แบนเนอร์บทความ

ทวีปออสเตรเลีย /

10 ประเทศจุดหมายปลายทางที่ต้องไปค้นหาในปี 2018

มาแล้วผลสำรวจ 10 ประเทศห้ามพลาดและน่าไปเที่ยวในปี 2018 จากโลนลี แพลนเน็ต (Lonely Planet) เป็นตัวเลือกการท่องเที่ยวต่างประเทศดี ๆ สำหรับผู้ที่หลงใหลการเดินทาง เตรียมตัวไว้แล้วไปเช็กอินพร้อมกันในปี 2018 สำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากจะตระเวนเที่ยวให้รอบโลก แต่ยังไม่รู้ว่าจะปักหมุดไปเที่ยวที่ไหนดี ลองมาดูทางนี้ค่ะ โลนลี แพลนเน็ต (Lonely Planet) สำนักพิมพ์ท่องเที่ยวชื่อดัง และมีนักเขียนเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านการเดินทางท่องเที่ยวทั่วโลกได้เปิดเผยรายชื่อ 10 ประเทศที่ควรค่าแก่การไปเยือนในปี 2018 มาให้แล้ว ซึ่งเป็นประเทศที่มีความน่าสนใจทั้งแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติและวัฒนธรรม จากประสบการณ์การเดินทางของนักท่องเที่ยวตัวยง ไปดูสิว่าเขาแนะนำให้ไปเที่ยวที่ไหนดีในปี 2018 ^^ 1. ประเทศชิลี เที่ยวต่างประเทศ 2018 ประเทศชิลี ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของทวีปอเมริกาใต้ เป็นประเทศที่มีภูมิประเทศที่โดดเด่นมาก ๆ เพราะทางด้านตะวันตกของประเทศนั้นก็ทอดยาวขนานไปกับมหาสมุทรแปซิฟิก โดยที่ทางตะวันออกก็ขนานไปกับเทือกเขาแอนดีส จึงทำให้ประเทศชิลีเป็นประเทศที่มีธรรมชาติหลากหลายแบบ อีกทั้งยังเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมโบราณ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของชิลีก็คือ เกาะอีสเตอร์ (Easter Island) ในตำนานโมไอ นอกจากนี้ชิลีก็ยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกมากมาย อาทิ เมืองซานเตียโก (Santiago), เมืองบัลปาราอีโซ (Valparaiso), San Rafael Glacier, Valle de la Luna, Torres del Paine National Park, Pucon, Lauca National Park เป็นต้น 2. ประเทศเกาหลีใต้ เที่ยวต่างประเทศ 2018 ประเทศเกาหลีใต้ เป็นประเทศที่นอกจากจะมีแหล่งท่องเที่ยวสวย ๆ มากมายแล้ว ก็ยังมีวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่น ไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรมดั้งเดิมหรือวัฒนธรรมสมัยใหม่ก็ล้วนแต่มีเสน่ห์ เมื่อผนวกกับลักษณะของภูมิประเทศสวย ๆ และภูมิอากาศที่ดีตลอดทั้งปี ก็ทำให้ประเทศแห่งนี้กลายเป็นประเทศที่น่าหลงใหลไปได้อย่างง่ายดาย ใครอยากเที่ยวธรรมชาติก็มีทั้งป่าเขาและท้องทะเลให้ไปสัมผัส หรือถ้าอยากเรียนรู้วัฒนธรรมโบราณก็สามารถไปเยี่ยมชมพระราชวังเก่าแก่ได้ง่าย ๆ ในกรุงโซล หรือถ้าอยากเป็นนักท่องเที่ยวสายฮิปสเตอร์ ตอนนี้ก็มีแหล่งท่องเที่ยวเก๋ ๆ เกิดมากมาย รวมทั้งร้านอาหาร ร้านกาแฟบรรยากาศดีหลากหลายแบบที่จะทำให้คุณหลงรักเกาหลีใต้แบบถอนตัวไม่ขึ้นเลยล่ะ อีกทั้งในปี 2018 นี้ ประเทศเกาหลีใต้ก็จะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาว 2018 ที่เมืองพย็องชัง (Pyeongchang) มันก็ดูจะคุ้มค่านะที่จะได้ทั้งเที่ยวและไปชมการแข่งขันระดับโลก ^^ สถานที่ท่องเที่ยวเกาลีใต้ที่น่าสนใจ อาทิ Gyeongbokgung Palace, Namiseom

ทัวร์เกาหลี /

เรื่องน่ารู้เกาะนามิ เกาหลีใต้ เที่ยวด้วยตัวเองได้ ประทับใจเหมือนกัน

  รวบรวมเรื่องราวดี ๆ ที่น่าสนใจของเกาะนามิ เพื่อประโยชน์สำหรับนักท่องเที่ยวที่กำลังจะไปเที่ยวเกาะนามิด้วยตัวเอง มีวิธีการเดินทางหลายแบบ ไปแบบเช้าไป-เย็นกลับได้จากกรุงโซล   เกาะนามิ เป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวสุดฮอตของประเทศเกาหลีใต้ ได้ชื่อว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่โรแมนติกและสวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก นักท่องเที่ยวที่หลงใหลในธรรมชาติจึงอยากที่จะไปเยี่ยมเยือนที่นี่กันสักครั้ง ซึ่งจากกรุงโซลก็เดินทางไปเที่ยวเกาะนามิได้ไม่ยากเลยค่ะ ไปเที่ยวเองก็ได้ มีหลากหลายวิธีการเดินทาง วันนี้เราจึงได้รวบรวมเรื่องราวดี ๆ เกี่ยวกับเกาะนามิมาฝากกัน จะมีอะไรบ้าง ไปดูกันค่ะ เกาะนามิ - เกาะนามิ (Namiseom Island) ตั้งอยู่ที่เมืองชุนช็อน (Chuncheon-si) จังหวัดคังว็อน (Gangwon-do) ทางตอนเหนือของประเทศเกาหลีใต้ มีลักษณะเป็นเกาะเล็ก ๆ อยู่กลางแม่น้ำฮัน (Han River) รูปร่างคล้ายพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว ซึ่งเกิดจากการสร้างเขื่อนช็องพย็อง (Cheongpyeong DamX) - เกาะนามิโด่งดังขึ้นจากซีรี่ย์เรื่อง Winter Sonata โดยใช้เกาะนามิเป็นสถานที่ถ่ายทำฉากโรแมนติก ที่นี่จึงกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่คู่รักนิยมมาเที่ยวกันตลอดทั้งปี และห้ามพลาดที่จะถ่ายภาพคู่กับรูปปั้นพระ-นางจากซีรีย์เรื่องดังกล่าว เกาะนามิ ภาพจาก Guitar photographer / Shutterstock.com - เกาะนามิ มีพื้นที่ทั้งหมดราว ๆ 553,560 ตารางเมตร พื้นที่ส่วนใหญ่จะเป็นที่ราบ มีต้นเกาลัด ต้นแป๊ะก๊วย ต้นสนและอื่น ๆ อีกมากมาย พร้อมทั้งลานสนามหญ้ากว้างใหญ่ บรรยากาศเงียบสงบ เหมาะแก่การมาเที่ยวพักผ่อน สูดอากาศบริสุทธิ์ และนอนพักกางเต็นท์ - เกาะนามิ อยู่ห่างจากกรุงโซล (Seoul) ประมาณ 63 กิโลเมตร ถ้าขับรถไปเที่ยวจากโซลก็จะใช้เวลาเดินทางงเพียงแค่ราว ๆ 1-1.30 ชั่วโมงเท่านั้น และพื้นที่บนเกาะนามิก็ไม่ใหญ่มาก สามารถเที่ยวได้แบบเช้าไป-เย็นกลับ ชาวเกาหลีจึงนิยมที่จะมาเที่ยวที่นี่ในช่วงวันหยุด เกาะนามิ ภาพจาก UKRID / Shutterstock.com - เกาะนามิมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของเกาหลีใต้ ถูกค้นพบโดย Minn Byeong Do ที่นี่เป็นที่ตั้งหลุมฝังศพของนายพลนามิ (General Nami) นักรบผู้ยิ่งใหญ่แห่งประวัติศาสตร์เกาหลีใต้ ผู้ที่สามารถนำทัพกวาดล้างจราจลในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ - ในเดือนธันวาคม ปี ค.ศ. 2010 เกาะนามิได้รับเลือกเป็น UNICEF Child Friendly Park ซึ่งเป็นสถานที่แรกของเกาหลีใต้ที่ได้รับเลือก และยังเป็น 1 ใน 14

ทัวร์ฮ่องกง /

ที่เที่ยวฮ่องกงสุดฮิต ทริปเที่ยวฮ่องกงด้วยตัวเองไม่ควรพลาด

ที่เที่ยวฮ่องกง รวมมิตรที่เที่ยวฮิตของฮ่องกง ที่ใครไปเที่ยวฮ่องกงจะต้องไปเก็บให้ครบ เหมาะกับการวางแผนเที่ยวฮ่องกงด้วยตนเอง จะมีที่เที่ยวฮ่องกงที่ไหนห้ามพลาดบ้าง ไปดูกัน ฮ่องกง สถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมตลอดกาล มีนักท่องเที่ยวมากมายจากทั่วโลกต้องการมาสัมผัสที่นี่กันสักครั้ง ซึ่งก็เหมือนความโชคดีของคนไทยที่ฮ่องกงอยู่ไม่ไกลเท่าไร มีหลายสายการบินให้บริการเส้นทางบินตรง และยังจัดโปรโมชั่นลดกระหน่ำกันอยู่เรื่อย ๆ และสำหรับใครที่กำลังวางแผนจะไปเที่ยวฮ่องกง วันนี้เราได้รวบรวมสถานที่ท่องเที่ยวฮ่องกงห้ามพลาดมาไว้ให้ที่นี่แล้วค่ะ จะมีที่ไหนบ้างไปดูกันเลย   new data conntent เกาะลันเตา           - นั่งกระเช้านองปิง ไหว้พระใหญ่ วัดโปลิน (หยุดให้บริการระหว่างเดือนมกราคม-มิถุนายน 2560)   การนั่งกระเช้านองปิง เพื่อขึ้นไปไหว้พระใหญ่ ที่วัดโปลิน ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่ห้ามพลาดของฮ่องกง นักท่องเที่ยวจะได้นั่งกระเช้าเพื่อชมวิวอันสวยงามทั้งป่าเขา และอ่าวกว้างใหญ่ ก่อนจะไปถึงยังบริเวณวัดโปลิน โดยใช้เวลาประมาณ 25-30 นาที กระเช้ามีให้เลือกทั้งแบบธรรมดาและแบบพื้นกระจกใส ใครชอบแบบไหนก็จัดกันไปเลยค่ะ เมื่อกระเช้าไปถึงบริเวณหมู่บ้านนองปิง นักท่องเที่ยวจะต้องเดินผ่านร้านค้า ร้านขายของที่ระลึก ก่อนที่จะไปถึงด้านหน้าวัดโปลิน แล้วจะต้องเดินขึ้นบันไดไปอีกประมาณ 268 ขั้น เพื่อขึ้นไปไหว้สักการะพระใหญ่ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ np360.com.hk (กระเช้านองปิงหยุดให้บริการระหว่างเดือนมกราคมถึงมิถุนายน 2560)   - ฮ่องกงดิสนีย์แลนด์ ภาพจาก psgxxx / shutterstock.com สาวกดิสนีย์ต้องไม่พลาดที่จะไปเที่ยวชมอาณาจักรแห่งเวทมนตร์ ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเทพนิยาย พร้อมสนุกสนานไปกับเครื่องเล่นและความบันเทิงมากมาย อีกทั้งที่นี่ยังเพียบพร้อมไปด้วยร้านอาหาร ร้านค้า และที่พัก มาที่เดียว เที่ยวได้แบบครบรส ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ hongkongdisneyland.com   - ซิตี้เกต เอาท์เลท ภาพจาก Hatchapong Palurtchaivong / shutterstock.com ถ้าใครอยากช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนมในราคาย่อมเยา ต้องไม่พลาดไปเดินช้อปปิ้งกันที่นี่ค่ะ มีหลากหลายแบรนด์ชั้นนำให้เลือกซื้ออย่างจุใจ บางแบรนด์ยังลดกระหน่ำ หยิบจับกันไม่ทันเลยทีเดียว ถ้าใครมาแวะซื้อของฝากก่อนกลับไปสนามบิน ก็มีซูเปอร์มาร์เกตอยู่ชั้นใต้ดิน ให้เลือกซื้อขนมและของฝากอื่น ๆ ด้วย ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ citygateoutlets.com   เกาะเกาลูน - A Symphony of Lights A Symphony of Lights เป็นการแสดงแสง สี เสียง สุดอลังการของฮ่องกง ที่จะทำให้ตึกและอาคารสูงใหญ่บนเกาะฮ่องกง บริเวณริมอ่าววิคตอเรียมีชีวิตชีวา เต็มไปด้วยความอลังการของแสงไฟยามค่ำคืน การแสดงจะมีให้ชมทุกวัน ในเวลา 20.00 น. มีรอบภาษาอังกฤษทุกวันจันทร์ วันพุธ และวันศุกร์ การแสดงจะใช้เวลาประมาณ 13 นาที จุดที่สามารถชม A Symphony of Lights ได้จะอยู่ทางฝั่งเกาะเกาลูน ไล่มาตั้งแต่บริเวณอเวนิว ออฟ สตาร์ ไปจนถึงบริเวณหอนาฬิกา แต่จุดที่สามารถมองเห็นการแสดงได้สวยงาม จะอยู่ด้านบนจุดชมวิวบริเวณด้านหน้าหอนาฬิกา ต้องรีบไปจับจองที่นั่งสักนิด หรือถ้าใครอยากนั่งล่องเรือชมในอ่าววิคตอเรียก็ได้เช่นกัน สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ discoverhongkong.com - หอนาฬิกา ภาพจาก Sean Pavone / shutterstock.com หอนาฬิกา เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กที่ต้องไปเช็กอินกันให้ได้

ทวีปยุโรป /

การเตรียมตัวไปดูแสงเหนือเบื้องต้น กับ 10 เรื่องน่ารู้ก่อนวางแผนเดินทาง

บริษัททัวร์คุณภาพ เหนือด้วยราคา และคุณภาพ   การเตรียมตัวไปดูแสงเหนือ ใครที่ใฝ่ฝันอยากไปเห็นเแสงเหนือสักครั้งในชีวิต มาดูข้อมูลการตรียมตัวไปดูแสงเหนือเบื้องต้นได้เลยที่นี่ แสงเหนือดูได้ที่ไหน ค่าใช้จ่ายเท่าไร ต้องเตรียมอะไรไปบ้าง ไปดูกัน เชื่อเถอะว่า "แสงเหนือ" เป็นปรากฏการณ์ที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกอยากมีโอกาสได้เห็นด้วยตาตัวเองสักครั้งในชีวิต และมันก็เป็นไปได้ ถ้าคุณวางแผนอย่างดี และมี "ดวง" หลังจากที่เราเคยนำเสนอ 7 ประเทศตามล่าแสงเหนือ วันนี้เราจึงได้รวบรวมวิธีการเตรียมตัวและข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับการไปเที่ยวชมแสงเหนือมาฝากกัน จะมีอะไรน่าสนใจบ้าง ไปดูกัน new data conntent จะไปดูแสงเหนือได้ที่ไหน ปรากฏการณ์แสงเหนือ หรือ Aurora Borealis สามารถเห็นได้ในหลายประเทศที่อยู่ในโซนติดกับขั้วโลกเหนือ อาทิ ประเทศไอซ์แลนด์, ประเทศสวีเดน, เกาะกรีนแลนด์ ประเทศเดนมาร์ก, ประเทศฟินแลนด์, ประเทศรัสเซีย, รัฐอะแลสก้า ประเทศสหรัฐอเมริกา, ประเทศแคนาดา, ประเทศนอร์เวย์, ประเทศสกอตแลนด์ เป็นต้น เลือกไปเที่ยวชมแสงเหนือที่ไหนดี ปรากฏการณ์แสงเหนือ เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ เพราะฉะนั้นคงการันตีฟันธงไม่ได้ว่าไปเที่ยวที่ไหนแล้วจะได้เห็นแน่ ๆ เพราะฉะนั้นคงต้องมาคำนวณกันที่บรรยากาศของสถานที่รับชม และค่าใช้จ่าย ซึ่งโดยส่วนมากแล้วถ้าเลือกที่จะได้เห็นแสงเหนือ พร้อม ๆ กับวิวสุดอลังการของธรรมชาติ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เลือกไปที่ประเทศไอซ์แลนด์ แต่ถ้าเลือกที่งบประมาณ ประเทศรัสเซียจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด เพราะคนไทยไม่ต้องเสียเงินทำวีซ่า และค่าครองชีพยังถูกกว่าประเทศในโซนแถบประเทศในกลุ่มนอร์ดิกอีกด้วย 10 จุดชมแสงเหนือ - ประเทศไอซ์แลนด์ >> ชมได้ทั้งเกาะ แต่จุดที่นักท่องเที่ยวมักไปเฝ้ารอจะอยู่บริเวณ Kirkjufell Mountain - ประเทศฟินแลนด์ >> ภูมิภาค Lapland - ประเทศแคนาดา >> เมืองเยลโลว์ ไนฟ์ (Yellowknife) - กรีนแลนด์ ประเทศเดนมาร์ก >> เขต Kangerlussuaq - ประเทศรัสเซีย >> เมือง Murmansk - ประเทศนอร์เวย์ >> เมือง Tromso - รัฐอะแลสกา ประเทศอเมริกา >> เมือง Fairbanks - ประเทศสวีเดน >> Kiruna, Abisko - ประเทศเดนมาร์ก >> Faroe Islands - ประเทศสกอตแลนด์ >> Isle of Skye, Aberdeen

ทัวร์ญี่ปุ่น /

ตามรอยแฟนเดย์ กับ 10 ที่เที่ยวฮอกไกโดสุดโรแมนติก

บริษัททัวร์คุณภาพ เหนือด้วยราคา และคุณภาพ ข่าวสารอัพเดท   ภาพจาก เฟซบุ๊ก แฟนเดย์..แฟนกันแค่วันเดียว           เที่ยวฮอกไกโด ญี่ปุ่น ตามรอยภาพยนตร์แฟนเดย์ ไปสัมผัส 10 ที่เที่ยวฮอกไกโด บรรยากาศสุดโรแมนติก สวยงามราวกับดินแดนในฝัน หลังจากที่ภาพยนตร์เรื่องแฟนเดย์ ได้ออกฉายสู่แฟนหนังชาวไทยแล้ว ก็ได้รับเสียงตอบรับที่ดีอย่างล้นหลาม ไม่ว่าจะเป็นทั้งนักแสดง เนื้อเรื่อง เพลงประกอบภาพยนตร์ และที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ สถานที่ถ่ายทำ ที่ทำให้คนดูประทับใจมาก ๆ ซึ่งไม่เสียแรงเลยที่ทีมงานยกกองถ่ายไปถ่ายกันไกลถึงเกาะฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น วันนี้เราจึงจะพาไปตามรอยภาพยนตร์เรื่องนี้กันค่ะ พาไปดูสถานที่ถ่ายทำสวย ๆ บรรยากาศสุดโรแมนติก จะมีที่ไหนบ้าง ไปเก็บข้อมูลกันเลย 1. คลองโอตารุ (Otaru Canal) เมืองโอตารุ เมืองโอตารุ เป็นเมืองท่าเล็ก ๆ ของกิ่งจังหวัดชิริเบะชิ (Shiribeshi Subprefecture) ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของซัปโปโร (Sapporo) บนเกาะฮอกไกโด เป็นเมืองท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั่วโลก ด้วยมีบรรยากาศที่สวยงาม เงียบสงบ เต็มไปด้วยกลิ่นอายของเมืองเก่าแก่ ซึ่งแลนด์มาร์กอันโดดเด่นของเมืองนี้ ก็คือ คลองโอตารุ (Otaru Canal) เป็นลำคลองเล็ก ๆ มีตึกโกดังเก่าแก่ตั้งเรียงรายอยู่ริมคลองด้านหนึ่งอย่างสวยงาม ส่วนอีกฝั่งทำเป็นทางเดินริมน้ำ มีเสาไฟสไตล์ยุโรปเรียงรายไปตลอดแนวคลอง ทำให้บรรยากาศยามเย็นของที่นี่งดงามสุด ๆ เพราะแสงไฟจะส่องแสงลงคลองระยิบระยับ มองออกไปทางด้านหนึ่งจะเห็นภูเขาลูกใหญ่เป็นฉากหลังอย่างสวยงาม สามารถนั่งเรือชมคลองได้ด้วย แล้วอย่างนี้จะบอกว่าที่นี่ไม่โรแมนติกได้ยังไง พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรี (Otaru Orgel Emporium/Otaru Music Box Museum) เมืองโอตารุ ภาพจาก NorGal / shutterstock.com      พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรี เป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวสุดคลาสสิกที่ห้ามพลาดของเมืองโอตารุ เพราะที่นี่จะมีการรวบรวมกล่องดนตรีหลากหลายแบบ หลากหลายสไตล์ไว้มากกว่า 1,000 ชิ้น และที่บอกว่าที่นี่มีความคลาสสิกก็เพราะว่าตั้งอยู่ในอาคารเก่าแก่สไตล์ยุโรป สร้างขึ้นจากอิฐแดง ส่วนด้านในจะเห็นเป็นโครงสร้างไม้ มีการวางเรียงกล่องดนตรีต่าง ๆ ไว้อย่างสวยงาม ซึ่งก็จะมีลวดลายที่แตกต่างกันไป ราคาก็มีทั้งสูงและต่ำ แต่รับรองได้ว่าสวยทุกชิ้น สามารถซื้อกลับมาเป็นของที่ระลึกหรือของฝากได้ นอกจากนี้ยังมีให้นักท่องเที่ยวทำกล่องดนตรีของตัวเองได้อีกด้วย นาฬิกาไอน้ำโบราณ (Steam Clock) เมืองโอตารุ ภาพจาก Javen / shutterstock.com    นาฬิกาไอน้ำโบราณ (Steam Clock) แห่งเมืองโอตารุ เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญของเมืองโอตารุ ตั้งอยู่ด้านหน้าพิพิธภัณฑ์กล่องดนตรี เป็นนาฬิกาไอน้ำเก่าแก่ที่เมืองแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา มอบให้แก่เมืองโอตารุ ความโดดเด่นของเจ้านาฬิกาเรือนนี้ นอกจากจะมีรูปลักษณ์ที่งดงามในสไตล์อังกฤษแล้ว ยังคอยจะส่งเสียงเพลงและพ่นไอน้ำออกมาในทุก ๆ 15 นาทีอีกด้วย คิโรโระ สกี

ทัวร์ญี่ปุ่น /

มาแล้ว หิมะแรกแห่งปี 2016 บนภูเขาไฟฟูจิ ญี่ปุ่น

บริษัททัวร์คุณภาพ เหนือด้วยราคา และคุณภาพ ข่าวสารอัพเดท   มาแล้ว ! หิมะแรกของภูเขาไฟฟูจิ ประเทศญี่ปุ่น เตรียมตัววางแผนไปเที่ยวญี่ปุ่น หน้าหนาวกันได้เลย ไปชมภูเขาไฟฟูจิ ที่เที่ยวญี่ปุ่นสวยตระการตา ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาว และมีวิวธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ บอกเลยหนาวนี้ไม่ควรพลาด สำหรับใครที่กำลังวางแผนจะไปเที่ยวญี่ปุ่นในช่วงฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวนี้ เตรียมร้องเฮดัง ๆ เลยค่ะ เพราะเว็บไซต์ asahi.com ได้เปิดเผยว่าตอนนี้บนยอดภูเขาไฟฟูจิเริ่มมีหิมะแรกโปรยปรายลงมาแล้ว สร้างความตื่นเต้นให้กับนักท่องเที่ยวที่อยากเห็นภูเขาไฟฟูจิปกคลุมไปด้วยหิมะมากเลยทีเดียว ใกล้เข้ามาแล้วจริง ๆ สำหรับฤดูกาลหน้าหนาวของญี่ปุ่น เพราะเมื่อวันที่ 25 กันยายน 2559 เริ่มมีหิมะแรกโปรยปรายลงมาที่ภูเขาไฟฟูจิแล้ว ซึ่งหิมะแรกบนภูเขาไฟฟูจิในปีนี้ถือว่ามาเร็วกว่าเมื่อปีที่แล้วถึง 16 วัน โดยหิมะที่ตกลงมาในวันแรกนั้นยังไม่หนามากนัก ยังไม่สามารถเห็นได้จากระยะไกล ต้องมองในมุมสูงและใกล้กับยอดภูเขาไฟฟูจิ จึงจะเห็นว่ามีหิมะสีขาวโพลนเริ่มปกคลุมพื้นที่บริเวณบนยอดเขา ซึ่งหลังจากนี้ไปจนถึงต้นฤดูร้อนของญี่ปุ่น ถ้านักท่องเที่ยวมาเที่ยวชมภูเขาไฟฟูจิ ก็จะได้เห็นภาพของยอดเขาที่เต็มไปด้วยหิมะสีขาวสุดอลังการ ภูเขาไฟฟูจิ เป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญของประเทศญี่ปุ่น มีลักษณะเป็นภูเขารูปทรงกรวยคว่ำ ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยวท่ามกลางธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ในเขตจังหวัดยะมะนะชิ (Yamanashin) และชิซุโอะกะ (Shizuoka) มีความสูงมากถึง 3,776 เมตร  จึงดูโดดเด่นและสง่างาม เป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางที่นักปีนเขาอยากจะได้สัมผัส   นอกจากนักท่องเที่ยวจะได้ชมความงดงามของภูเขาไฟฟูจิจากบริเวณโดยรอบแล้ว ก็ยังสามารถที่จะเข้าไปสัมผัสกับภูเขาไฟฟูจิได้อย่างใกล้ชิดอีกด้วย โดยในช่วงฤดูร้อน ระหว่างเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม ทางการญี่ปุ่นจะเปิดให้นักท่องเที่ยวสามารถปีนขึ้นไปบนยอดเขาได้ โดยการปีนภูเขาไฟฟูจิจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1-3 วัน ขึ้นอยู่กับว่านักท่องเที่ยวจะปีนขึ้นไปจนถึงระดับไหน เพราะที่นี่มีให้ปีนได้มากถึง 10 ระดับ   ภาพจาก KP Photograph / shutterstock.com สิ่งที่นักท่องเที่ยวต้องการเห็นมากที่สุดบนยอดภูเขาไฟฟูจิก็คือ ภาพของพระอาทิตย์ขึ้น ชาวญี่ปุ่นจะเรียกว่า โกไรโค โดยช่วงเวลาที่เหมาะสมมากที่สุดก็คือ ระหว่างเวลา 04.30-05.30 น. ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าใครสามารถขึ้นไปถึงยังยอดเขาไฟฟูจิแล้ว ก็จะได้รับเกียรติบัตรจาก Yamanashi Prefecture Tourist Association อีกด้วย สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการปีนเขาไฟฟูจิได้ที่ jnto.or.th (ภาษาไทย), fujisan-climb.jp (ภาษาอังกฤษ) และ jnto.go.jp(ภาษาอังกฤษ)           เอาเป็นว่าถ้าใครมีตั๋วเครื่องบินไปญี่ปุ่นอยู่ในมือแล้ว ก็จับไว้ให้แน่น ๆ แล้วเตรียมตัวให้พร้อม เพื่อไปยลโฉมฟูจิในรูปแบบที่เต็มไปด้วยหิมะสวยงามอลังการ ส่วนใครยังไม่มีตั๋ว ก็วางแผนให้ดี ๆ ค่ะ ว่าจะไปเที่ยวเลยปีนี้ หรือรอปีหน้า แต่ถ้ามีกำลังทรัพย์แล้ว ก็อย่ารอเวลาเลยค่ะ เพราะเวลาก็จะไม่รอเราเหมือนกัน :) ขอขอบคุณข้อมูลจาก : asahi.com, jnto.or.th, fujisan-climb.jp, jnto.go.jp

ทัวร์อเมริกา /

15 ที่เที่ยวอเมริกา ปักหมุดแลนด์มาร์กเด่น ๆ ไปแล้วต้องเช็กอิน

แพลนเนท ฮอลลิเดย์ บริษัททัวร์คุณภาพ เหนือด้วยราคา และคุณภาพ ข่าวสารอัพเดท     สหรัฐอเมริกา ดินแดนที่หลายคนอยากไปเยี่ยมเยือนสักครั้ง ยิ่งในช่วงนี้สายการบินต่าง ๆ เริ่มออกโปรโมชั่นตั๋วเครื่องบินกันมาแบบกระชากใจสุด ๆ ก็ยิ่งทำให้ความฝันการไปเยือนสหรัฐอเมริกาเป็นเรื่องที่ง่ายมากยิ่งขึ้น เอาล่ะ...เมื่อความฝันเริ่มคืบคลานเข้ามาใกล้ทีละนิด เราก็ต้องมาเตรียมตัวให้พร้อม เพื่อที่จะได้สนุกสนานกับจุดปลายหมายทางได้อย่างเต็มที่ สิ่งแรกเรามาเก็บข้อมูลที่เที่ยวเด่น ๆ ของสหรัฐอเมริกากันก่อนดีกว่า เวลาที่มีโปรโมชั่นตั๋วเครื่องบินออกมา จะได้กดจองจุดหมายปลายทางกันได้ทันที งั้นมาเริ่มกันเลย ! 1. อนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพ (Statue of Liberty) นครนิวยอร์ก อนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพ สัญลักษณ์สำคัญของประเทศสหรัฐอเมริกา ตั้งอยู่บนเกาะลิเบอร์ตี อ่าวนิวยอร์ก สร้างด้วยโลหะสำริด มีลักษณะเป็นรูปร่างผู้หญิง สวมใส่ผ้าคลุมไหล่ ถือคบเพลิงอยู่ที่มือด้านขวา และถือหนังสือกฎหมายอยู่ที่มือด้านซ้าย ซึ่งมีวันที่ของการลงนามคำประกาศอิสรภาพของสหรัฐอเมริกา (The Declaration of Independence) เขียนไว้เป็นของขวัญที่ชาวฝรั่งเศสมอบให้กับอเมริกาในวันครบรอบ 100 ปีแห่งอิสรภาพ จากฐานของเทพีเสรีภาพจนถึงปลายของคบเพลิงสูงประมาณ 93.3 เมตร ซึ่งถ้าหากได้ไปยืนที่ฐานจะเห็นถึงความใหญ่โตมโหฬารของเทพีเสรีภาพ นักท่องเที่ยวยังสามารถขึ้นบันไดวน 162 ขั้น เพื่อไปชมวิวเมืองนิวยอร์กจากบนยอดมงกุฎได้อีกด้วย   น้ำตกไนแองการา (Niagara Falls) รัฐนิวยอร์ก    น้ำตกไนแองการา เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ระหว่างพรมแดนของสหรัฐอเมริกา ที่รัฐนิวยอร์ก และประเทศแคนาดา ที่เมืองโทรอนโต รัฐออนแทรีโอ ซึ่งเป็นน้ำตกที่อยู่บนแม่น้ำไนแองการา เมื่อมวลน้ำมหาศาลมาสู่จุดที่แผ่นดินยุบตัว จึงกลายเป็นน้ำตกขนาดมหึมา มีทั้งหมด 3 แห่งในบริเวณเดียวกัน คือ American Falls, Bridal Veil Falls และ Canadian Falls นักท่องเที่ยวสามารถที่จะนั่งเรือเข้าไปชมน้ำตกได้อย่างใกล้ชิด ซึ่งจะเห็นความยิ่งใหญ่ของน้ำตกที่สูงมากกว่า 50 เมตร และกว้างมากกว่า 300-800 เมตร (American Falls และ Bridal Veil Falls สูง 53.6 เมตร กว้าง 323.08 เมตร ส่วน Canadian Falls สูง 50.9 เมตร กว้าง 792.4 เมตร) สามารถไปเที่ยวชมได้ตลอดทั้งปี แต่หน้าหนาวจะหนาวมาก และน้ำตกจะเป็นน้ำแข็ง   แอนเทอโลป แคนยอน (Antelope Canyon) รัฐแอริโซนา   แอนเทอโลป แคนยอน เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีชื่อเสียงอีกแห่งหนึ่งของสหรัฐอเมริกา ตั้งอยู่ในเมือง Page รัฐแอริโซนา (Arizona) มีลักษณะเป็นหุบเขาหินทรายสีแดง แบ่งเป็น

ทัวร์ไต้หวัน /

10 ที่เที่ยวไทเปยามค่ำคืน ไปเที่ยวไต้หวันคราวนี้ตะลุยราตรีให้หนำใจ

แพลนเนท ฮอลลิเดย์ บริษัททัวร์คุณภาพ เหนือด้วยราคา และคุณภาพ ข่าวสารอัพเดท   ที่เที่ยวไทเปยามค่ำคืน เมืองแห่งสีสันของไต้หวัน ใครอยากเที่ยวไต้หวันในยามราตรี แต่ไม่รู้จะไปเที่ยวที่ไหนดี เรามีที่เที่ยวไต้หวันยามค่ำคืนมาแนะนำ เกาะไต้หวัน กำลังเป็นที่นิยมมาก ๆ สำหรับนักท่องเที่ยวทั่วโลกในตอนนี้ ด้วยที่นี่มีธรรมชาติที่สวยงามและวัฒนธรรมที่น่าหลงใหลไม่แพ้ประเทศไหน ๆ ในเอเชีย มีอาหารอร่อย สถานที่ท่องเที่ยวที่หลากหลาย ผู้คนเป็นมิตร แล้วแบบนี้ใครจะปฏิเสธที่จะไม่หลงรักไต้หวันได้ลงคอ โดยเฉพาะที่เมืองไทเป ซึ่งเป็นเมืองหลวงของเกาะไต้หวัน ก็มีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย แค่ให้เที่ยวในไทเปก็สามารถเต็มอิ่มกับความเป็นไต้หวันได้แล้ว และเพื่อเอาใจคนชอบเที่ยวไทเป วันนี้กระปุกดอทคอมจึงขอจัดที่เที่ยวไทเปยามค่ำคืนมาให้สักหน่อย จะมีที่เที่ยวที่ไหนน่าสนใจบ้าง ไปดูกันเลย   new data conntent 1. ย่านซีเหมินติง (Ximending) ภาพจาก Sean Pavone / shutterstock.com เป็นที่ทราบกันดีว่าย่านซีเหมินติง (Ximending) เป็นย่านที่มีความคึกคักมากที่สุดแห่งหนึ่งของไทเป เพราะในบริเวณนี้เป็นศูนย์กลางทางด้านการเงิน เศรษฐกิจ การค้า และการท่องเที่ยว โดยรอบเต็มไปด้วยศูนย์การค้า ร้านค้า แหล่งช้อปปิ้งมากมาย พร้อมทั้งร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก ผับ บาร์ คาเฟ่ ฯลฯ เพราะฉะนั้นในยามค่ำคืนของที่นี่ก็จะมีแต่แสงสี มีวัยรุ่นไต้หวันและนักท่องเที่ยวมาเดินเล่นมากมาย ถือได้ว่าเป็นย่านที่มีสีสันมากที่สุดแห่งหนึ่งของไต้หวัน ใครมีโอกาสไปเที่ยวไต้หวันต้องไม่พลาดไปเช็กอินที่นี่   วัดหลงซาน (Longshan Temple) หลายท่านอาจจะแปลกใจว่าไปเที่ยววัดในเวลากลางคืนได้ด้วยหรือ ? สำหรับวัดหลงซาน สามารถเข้าไปเที่ยวชมได้ค่ะ เพราะจะเปิดตั้งแต่ 06.00-22.00 น. เลยทีเดียว วัดแห่งนี้ต้องบอกว่าต้องไปไหว้พระขอพรกันให้ได้สักครั้ง เพราะว่าเป็นวัดที่เก่าแก่มากของไต้หวัน สร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1738 จนถึงตอนนี้ (2016) ก็ประมาณ 278 ปีแล้ว ไม่เพียงเท่านั้นสิ่งที่น่าสนใจของวัดนี้อีกสิ่งก็คือสถาปัตยกรรม เราจะเห็นอาคารที่สร้างขึ้นอย่างสวยงามตามแบบฉบับศิลปะในสมัยนั้น ซึ่งต้องบอกว่าแต่ละส่วนนั้นทำกันอย่างประณีตมาก ไม่ว่าจะเป็นหลังคา เสา บานหน้าต่าง ประตูทางเข้า หรือแม้แต่การตกแต่งในส่วนต่าง ๆ สวยงามจนต้องตะลึงไปเลย นอกจากนั้นคนไต้หวันยังเชื่อว่าการมาไหว้ขอพรจากเทพเจ้าที่นี่ยังศักดิ์สิทธิ์มาก ๆ อีกด้วย โดยเฉพาะเรื่องของความรัก เอ้า...คนโสดอย่าพลาดเชียว   Huaxi Night Market ภาพจาก Richie Chan / shutterstock.com Huaxi night market เป็นตลาดกลางคืนที่มีความเก่าแก่มากที่สุดแห่งหนึ่งของไต้หวัน ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1951 ตั้งอยู่ไม่ไกลจากวัดหลงซาน (Longshan Temple) เพียงเดินข้ามถนนมาเท่านั้น ก็จะเจอกับตลาดขายของกิน อาหารพื้นเมืองมากมายหลากหลายชนิด ราคาไม่แพง

ทัวร์ไต้หวัน /

14 ที่เที่ยวเกาสง ไต้หวัน สีสันของเมืองท่าเก่าแก่สุดชิค

ไต้หวัน เป็นอีกหนึ่งเกาะที่น่าเที่ยวของเอเชีย มีสถานที่ท่องเที่ยวทั้งทางธรรมชาติและวัฒนธรรมที่น่าสนใจมากมาย โดยเฉพาะด้านวัฒนธรรม ที่สามารถผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมของคนท้องถิ่น วัฒนธรรมจีน และวัฒนธรรมยุคสมัยใหม่เข้าด้วยกันได้อย่างลงตัว หลายคนไปเยือนไต้หวันก็มักที่จะไปเที่ยวไทเป ซึ่งเป็นเมืองหลวงของไต้หวัน แต่วันนี้กระปุกดอทคอมจะขอพาลงไปเที่ยวทางตอนใต้ของไต้หวันกันค่ะ ที่เมืองเกาสง (Kaohsiung) ซึ่งเป็นเมืองท่าที่สำคัญของไต้หวันมาตั้งแต่อดีต เมืองนี้จะมีอะไรน่าเที่ยวบ้าง ตามไปดูพร้อม ๆ กันเลยค่ะ   Yushan National Park Yushan National Park ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองเกาสง และอยู่ใจกลางของเกาะไต้หวัน เป็นอุทยานแห่งชาติที่สำคัญมากที่สุดแห่งหนึ่งของไต้หวัน และมียอดเขาสูง 3,952 เมตร ซึ่งเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดของเกาะแห่งนี้ Yushan National Park อุดมสมบูรณ์ไปด้วยพืชพรรณต่าง ๆ มากมาย พร้อมทั้งสัตว์ป่าอีกหลากหลายชนิด มีเส้นทางเดินป่าให้นักท่องเที่ยวได้ผจญภัยหลายเส้นทาง แต่ละยอดเขาในอุทยานจะมีลักษณะสวยงามแปลกตา แต่ละฤดูกาลก็จะมีความงดงามแตกต่างกันไป ในช่วงหน้าร้อนไปจนถึงหน้าฝน ป่าก็จะเขียวขจี อากาศเย็นสบายสดชื่น ส่วนในหน้าหนาวจะมีหิมะปกคลุมยอดเขาสวยงามจับตา เหมาะสำหรับคนที่ชอบธรรมชาติสุด ๆ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ysnp.gov.tw   E-Da Theme Park ภาพจาก เฟซบุ๊ก E-Da Theme Park E-Da Theme Park เป็นสวนสนุกที่ได้รับความนิยมมากที่สุดแห่งหนึ่งของไต้หวัน ตั้งอยู่ในโครงการ E-DA World ซึ่งอยู่ในเขตชานเมืองของเมืองเกาสง ที่นี่โดดเด่นไปด้วยสถาปัตยกรรมจากทางฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน โดยได้จำลองแบบมาจากเมืองซานโตรินี ประเทศอิตาลี มีอาคารต่าง ๆ เป็นสีขาว สีฟ้า และสีสันอื่น ๆ ให้ความรู้สึกที่สดชื่น ภายในสวนสนุกก็เพียบพร้อมไปด้วยเครื่องเล่นมากมาย อีกทั้งยังมีแหล่งช้อปปิ้ง ร้านอาหาร โรงละคร และโรงภาพยนตร์ให้ได้เพลิดเพลินกันตลอดทั้งวันอีกด้วย ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ edathemepark.com.tw   Love River Love River หรือ Kaohsiung Canal เป็นแม่น้ำที่สำคัญของเมืองเกาสง โดยทอดตัวยาวพาดผ่านตัวเมืองอย่างงดงาม บริเวณริมสองฝั่งแม่น้ำเต็มไปด้วยต้นไม้ สวนสาธารณะ ชาวเมืองจึงชอบมานั่งพักผ่อน เดินเล่นกันริมแม่น้ำแห่งนี้ โดยเฉพาะคู่รักที่มักจะพากันมาเดท ชมความสวยงามของแม่น้ำ ที่นี่จึงได้ฉายาว่า Love River กิจกรรมที่นักท่องเที่ยวนิยมทำก็คือการปั่นจักรยานไปตามเส้นทางริมแม่น้ำ และการเดินเล่นออกกำลังกาย รวมทั้งการนั่งเรือเพื่อชมความสวยงามของสองฝั่งแม่น้ำ หรือใครอยากมานั่งปิกนิกในสวนก็ทำได้เช่นกัน   Dome of Light ภาพจาก Lau Chun Kit / shutterstock.com เมืองเกาสงได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งศิลปะ จึงมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สื่อถึงความคิดสร้างสรรค์มากมาย หนึ่งในนั้นก็คือ Dome of Light ซึ่งตั้งอยู่ภายในสถานีรถไฟฟ้า Formosa Boulevard Station ออกแบบโดยศิลปินชื่อดังชาวอิตาลี Narcissus Quagliata

ทวีปเอเชีย /

พาไปหลงรักเนปาล กับ 7 ที่เที่ยวเนปาลห้ามพลาด

         เนปาล ดินแดนที่อยู่ในอ้อมกอดของขุนเขาและธรรมชาติอันสวยงาม ไม่ว่าใครได้ไปสัมผัสเนปาลต่างก็ต้องหลงใหลและมอบหัวใจให้กับเนปาลไปอย่างง่ายดาย ดั่งต้องมนตร์เสน่ห์ให้อยู่ในสวรรค์แสนสวยจนไม่อยากจะกลับคืนสู่โลกแห่งความเป็นจริงกันเลยทีเดียว วันนี้เราจึงได้รวบรวมที่เที่ยวอันมีชื่อเสียงของประเทศเนปาลมาฝากกัน ซึ่งล้วนแต่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันสวยงามที่ต้องไปเห็นกันให้ได้ด้วยตาตัวเองสักครั้ง จะมีที่ไหนบ้างไปชมกันเลยค่ะ เมืองกาฐมาณฑุ ไม่ว่าใครจะมาเที่ยวเนปาลก็ต้องห้ามพลาดที่จะมาเยือนเมืองกาฐมาณฑุ เพราะที่นี่คือจุดศูนย์รวมทั้งการค้า การเดินทาง วัฒนธรรม และสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ ซึ่งเราจะเห็นโบราณสถานที่สวยงามตั้งอยู่ในเมืองกาฐมาณฑุมากมาย สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ อาทิ ย่าน Thamel, วัด Pashupatinath, วัด Changu Narayan, Kathmandu Durbar Square เป็นต้น สวยัมภูวนาถ (Swayambhunath Stupa) สวยัมภูวนาถ หรือวัดลิง เป็นเจดีย์เก่าแก่ อายุมากกว่า 2,000 ปี ตั้งอยู่บนยอดเขาอย่างสวยงาม โดยนักท่องเที่ยวจะต้องเดินขึ้นบันไดประมาณ 365 ขั้น ซึ่งตัวฐานเจดีย์ด้านล่างสุดจะมีสีขาวโดดเด่น และมียอดเจดีย์สีทองสง่างาม เอกลักษณ์ของเจดีย์แห่งนี้อยู่ที่ฐานตรงกลาง ด้วยจะมีรูปดวงตาอยู่ทั้ง 4 ด้าน ซึ่งคนเนปาลเรียกกันว่าดวงตาเห็นธรรม ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นดวงตาของพระพุทธเจ้านั่นเอง โดยได้จดทะเบียนเป็นมรดกโลกร่วมกับสถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ ในเมืองกาฐมาณฑุ รวม 7 แห่ง ในปี ค.ศ. 1979 เมืองโพคารา (Pokhara) เมืองโพคารา ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของเมืองกาฐมาณฑุ ห่างกันประมาณ 200 กิโลเมตร เป็นเมืองที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอีกเมืองหนึ่งของเนปาล ด้วยมีธรรมชาติที่สวยงาม ราวกับดินแดนในเทพนิยายเลยทีเดียว ทิวทัศน์ของหุบเขาสูงใหญ่ ปกคลุมด้วยหิมะสีขาว สะท้อนเงาลงสู่ทะเลสาบในเมืองโพราคาอย่างงดงาม พร้อมกับบรรยากาศเงียบสงบ เป็นสิ่งที่นักท่องเที่ยวอยากจะมาสัมผัสกันให้ได้สักครั้ง ซึ่งนอกจากธรรมชาติที่สวยงามแบบสุด ๆ แล้ว วิถีชีวิตของชาวบ้านที่นี่ยังเรียบง่าย น่าประทับใจมาก ๆ อีกด้วย เมืองภักตะปูร์ (Bhaktapur) เมืองภักตะปูร์ ตั้งอยู่ห่างจากเมืองกาฐมาณฑุไปทางทิศตะวันตกเพียงแค่ 20 กิโลเมตรเท่านั้น เป็นเมืองที่สำคัญอีกเมืองหนึ่งของเนปาล เพราะเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมเก่าแก่มากมาย จุดศูนย์กลางที่ใคร ๆ ต้องมาเยือนก็คือ Bhaktapur Durbar Square บริเวณนี้จะมีอาคารบ้านเรือนและศาสนสถานที่สำคัญตั้งอยู่มากมาย หนึ่งในนั้นก็คือเทวาลัย 5 ชั้น ที่สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้กับพระนางลักษมี นอกจากนี้นักท่องเที่ยวยังสามารถที่จะเดินถ่ายรูปรอบ ๆ จัตุรัสแห่งนี้ และเลือกซื้อของที่ระลึกจากร้านค้าท้องถิ่นได้อีกด้วย ปาทัน (Patan) ปาทัน เป็นเมืองเล็ก ๆ ทางตอนใต้ของเมืองกาฐมาณฑุ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสถานที่มีมั่งคั่งไปด้วยศาสนสถานและสถาปัตยกรรมอันเก่าแก่ วัดวาอารามมากมาย ใครอยากเห็นวัฒนธรรมที่แท้จริงขอคนเนปาล ก็ต้องมาเยือนที่เมืองแห่งนี้ นอกจากจะได้สัมผัสกับวิถีชีวิตของคนพื้นเมืองอย่างเต็มอิ่มแล้ว ยังจะได้ดื่มด่ำกับงานศิลปะและงานหัตถกรรม พร้อมทั้งได้เลือกซื้อสินค้าแฮนด์เมดจากคนท้องถิ่นในราคาย่อมเยาอีกด้วย ซึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในปาทัน อาทิ The Patan Zoo, The

ทัวร์พม่า /

เกาะมากุย เมียนมา พาราไดซ์แห่งใหม่ในท้องทะเลอันดามัน

บริษัททัวร์คุณภาพ เหนือด้วย..ราคา และคุณภาพ ข่าวสาร   :: เริ่มเผยโฉมมาให้เราเห็นกันมากขึ้นแล้วค่ะ สำหรับทะเลทางฝั่งอันดามันของเมียนมา ซึ่งก็ทำให้เราต้องทึ่งกับความงดงามของท้องทะเลใสสีฟ้าคราม หาดทรายขาว และยังมีปะการังที่สวยงาม รวมทั้งสัตว์ทะเลมากมายหลากหลายชนิด หลังจากที่เราเคยตื่นเต้นกับทะเลพม่าที่ เกาะหัวใจมรกต หรือ เกาะ Cocks Comb กันไปแล้ว คราวนี้มาถึงเกาะพี่น้องกันบ้าง นั่นก็คือ เกาะแมคลอยด์ (Macleod Island) หรือที่คนไทยเรียกกันว่า เกาะมากุย     เกาะมากุย หรือเกาะแมคลอยด์ (Macleod Island) ตั้งอยู่ในทะเลอันดามัน ทางตอนใต้ของประเทศ เป็นหนึ่งในหมู่เกาะมาริด (Mergui Archipelago) ห่างจากแผ่นดินใหญ่ประมาณ 40 ไมล์ และอยู่ไม่ห่างจากจังหวัดระนองมากนัก ซึ่งที่นี่ยังไม่เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวเท่าไร จึงยังคงมีความเป็นส่วนตัว เงียบสงบ และธรรมชาติยังคงอุดมสมบูรณ์สวยงาม   ความงดงามของธรรมชาติ ประกอบกับที่นี่ยังไม่มีความเจริญใด ๆ จึงทำให้การท่องเที่ยวบนเกาะแมคลอยด์เป็นการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ (ecotourism) รีสอร์ทบนเกาะแห่งนี้จึงต้องทำทุกสิ่งอย่างให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม นักท่องเที่ยวจึงจะได้สัมผัสกับธรรมชาติอย่างแท้จริง   ทันทีที่นักท่องเที่ยวมาถึงเกาะแมคลอยด์ คุณจะได้สัมผัสกับท้องทะเลสีฟ้าครามใส ซึ่งมีหาดทรายสีขาวสะอาดตาไว้รองรับกับคลื่นที่ซัดสาดเข้าหาฝั่ง โดยมีภูเขาสีเขียวขจีลูกใหญ่อลังการเป็นฉากอยู่เบื้องหลัง   นอกจากนักท่องเที่ยวจะได้ดื่มด่ำกับสวรรค์แห่งท้องทะเลแห่งนี้แล้ว ต้องไม่พลาดการดำน้ำตื้นเพื่อชมแนวปะการังที่สวยงามและอุดมสมบูรณ์ในบริเวณเกาะ คุณจะได้พบกับปะการังหลากสีสัน ปลาการ์ตูนหลากหลายชนิด หากโชคดียังจะได้โบกมือทักทายกับลูกฉลามอีกด้วย กิจกรรมความตื่นเต้นบนเกาะยังไม่หมดเพียงเท่านั้น เพราะที่นี่ยังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติให้นักท่องเที่ยวได้เดินขึ้นไปยังจุดชมวิวบนสุดของภูเขา แม้ว่าระยะทางจะยาวไกลและค่อนข้างชัน แต่ทันทีที่คุณเห็นทัศนียภาพเบื้องล่าง ความเหน็ดเหนื่อยก็จะหายไปเป็นปลิดทิ้ง   เวิ้งอ่าวที่มีน้ำทะเลสีฟ้าสดใส ไล่สีกันไปตั้งแต่ฟ้าอ่อนจนถึงฟ้าเข้ม โอบล้อมด้วยภูเขาสีเขียว มีหาดทรายขาวสะอาด เป็นภาพความสวยงามของทะเลในเกาะแมคลอยด์ที่จะทำคุณเกือบหยุดหายใจ ชาวมอแกนอาศัยอยู่บนเกาะแห่งนี้มานาน พวกเขาสร้างบ้านด้วยวัสดุจากธรรมชาติ ประกอบอาชีพประมงเป็นหลัก และยังคงใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับวิถีชีวิตที่เนิบช้า และเรียนรู้ที่จะอยู่กับธรรมชาติอย่างมีคุณค่า เก็บเป็นประสบการณ์สุดพิเศษที่คุณจะไม่ลืมเลือน การเดินทางที่ง่ายและสะดวกที่สุดก็คือทางเรือจากฝั่งจังหวัดระนอง ในส่วนของที่พักบนเกาะมากุยนั้นก็มีบริการ แต่หากต้องการจะไปเที่ยวก็ควรวางแผนล่วงหน้า 2-3 เดือนเป็นอย่างต่ำ ทั้งนี้สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมสามารถสอบถามได้ที่ เฟซบุ๊ก  OK Andaman และ เฟซบุ๊ก ระนอง-Ranong ใครที่ยังไม่มีแผนสำหรับวันหยุดที่กำลังจะมาถึงนี้ ก็ลองเก็บทะเลเมียนมาไปพิจารณากันนะคะ :) ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก myanmarburma.com, mergui.org, เฟซบุ๊ก OK Andaman, เฟซบุ๊ก ระนอง-Ranong

ทัวร์ญี่ปุ่น /

เที่ยวโอซาก้าต้องไม่พลาด Nifrel อควาเรียมแห่งใหม่

บริษัททัวร์คุณภาพ เหนือด้วย..ราคา และคุณภาพ ข่าวสาร   ถ้าพูดถึงอควาเรียมในประเทศญี่ปุ่น คงมีหลากหลายแห่งให้ได้เลือกเดินเที่ยวกันอย่างสนุกสนาน แต่หากจะเลือกสักอควาเรียมที่ทำให้คุณจดจำที่เที่ยวญี่ปุ่นได้แบบไม่มีวันลืม ต้องไม่พลาดอควาเรียมสุดเก๋แห่งนี้ Nifrel อควาเรียมที่ต้องการนำเสนอเรื่องราวของสิ่งมีชีวิตใต้น้ำให้เข้าถึงผู้ชมมากที่สุด โดยจัดแสดงสิ่งต่าง ๆ ตามองค์ประกอบของงานศิลปะ อีกทั้งยังให้ผู้เข้าชมได้สัมผัสกับสัตว์อย่างใกล้ชิด   อควาเรียม Nifrel ตั้งอยู่ภายในโครงการเอ็กซ์โปรซิตี้ (Expro City) เมืองโอซาก้า สร้างเป็นอาคารขนาดใหญ่ มีทั้งหมด 3 ชั้น แต่ละชั้นแบ่งเป็นโซนอย่างชัดเจน โดยนำเสนอแต่ละโซนให้คล้ายกับการจัดแสดงงานศิลปะ พร้อมทั้งยังให้ผู้เข้าชมได้เข้าถึงสัตว์อย่างใกล้ชิด ในชั้นที่ 1 แบ่งออกเป็น 4 โซน คือ โซน Colors, โซน Shape, โซน Ability และโซน Wonder Moments ซึ่งเชื่อมต่อกับชั้น 2 ด้วย ส่วนชั้นที่ 2 แบ่งเป็น 3 โซน คือ โซน Waterside, โซน Behavior และโซน Biodiversity สำหรับชั้นที่ 3 เป็นสำนักงานของอควาเรียม   เมื่อนักท่องเที่ยวเข้าไปในอควาเรียม คุณสามารถเดินเที่ยวโซนไหนก่อนก็ได้ ซึ่งแต่ละโซนก็จะมีความน่าสนใจแตกต่างกันไป อาทิ โซน Shape ที่จัดแสดงสัตว์ทะเลน้ำลึก และสัตว์ทะเลที่หาชมได้ยาก โดยภายในห้องจะมืดสนิท มีแสงไฟส่องเพียงแค่ตู้กระจกที่จัดแสดงสัตว์น้ำเท่านั้น หรือจะเป็นโซน Colors ที่นำเสนอสัตว์น้ำหลากสีสันสวยงาม อีกหนึ่งโซนที่น่าสนใจไม่แพ้กันก็คือโซน Behavior ที่จะให้คุณได้สัมผัสกับสัตว์ป่าอย่างใกล้ชิด ไม่มีกรงหรือตู้กระจกมากักขังสัตว์ คุณจะได้เดินชมพฤติกรรมการอยู่อาศัยของพวกมันเวลาอยู่ในป่าได้ง่าย ๆ ที่นี่ สำหรับกฎระเบียบของอควาเรียม Nifrel ก็เป็นข้อห้ามทั่วไป อาทิ ห้ามสูบบุหรี่ ห้ามนำอาหาร เครื่องดื่ม และสัตว์เลี้ยงเข้าไปในอวาเรียม ห้ามใช้ไม้เซลฟี่ เป็นต้น ถึงแม้ว่าจะเป็นข้อปฏิบัติง่าย ๆ แต่ก็ต้องรักษากฎระเบียบด้วยนะคะ เพราะการฝ่าฝืนกฎระเบียบนอกจากจะมีอันตรายต่อสัตว์แล้ว ยังมีอันตรายต่อตัวผู้เข้าชมอีกด้วย Nifrel เปิดให้เข้าชมตั้งแต่เวลา 10.00-20.00 น. (เวลาเปิด-ปิดอาจเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาล) บัตรเข้าชมสำหรับคนทั่วไปราคา 1,900 เยน เด็กอายุต่ำกว่า 16 ปี ราคา 1,000 เยน และเด็กอายุน้อยกว่า 3 ปี ราคา 600 เยน ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.nifrel.jp (ภาษาญี่ปุ่น) และ เฟซบุ๊ก NIFREL    ใครอยากได้ประสบการณ์ที่แปลกใหม่ บอกเลยว่าไม่ควรพลาดที่นี่ ถ้ามีโอกาสไปเที่ยวโอซาก้าก็อย่าลืมแวะไปเที่ยวกันนะคะ :)   ขอขอบคุณข้อมูลจาก expocity-mf.com, nifrel.jp, เฟซบุ๊ก NIFREL
Promotion 0%