นี่จะอยู่ที่ “กังหันลมนำโชค” โดยตามความเชื่อของชาวฮ่องกงแล้ว ถ้าต้องการให้สิ่งไม่ดีในปีที่ผ่านมาหมดไป จะต้องใช้นิ้วชี้หมุนกังหันตามเข็มนาฬิกา แต่ถ้าหากต้องการขอพรให้สิ่งดีๆเข้ามาในชีวิตก็จงตั้งจิตอธิษฐาน แล้วหมุนกังหันกลับขจากขวามาซ้าย แล้วกังหันนำโชคจะนำสิ่งดีๆเข้ามาสู๋ชีวิต  และก่อนที่ท่านจะออกจากวัดจะต้องตีกลองให้เสียงดังสนั่นเพื่อความเป็นสิริมงคล 2.วัดหวังต้าเซียน หรือ วัดซิก ซิก หยวน หว่องไทซิน    วัดที่ขึ้นชื่อด้านการขอพรรักษาโรคภัยไข้เจ็บ เป็นที่ที่ได้รับการนับถือเป็นอย่างมากจากบรรดาผู้ป่วย ซึ่งใครที่กำลังเจ็บป่วย หรือมีญาติพี่น้อง คนที่เรารักก็สามารถมาขอพรจากที่นี่ได้ นอกจากนั้นโบราณสถานแห่งนี้ยังคงความสวยงานแบบจีนโบราณอีกด้วย 3.เจ้าแม่กวนอิมรีพัลส์เบย์    ที่หาดรีพัลส์เบย์ (Repulse Bay Beach) เป็นสถานที่ยอดฮิตที่เมื่อมาทัวร์ฮ่องกงก็ต้องมาให้ได้ เนื่องจากเป็นที่ประดิษฐ์สถานของเจ้าแม่กวนอิมที่ใครหลายๆคนต่างสักการะบูชา และยังเป็นวัดศักดิ์สิทธิ์ที่ผู้คนนิยมมาสักการะ รูปปั้นต่างๆ ของที่นี่ล้วนมีความหมาย นอกจากนั้นยังมีบริเวณที่สวยงามให้ได้ถ่ายรูปมากมายอีกด้วย 4.พระใหญ่แห่งวัดโป่หลิน  วัดโป่เหลียน สถานที่ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ขององค์พระใหญ่ หรือ พระพุทธรูปเทียนถานที่ประดิษฐานอยู่บนยอดเขาโปหลิน เรียกได้ว่าเป็นอีก 1 ไฮไลท์อันดับต้นๆของฮ่องกง เรื่องความศักดิ์สิทธิ์เลยทีเดียว ที่สำคัญหากต้องการให้พรสัมฤทธิ์ผลอย่าลืมขอพรบริเวณจุดประทานพร เพราะเชื่อกันว่าเป็นตำแหน่งที่ดีที่สุดในการขอพระจากองค์พระใหญ่ 5.วัดเทียนโหว่    วัดเทียนโหว่ ตั้งอยู่ในย่านคอสเวย์ เบย์ ของประเทศฮ่องกง เป็นที่ประดิษฐานขององค์เจ้าแม่ทับทิม ที่แต่เดิมนั้นได้รับความเคารพบูชาสำหรับเหล่าชาวประมงที่ต้องการสักการะขอพรให้แคล้วคลาดปลอดภัยในการออกเรือทุกครั้ง ปัจจุบันเป็นที่เลื่องชื่อเรื่องความศักดิ์สิทธิ์และการปัดเป่าสิ่งร้ายให้หายกลายเป็นดี จนเป็นที่นิยมอย่างมากในเหล่าคนฮ่องกงที่จะมาสักการะขอพระ 6 .วัดชีหลิน  วัดชีหลิน หรือ วัดนางชี เป็นที่ประดิษฐานของพระศากยมุนีและเจ้าแม่กวนอิม ที่นอกจากความศักดิ์สิทธิ์แล้วนั้น ที่นี่มีเพียงแม่ชีพำนักเท่านั้น ซึ่งถือว่าแตกต่างจากวัดทางพระพุทธศาสนาอื่นๆทั่วไปในฮ่องกง และยังโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมแบบจีนโบราณที่สร้างขึ้นจากไม้เนื้อหอม 7.วัดปักไท   เป็นวัดยอดนิยมสำหรับการมาขอพรหรือแก้ชงของชาวฮ่องกง มีความเก่าแก่กว่า 200 ปี โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมจีนโบราญรวมทั้งประติมากรรมตั้งแต่ยุคสมัยราชวงศ์ซ่งและสมัยราชวงศ์ชิง และเป็นที่ประดิษฐานของเทพเจ้าแห่งท้องทะเลของลัทธิเต๋า หรือที่รู้จักกันในนามจักรพรรดิแห่งดินแดนสุขขาวดี 8.วัดหมั่นโหม่   วัดหมั่นโหม่ ตั้งอยู่ในเขตเชิงหว่าน เป็นสถานที่สักการะสำหรับผู้ที่ต้องการพรด้านปัญญาและพละกำลัง  โดยจะมีอีกเอกลักษณ์ที่สำคัญอย่างการจุดธูปบูชาที่มีลักลักษณะเป็นเกลียวขด และยังเป็นที่ประดิษฐานของ 2 เทพเจ้าองค์สำคัญนั่นก็คือ เทพแห่งความรู้ (หมั่น)มีสีเขียวในมือถือพู่กันจีน และเทพแห่งสงคราม (โหม่)มีสีแดงในมือถือดาบ นอกจากจะปัดเป่าสิ่งร้ายๆให้ออกไปจากชีวิต 9.วัดหยวนหยวน   วัดหยวนหยวน เป็นวัดเดียวที่รวมความเชื่อของทั้ง 3 ศาสนา นั่นคือ ศาสนาพุทธ ลัทธิเต๋าและลัทธิขงจื้อไว้ในวัดเดียว ซึ่งเป็นวัดที่โดดเด่นเรื่องการแก้ปีชง หรือ เสริมดวงชะตามากที่สุดแห่งหนึ่ง เนื่องจากเป็นที่ประดิษฐานของเทพเจ้าไท้ส่วยเอี๊ยะครบทั้ง 60 องค์พร้อมปีเกิดกำกับ โดยเชื่อว่าเทพเจ้าองค์นี้มีหน้าที่คอยคุ้มครองดูแลดวงและคุ้มครองดวงชะตาของมนุษย์    ก็จบกันไปแล้วนะครับ กับ 9 วัดไฮไลท์ฮ่องกง ที่สายบุญ เสริมรวย แก้ชง ต้องไม่พลาด เป็นยังไงกันบ้างครับ? อ่านแล้วคงจะเริ่มเตรียมวันหยุดกันแล้วใช่ไหมหล่ะ มาๆ มาทัวร์ฮ่องกงกัน ให้เราเป็นส่วนหนึ่งในการเติมเต็มความทรงจำของคุณสิครับ ที่นี่เรามีทัวร์ดีๆมากมาย จัดหนักจัดเต็มทุกทริปรับรองไม่ผิดหวังแน่นอนครับ PlanetHolidays คำตอบของคนชอบเที่ยว โทรสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Tel: 02-530-9899, 081-855-7999, 087-078-1777 Line เราก็มีนะ @planetholiday

ทัวร์ญี่ปุ่น /

เสียวขั้นสุดกับ Takabisha รถไฟเหาะตีลังกาที่ชันที่สุดในโลก ที่ประเทศญี่ปุ่น

พาไปทำความรู้จักกับ Takabisha เครื่องเล่นรถไฟเหาะตีลังกาสุดหวาดเสียวภายในสวนสนุก Fuji-Q Highland ประเทศญี่ปุ่น ถูกบันทึกให้เป็นเครื่องเล่นประเภทรถไฟเหาะตีลังกาที่ชันที่สุดในโลก ด้วยความชันมากถึง 121 องศา เป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวใกล้โตเกียวที่ไม่ควรพลาด ญี่ปุ่น มักจะมีสิ่งที่ทำให้โลกได้เซอร์ไพรส์อยู่ตลอดจริง ๆ นอกจากจะมีแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติและวัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นให้เราไปเที่ยวชมมากมายแล้ว ในส่วนของสถานที่ท่องเที่ยวแนวเอนเตอร์เทนเมนต์ยังจัดทำออกมาได้ดีไม่มีที่ติอีกต่างหาก อย่างในส่วนของสวนสนุก Fuji-Q Highland เมืองฟุจิโยะชิดะ (Fujiyoshida) จังหวัดยะมะนะชิ (Yamanashi) ก็มีเครื่องเล่นสุดหวาดเสียวที่เป็นที่สุดของโลกตั้งอยู่ด้วย หนึ่งในนั้นก็คือ Takabisha ภาพจาก Alongkorn Naranong / Shutterstock.com Takabisha เป็นเครื่องเล่นประเภทรถไฟเหาะตีลังกา (Roller Coaster) ที่จะทำให้หัวใจคุณเต้นระทึกมากที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิต กับความชันมากที่สุดในโลก ด้วยความชันมากถึง 121 องศา เปิดให้นักท่องเที่ยวได้พิสูจน์ความหวาดเสียวครั้งแรกเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2011 ภาพจาก Navapon Plodprong / Shutterstock.com Takabisha นั้้นเป็นเครื่องเล่นมาตรฐานระดับโลกจากบริษัท Gerstlauer ประเทศเยอรมนี มีโครงสร้างเป็นเหล็กแข็งแรงสมบูรณ์ มีระยะทางทั้งหมด 1,004 เมตร วิ่งด้วยความเร็วประมาณ 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง จุดที่สูงที่สุดก่อนที่จะปล่อยตัวลงมาด้วยความชัน 121 องศานั้น มีความสูงอยู่ที่ 43 เมตร ลองจินตนาการดูสิว่าถ้าเราได้นั่งบนรถไฟเหาะซึ่งสามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้แบบสวยอลังการ และได้ขึ้นไปอยู่บนความสูงกว่า 43 เมตรแบบนิ่ง ๆ สัก 5-10 วินาที แล้วรถก็วิ่งดิ่งลงมาในความชันถึง 121 องศาด้วยความเร็วสูงปรี๊ด มันจะเสียวและสนุกขนาดไหน บอกเลยว่าฟินสุด ๆ ภาพจาก Navapon Plodprong / Shutterstock.com และด้วยความชันมากถึง 121 องศาของ Takabisha นี้เอง มันจึงได้รับการจดบันทึกโดย Guinness World Record ให้เป็นรถไฟเหาะตีลังกาแบบเหล็กที่ชันที่สุดในโลกในปี 2011 เครื่องเล่นชนิดนี้ในแต่ละรอบจะมีผู้เล่นนั่งได้ 8 คน ผู้เล่นต้องมีความสูงเกินกว่า 130 เซนติเมตร อายุต้องอยู่ระหว่าง 10-60 ปี ไม่มีโรคประจำตัวที่มีความเสี่ยงต่อการเต้นของหัวใจที่ผิดปกติ ค่าตั๋วคนละ 1,000

ทัวร์เกาหลี /

ใบ ตม.เกาหลี แบบใหม่ เตรียมตัวเที่ยวเกาหลีใต้ควรรู้

  แบบฟอร์มตรวจคนเข้าเมือง หรือใบ ตม. รูปแบบใหม่ ของประเทศเกาหลีใต้ เพื่อนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปเที่ยวเกาหลีใต้ ได้เตรียมตัวและกรอกข้อมูลอย่างถูกต้องครบถ้วน ขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองเป็นขั้นตอนปกติที่นักท่องเที่ยวต้องพบในการเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ และไม่นานมานี้เองมีข่าวว่าทางประเทศเกาหลีใต้ ทำการเปลี่ยนแบบฟอร์มใบตรวจคนเข้าเมือง หรือใบ ตม. (Arrival card) รูปแบบใหม่ ว่าแต่ของใหม่และของเก่ามีลักษณะต่างกันอย่างไร ตาม เฟซบุ๊ก สักครั้ง ณ Korea ไปอัปเดตกันเลยค่ะ เพื่อที่ว่านักท่องเที่ยวจะได้กรอกข้อมูลอย่างถูกต้อง เพราะถ้ากรอกผิดเพียงเล็กน้อยอาจทำให้เกิดปัญหาตามมา เป็นการเตรียมตัวเอาไว้ล่วงหน้า เมื่อเวลาที่เดินทางไปถึงแล้วจะได้ไม่ตื่นเต้น ทำผิดทำถูก และเพิ่มความมั่นใจที่จะไปเจอกับ ตม. เกาหลีใต้ นั่นเอง +++++++++++++++ มาดูใบ ตม. เกาหลีแบบใหม่กัน เมื่อไม่นานมานี้มีข่าวว่าทางประเทศเกาหลีใต้ ได้มีการเปลี่ยนรูปแบบใบตรวจคนเข้าเมือง หรือ Arrival Card ใหม่ หลายคนอาจจะสงสัยเจ้าใบเข้าเมืองรูปแบบใหม่เป็นแบบไหน แล้วมันแตกต่างจากของเก่ายังไงบ้าง วันนี้จะพาไปดูตัวจริงเสียงจริง พร้อมแล้วลุยยยยยยยยย ใบตรวจคนเข้าเมืองแบบใหม่เอาใจนักท่องเที่ยวหลาย ๆ ประเทศ ด้วยการทำออกมาในหลายภาษา เข้าใจง่ายรวมทั้งภาษาไทยด้วยจ้า **แต่เราต้องกรอกข้อมูลเป็นภาษาอังกฤษหรือภาษาเกาหลีเท่านั้นนะจ๊ะ เขียนภาษาไทยไป ตม. อ่านไม่ออก อาจอดเที่ยวได้นะ ลองมาดูข้อแตกต่างของแบบเก่ากับแบบใหม่กัน > แบบใหม่จะไม่มีช่องใส่ข้อมูลต่อไปนี้< ~ Passport No. (เลขพาสปอร์ต) ~ Home Address (ที่อยู่บ้านเรา) ~ Flight (Vessel) No. (หมายเลขเที่ยวบินที่มา) ~ Port of Boarding (สนามบินต้นทาง) ~ Official Only (สำหรับเจ้าหน้าที่) ***แต่ ๆๆๆ เค้าได้ขยายช่องใส่ข้อมูลที่อยู่ในเกาหลี ตามที่เราจะไปพักให้ใหญ่ขึ้นจุใจ ไม่ต้องเขียนเบียด ๆ ตัวเล็กแบบที่ผ่านมาแล้วจ้า*** นอกจากนี้หลายใครยังงงว่าจะเขียนยังไง พลิกไปที่ด้านหลังจะมีคำอธิบายวิธีการเขียนให้ด้วยนะ ไม่ต้องสะกิดถามคนข้าง ๆ แล้ว ~สะดวกได้อีก~ ^_^ เห็นไหม ตม. เกาหลี เค้ารอต้อนรับนักท่องเที่ยวไทยขนาดนี้ ถ้าเราไปเที่ยวจริงซื้อตั๋วตะลุยเกาหลีโลด อย่าไปกลัว ตม. จ้า ^_^ ปล. อย่าลืมไปให้กำลังใจกันต่อหรืออ่านรีวิวอื่น ๆ เกี่ยวกับเกาหลีได้ที่ https://m.facebook.com/onceinkorea หรือค้นหาทางเฟซบุ๊กคำว่า "@onceinkorea" ได้เลยค่ะ หมายเหตุ : สายการบินอาจจะยังคงแจกแบบฟอร์มใบ ตม. เดิมอยู่นะคะ น่าจะใช้แบบเดิมให้หมดก่อน แต่แบบฟอร์มใหม่สามารถหยิบได้ที่จุดเขียนใบเข้าเมือง

ทัวร์ญี่ปุ่น /

ตามรอยแฟนเดย์ กับ 10 ที่เที่ยวฮอกไกโดสุดโรแมนติก

บริษัททัวร์คุณภาพ เหนือด้วยราคา และคุณภาพ ข่าวสารอัพเดท   ภาพจาก เฟซบุ๊ก แฟนเดย์..แฟนกันแค่วันเดียว           เที่ยวฮอกไกโด ญี่ปุ่น ตามรอยภาพยนตร์แฟนเดย์ ไปสัมผัส 10 ที่เที่ยวฮอกไกโด บรรยากาศสุดโรแมนติก สวยงามราวกับดินแดนในฝัน หลังจากที่ภาพยนตร์เรื่องแฟนเดย์ ได้ออกฉายสู่แฟนหนังชาวไทยแล้ว ก็ได้รับเสียงตอบรับที่ดีอย่างล้นหลาม ไม่ว่าจะเป็นทั้งนักแสดง เนื้อเรื่อง เพลงประกอบภาพยนตร์ และที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ สถานที่ถ่ายทำ ที่ทำให้คนดูประทับใจมาก ๆ ซึ่งไม่เสียแรงเลยที่ทีมงานยกกองถ่ายไปถ่ายกันไกลถึงเกาะฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น วันนี้เราจึงจะพาไปตามรอยภาพยนตร์เรื่องนี้กันค่ะ พาไปดูสถานที่ถ่ายทำสวย ๆ บรรยากาศสุดโรแมนติก จะมีที่ไหนบ้าง ไปเก็บข้อมูลกันเลย 1. คลองโอตารุ (Otaru Canal) เมืองโอตารุ เมืองโอตารุ เป็นเมืองท่าเล็ก ๆ ของกิ่งจังหวัดชิริเบะชิ (Shiribeshi Subprefecture) ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของซัปโปโร (Sapporo) บนเกาะฮอกไกโด เป็นเมืองท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั่วโลก ด้วยมีบรรยากาศที่สวยงาม เงียบสงบ เต็มไปด้วยกลิ่นอายของเมืองเก่าแก่ ซึ่งแลนด์มาร์กอันโดดเด่นของเมืองนี้ ก็คือ คลองโอตารุ (Otaru Canal) เป็นลำคลองเล็ก ๆ มีตึกโกดังเก่าแก่ตั้งเรียงรายอยู่ริมคลองด้านหนึ่งอย่างสวยงาม ส่วนอีกฝั่งทำเป็นทางเดินริมน้ำ มีเสาไฟสไตล์ยุโรปเรียงรายไปตลอดแนวคลอง ทำให้บรรยากาศยามเย็นของที่นี่งดงามสุด ๆ เพราะแสงไฟจะส่องแสงลงคลองระยิบระยับ มองออกไปทางด้านหนึ่งจะเห็นภูเขาลูกใหญ่เป็นฉากหลังอย่างสวยงาม สามารถนั่งเรือชมคลองได้ด้วย แล้วอย่างนี้จะบอกว่าที่นี่ไม่โรแมนติกได้ยังไง พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรี (Otaru Orgel Emporium/Otaru Music Box Museum) เมืองโอตารุ ภาพจาก NorGal / shutterstock.com      พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรี เป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวสุดคลาสสิกที่ห้ามพลาดของเมืองโอตารุ เพราะที่นี่จะมีการรวบรวมกล่องดนตรีหลากหลายแบบ หลากหลายสไตล์ไว้มากกว่า 1,000 ชิ้น และที่บอกว่าที่นี่มีความคลาสสิกก็เพราะว่าตั้งอยู่ในอาคารเก่าแก่สไตล์ยุโรป สร้างขึ้นจากอิฐแดง ส่วนด้านในจะเห็นเป็นโครงสร้างไม้ มีการวางเรียงกล่องดนตรีต่าง ๆ ไว้อย่างสวยงาม ซึ่งก็จะมีลวดลายที่แตกต่างกันไป ราคาก็มีทั้งสูงและต่ำ แต่รับรองได้ว่าสวยทุกชิ้น สามารถซื้อกลับมาเป็นของที่ระลึกหรือของฝากได้ นอกจากนี้ยังมีให้นักท่องเที่ยวทำกล่องดนตรีของตัวเองได้อีกด้วย นาฬิกาไอน้ำโบราณ (Steam Clock) เมืองโอตารุ ภาพจาก Javen / shutterstock.com    นาฬิกาไอน้ำโบราณ (Steam Clock) แห่งเมืองโอตารุ เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญของเมืองโอตารุ ตั้งอยู่ด้านหน้าพิพิธภัณฑ์กล่องดนตรี เป็นนาฬิกาไอน้ำเก่าแก่ที่เมืองแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา มอบให้แก่เมืองโอตารุ ความโดดเด่นของเจ้านาฬิกาเรือนนี้ นอกจากจะมีรูปลักษณ์ที่งดงามในสไตล์อังกฤษแล้ว ยังคอยจะส่งเสียงเพลงและพ่นไอน้ำออกมาในทุก ๆ 15 นาทีอีกด้วย คิโรโระ สกี

ทัวร์ญี่ปุ่น /

มาแล้ว หิมะแรกแห่งปี 2016 บนภูเขาไฟฟูจิ ญี่ปุ่น

บริษัททัวร์คุณภาพ เหนือด้วยราคา และคุณภาพ ข่าวสารอัพเดท   มาแล้ว ! หิมะแรกของภูเขาไฟฟูจิ ประเทศญี่ปุ่น เตรียมตัววางแผนไปเที่ยวญี่ปุ่น หน้าหนาวกันได้เลย ไปชมภูเขาไฟฟูจิ ที่เที่ยวญี่ปุ่นสวยตระการตา ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาว และมีวิวธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ บอกเลยหนาวนี้ไม่ควรพลาด สำหรับใครที่กำลังวางแผนจะไปเที่ยวญี่ปุ่นในช่วงฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวนี้ เตรียมร้องเฮดัง ๆ เลยค่ะ เพราะเว็บไซต์ asahi.com ได้เปิดเผยว่าตอนนี้บนยอดภูเขาไฟฟูจิเริ่มมีหิมะแรกโปรยปรายลงมาแล้ว สร้างความตื่นเต้นให้กับนักท่องเที่ยวที่อยากเห็นภูเขาไฟฟูจิปกคลุมไปด้วยหิมะมากเลยทีเดียว ใกล้เข้ามาแล้วจริง ๆ สำหรับฤดูกาลหน้าหนาวของญี่ปุ่น เพราะเมื่อวันที่ 25 กันยายน 2559 เริ่มมีหิมะแรกโปรยปรายลงมาที่ภูเขาไฟฟูจิแล้ว ซึ่งหิมะแรกบนภูเขาไฟฟูจิในปีนี้ถือว่ามาเร็วกว่าเมื่อปีที่แล้วถึง 16 วัน โดยหิมะที่ตกลงมาในวันแรกนั้นยังไม่หนามากนัก ยังไม่สามารถเห็นได้จากระยะไกล ต้องมองในมุมสูงและใกล้กับยอดภูเขาไฟฟูจิ จึงจะเห็นว่ามีหิมะสีขาวโพลนเริ่มปกคลุมพื้นที่บริเวณบนยอดเขา ซึ่งหลังจากนี้ไปจนถึงต้นฤดูร้อนของญี่ปุ่น ถ้านักท่องเที่ยวมาเที่ยวชมภูเขาไฟฟูจิ ก็จะได้เห็นภาพของยอดเขาที่เต็มไปด้วยหิมะสีขาวสุดอลังการ ภูเขาไฟฟูจิ เป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญของประเทศญี่ปุ่น มีลักษณะเป็นภูเขารูปทรงกรวยคว่ำ ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยวท่ามกลางธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ในเขตจังหวัดยะมะนะชิ (Yamanashin) และชิซุโอะกะ (Shizuoka) มีความสูงมากถึง 3,776 เมตร  จึงดูโดดเด่นและสง่างาม เป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางที่นักปีนเขาอยากจะได้สัมผัส   นอกจากนักท่องเที่ยวจะได้ชมความงดงามของภูเขาไฟฟูจิจากบริเวณโดยรอบแล้ว ก็ยังสามารถที่จะเข้าไปสัมผัสกับภูเขาไฟฟูจิได้อย่างใกล้ชิดอีกด้วย โดยในช่วงฤดูร้อน ระหว่างเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม ทางการญี่ปุ่นจะเปิดให้นักท่องเที่ยวสามารถปีนขึ้นไปบนยอดเขาได้ โดยการปีนภูเขาไฟฟูจิจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1-3 วัน ขึ้นอยู่กับว่านักท่องเที่ยวจะปีนขึ้นไปจนถึงระดับไหน เพราะที่นี่มีให้ปีนได้มากถึง 10 ระดับ   ภาพจาก KP Photograph / shutterstock.com สิ่งที่นักท่องเที่ยวต้องการเห็นมากที่สุดบนยอดภูเขาไฟฟูจิก็คือ ภาพของพระอาทิตย์ขึ้น ชาวญี่ปุ่นจะเรียกว่า โกไรโค โดยช่วงเวลาที่เหมาะสมมากที่สุดก็คือ ระหว่างเวลา 04.30-05.30 น. ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าใครสามารถขึ้นไปถึงยังยอดเขาไฟฟูจิแล้ว ก็จะได้รับเกียรติบัตรจาก Yamanashi Prefecture Tourist Association อีกด้วย สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการปีนเขาไฟฟูจิได้ที่ jnto.or.th (ภาษาไทย), fujisan-climb.jp (ภาษาอังกฤษ) และ jnto.go.jp(ภาษาอังกฤษ)           เอาเป็นว่าถ้าใครมีตั๋วเครื่องบินไปญี่ปุ่นอยู่ในมือแล้ว ก็จับไว้ให้แน่น ๆ แล้วเตรียมตัวให้พร้อม เพื่อไปยลโฉมฟูจิในรูปแบบที่เต็มไปด้วยหิมะสวยงามอลังการ ส่วนใครยังไม่มีตั๋ว ก็วางแผนให้ดี ๆ ค่ะ ว่าจะไปเที่ยวเลยปีนี้ หรือรอปีหน้า แต่ถ้ามีกำลังทรัพย์แล้ว ก็อย่ารอเวลาเลยค่ะ เพราะเวลาก็จะไม่รอเราเหมือนกัน :) ขอขอบคุณข้อมูลจาก : asahi.com, jnto.or.th, fujisan-climb.jp, jnto.go.jp

ทัวร์อเมริกา /

15 ที่เที่ยวอเมริกา ปักหมุดแลนด์มาร์กเด่น ๆ ไปแล้วต้องเช็กอิน

แพลนเนท ฮอลลิเดย์ บริษัททัวร์คุณภาพ เหนือด้วยราคา และคุณภาพ ข่าวสารอัพเดท     สหรัฐอเมริกา ดินแดนที่หลายคนอยากไปเยี่ยมเยือนสักครั้ง ยิ่งในช่วงนี้สายการบินต่าง ๆ เริ่มออกโปรโมชั่นตั๋วเครื่องบินกันมาแบบกระชากใจสุด ๆ ก็ยิ่งทำให้ความฝันการไปเยือนสหรัฐอเมริกาเป็นเรื่องที่ง่ายมากยิ่งขึ้น เอาล่ะ...เมื่อความฝันเริ่มคืบคลานเข้ามาใกล้ทีละนิด เราก็ต้องมาเตรียมตัวให้พร้อม เพื่อที่จะได้สนุกสนานกับจุดปลายหมายทางได้อย่างเต็มที่ สิ่งแรกเรามาเก็บข้อมูลที่เที่ยวเด่น ๆ ของสหรัฐอเมริกากันก่อนดีกว่า เวลาที่มีโปรโมชั่นตั๋วเครื่องบินออกมา จะได้กดจองจุดหมายปลายทางกันได้ทันที งั้นมาเริ่มกันเลย ! 1. อนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพ (Statue of Liberty) นครนิวยอร์ก อนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพ สัญลักษณ์สำคัญของประเทศสหรัฐอเมริกา ตั้งอยู่บนเกาะลิเบอร์ตี อ่าวนิวยอร์ก สร้างด้วยโลหะสำริด มีลักษณะเป็นรูปร่างผู้หญิง สวมใส่ผ้าคลุมไหล่ ถือคบเพลิงอยู่ที่มือด้านขวา และถือหนังสือกฎหมายอยู่ที่มือด้านซ้าย ซึ่งมีวันที่ของการลงนามคำประกาศอิสรภาพของสหรัฐอเมริกา (The Declaration of Independence) เขียนไว้เป็นของขวัญที่ชาวฝรั่งเศสมอบให้กับอเมริกาในวันครบรอบ 100 ปีแห่งอิสรภาพ จากฐานของเทพีเสรีภาพจนถึงปลายของคบเพลิงสูงประมาณ 93.3 เมตร ซึ่งถ้าหากได้ไปยืนที่ฐานจะเห็นถึงความใหญ่โตมโหฬารของเทพีเสรีภาพ นักท่องเที่ยวยังสามารถขึ้นบันไดวน 162 ขั้น เพื่อไปชมวิวเมืองนิวยอร์กจากบนยอดมงกุฎได้อีกด้วย   น้ำตกไนแองการา (Niagara Falls) รัฐนิวยอร์ก    น้ำตกไนแองการา เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ระหว่างพรมแดนของสหรัฐอเมริกา ที่รัฐนิวยอร์ก และประเทศแคนาดา ที่เมืองโทรอนโต รัฐออนแทรีโอ ซึ่งเป็นน้ำตกที่อยู่บนแม่น้ำไนแองการา เมื่อมวลน้ำมหาศาลมาสู่จุดที่แผ่นดินยุบตัว จึงกลายเป็นน้ำตกขนาดมหึมา มีทั้งหมด 3 แห่งในบริเวณเดียวกัน คือ American Falls, Bridal Veil Falls และ Canadian Falls นักท่องเที่ยวสามารถที่จะนั่งเรือเข้าไปชมน้ำตกได้อย่างใกล้ชิด ซึ่งจะเห็นความยิ่งใหญ่ของน้ำตกที่สูงมากกว่า 50 เมตร และกว้างมากกว่า 300-800 เมตร (American Falls และ Bridal Veil Falls สูง 53.6 เมตร กว้าง 323.08 เมตร ส่วน Canadian Falls สูง 50.9 เมตร กว้าง 792.4 เมตร) สามารถไปเที่ยวชมได้ตลอดทั้งปี แต่หน้าหนาวจะหนาวมาก และน้ำตกจะเป็นน้ำแข็ง   แอนเทอโลป แคนยอน (Antelope Canyon) รัฐแอริโซนา   แอนเทอโลป แคนยอน เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีชื่อเสียงอีกแห่งหนึ่งของสหรัฐอเมริกา ตั้งอยู่ในเมือง Page รัฐแอริโซนา (Arizona) มีลักษณะเป็นหุบเขาหินทรายสีแดง แบ่งเป็น

ทัวร์ไต้หวัน /

10 ที่เที่ยวไทเปยามค่ำคืน ไปเที่ยวไต้หวันคราวนี้ตะลุยราตรีให้หนำใจ

แพลนเนท ฮอลลิเดย์ บริษัททัวร์คุณภาพ เหนือด้วยราคา และคุณภาพ ข่าวสารอัพเดท   ที่เที่ยวไทเปยามค่ำคืน เมืองแห่งสีสันของไต้หวัน ใครอยากเที่ยวไต้หวันในยามราตรี แต่ไม่รู้จะไปเที่ยวที่ไหนดี เรามีที่เที่ยวไต้หวันยามค่ำคืนมาแนะนำ เกาะไต้หวัน กำลังเป็นที่นิยมมาก ๆ สำหรับนักท่องเที่ยวทั่วโลกในตอนนี้ ด้วยที่นี่มีธรรมชาติที่สวยงามและวัฒนธรรมที่น่าหลงใหลไม่แพ้ประเทศไหน ๆ ในเอเชีย มีอาหารอร่อย สถานที่ท่องเที่ยวที่หลากหลาย ผู้คนเป็นมิตร แล้วแบบนี้ใครจะปฏิเสธที่จะไม่หลงรักไต้หวันได้ลงคอ โดยเฉพาะที่เมืองไทเป ซึ่งเป็นเมืองหลวงของเกาะไต้หวัน ก็มีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย แค่ให้เที่ยวในไทเปก็สามารถเต็มอิ่มกับความเป็นไต้หวันได้แล้ว และเพื่อเอาใจคนชอบเที่ยวไทเป วันนี้กระปุกดอทคอมจึงขอจัดที่เที่ยวไทเปยามค่ำคืนมาให้สักหน่อย จะมีที่เที่ยวที่ไหนน่าสนใจบ้าง ไปดูกันเลย   new data conntent 1. ย่านซีเหมินติง (Ximending) ภาพจาก Sean Pavone / shutterstock.com เป็นที่ทราบกันดีว่าย่านซีเหมินติง (Ximending) เป็นย่านที่มีความคึกคักมากที่สุดแห่งหนึ่งของไทเป เพราะในบริเวณนี้เป็นศูนย์กลางทางด้านการเงิน เศรษฐกิจ การค้า และการท่องเที่ยว โดยรอบเต็มไปด้วยศูนย์การค้า ร้านค้า แหล่งช้อปปิ้งมากมาย พร้อมทั้งร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก ผับ บาร์ คาเฟ่ ฯลฯ เพราะฉะนั้นในยามค่ำคืนของที่นี่ก็จะมีแต่แสงสี มีวัยรุ่นไต้หวันและนักท่องเที่ยวมาเดินเล่นมากมาย ถือได้ว่าเป็นย่านที่มีสีสันมากที่สุดแห่งหนึ่งของไต้หวัน ใครมีโอกาสไปเที่ยวไต้หวันต้องไม่พลาดไปเช็กอินที่นี่   วัดหลงซาน (Longshan Temple) หลายท่านอาจจะแปลกใจว่าไปเที่ยววัดในเวลากลางคืนได้ด้วยหรือ ? สำหรับวัดหลงซาน สามารถเข้าไปเที่ยวชมได้ค่ะ เพราะจะเปิดตั้งแต่ 06.00-22.00 น. เลยทีเดียว วัดแห่งนี้ต้องบอกว่าต้องไปไหว้พระขอพรกันให้ได้สักครั้ง เพราะว่าเป็นวัดที่เก่าแก่มากของไต้หวัน สร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1738 จนถึงตอนนี้ (2016) ก็ประมาณ 278 ปีแล้ว ไม่เพียงเท่านั้นสิ่งที่น่าสนใจของวัดนี้อีกสิ่งก็คือสถาปัตยกรรม เราจะเห็นอาคารที่สร้างขึ้นอย่างสวยงามตามแบบฉบับศิลปะในสมัยนั้น ซึ่งต้องบอกว่าแต่ละส่วนนั้นทำกันอย่างประณีตมาก ไม่ว่าจะเป็นหลังคา เสา บานหน้าต่าง ประตูทางเข้า หรือแม้แต่การตกแต่งในส่วนต่าง ๆ สวยงามจนต้องตะลึงไปเลย นอกจากนั้นคนไต้หวันยังเชื่อว่าการมาไหว้ขอพรจากเทพเจ้าที่นี่ยังศักดิ์สิทธิ์มาก ๆ อีกด้วย โดยเฉพาะเรื่องของความรัก เอ้า...คนโสดอย่าพลาดเชียว   Huaxi Night Market ภาพจาก Richie Chan / shutterstock.com Huaxi night market เป็นตลาดกลางคืนที่มีความเก่าแก่มากที่สุดแห่งหนึ่งของไต้หวัน ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1951 ตั้งอยู่ไม่ไกลจากวัดหลงซาน (Longshan Temple) เพียงเดินข้ามถนนมาเท่านั้น ก็จะเจอกับตลาดขายของกิน อาหารพื้นเมืองมากมายหลากหลายชนิด ราคาไม่แพง
Promotion 0%