แบนเนอร์บทความ

ทัวร์ญี่ปุ่น /

4 แลนด์มาร์กเด็ด ชม ฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ที่ญี่ปุ่น ปักหมุดไว้ ตุลานี้เจอกัน!

4 แลนด์มาร์กเด็ด ชม ฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ที่ญี่ปุ่น ปักหมุดไว้ ตุลานี้เจอกัน! ใกล้แล้ว!! กับ ฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ช่วงเวลาแห่งสีสันที่คุณจะได้เพลิดเพลินไปกับความงดงามของใบไม้ทั้งเมืองที่กำลังจะผลัดเปลี่ยนจากสีเขียวไปเป็น สีส้ม และสีแดง ฤดูกาลแห่งมนต์เสน่ห์ของธรรมชาติอันงดงาม ที่ไม่ว่าจะมองจากมุมไหนก็ล้วนสุดแสนจะโรแมนติกจนคุณจะต้องตกหลุมรัก ในวันนี้ Planetholidays ก็มี 4 แลนด์มาร์กเด็ด!! ที่เค้าเรียกว่าเป็นที่สุดแห่งการชมใบไม้เปลี่ยนสีของประเทศญี่ปุ่น มาแนะนำ สำหรับใครยังไม่รู้จะไปที่ไหนบ้าง ปักหมุดไว้เลยค่ะ 1.ทะเลสาบคาวากุจิโกะ เรียกได้ว่าเป็นสุดยอดแลนด์มาร์กระดับต้นๆ ของการชมใบไม้เปลี่ยนสีเลยก็ว่าได้ เพราะที่แห่งนี้นอกจากเราจะได้ชมความงามของใบไม้เปลี่ยนสีแล้ว ผืนน้ำทะเลสาบที่ทอดยาวจนไปถึงภูเขาไฟฟูจิ ก็เป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบที่ช่วยเติมเต็มการชมใบไม่เปลี่ยนสีให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น นอกจากนี้ตลอดสองทางเดิน ยังมีต้นเมเปิ้ลที่ปกคลุมคล้ายอุโมงค์ให้เราได้โพสท่าเก๋ๆ เก็บภาพกันอีกด้วย 2.ปราสาทโอซาก้า ปราสาทเก่าแก่แห่งเมืองเอโดะ ที่นี่ก็เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กที่ผู้คนนิยมมาชมใบไม้เปลี่ยนสีกัน เพราะในช่วงใบไม้เปลี่ยนสีตัวปราสาทจะถูกล้อมด้วยใบไม้สีแดงจนเกิดเป็นภาพที่งดงามมาก ใครอยากได้ภาพดีๆ ต้องไม่พลาดที่แห่งนี้เลยค่ะ 3.หมู่บ้านชิราคาวาโกะ หมู่บ้านสุดน่ารักที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ด้วยเอกลักษณ์โบราณแบบกัสโซทำให้ใครต่อใครต่างหลงรักที่แห่งนี้ ยิ่งเมื่อเข้าสู่ฤดูใบไม้เปลี่ยนสีแล้วต้นไม้ที่ประดับประดาอยู่รอบๆ ยังช่วยเติมเต็มสีสันให้ที่แห่งนี้มีความโรแมนติกเพิ่มขึ้นไปอีก 4.วัดคิโยมิซุ (วัดน้ำใส)   อีกหนึ่งสถานที่ชมใบไม้เปลี่ยนสีชื่อดังแห่งเมืองเกียวโต แลนด์มาร์กที่เต็มไปด้วยอาคารไม้เก่าแก่ตั้งเรียงรายอยู่บนเนินเขาและยังถูกห้อมล้อมด้วยใบไม้สีแดง ด้านบนมีจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นเมืองเกียวโตได้ไกลสุดลูกหูลูกตา นับว่าเป็นอีกจุดนึงที่ไม่ควรพลาดเลยค่ะ ก็จบกันไปแล้วนะคะ กับ 4 แลนด์มาร์กเด็ด ชม ฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ที่ญี่ปุ่น ปักหมุดไว้ ตุลานี้เจอกัน! เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับ 4 แลนด์มาร์กที่เราแนะนำ สวยขนาดนี้ ตุลาคมต้องไม่พาดแล้ว!  ส่วนใครที่กำลังจะวางแผนมา เที่ยวญี่ปุ่น แต่ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนบ้าง ลองเข้ามาปรึกษาพวกเรา planetholidays สิคะ ให้เราเป็นส่วนหนึ่งในการเติมเต็มความทรงจำของคุณ ที่นี่เรามี ทัวร์ดีๆ มากมาย จัดหนักจัดเต็มทุกทริป รับรองไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ planetholidays คำตอบของคนชอบเที่ยว ทัวร์ดี ราคาถูก โทรสอบถามข้อ มูลเพิ่มเติมได้ที่ Tel: 02-530-9899, 081-855-7999, 094-794-1666 Line เราก็มีนะ @planetholiday

ทัวร์บาหลี /

5 สิ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อไป เที่ยวบาหลี เกาะสวาดหาดสวรรค์

5 สิ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อไป เที่ยวบาหลี เกาะสวาดหาดสวรรค์ เที่ยวบาหลี เกาะเล็กๆ ของประเทศอินโดนีเซียที่อุดมไปด้วยทรัพยากรทางธรรมชาติ ศิลปะวัฒนธรรม และศาสนาที่ผสมผสานกันอย่างลงตัวสืบทอดยาวนานกว่าพันปี สุดยอดแลนด์มาร์กที่ผู้คนจากทั่วโลกยกให้เป็น เกาะสวาดหาดสวรรค์ อันดับต้นๆ จากบรรดาเกาะชั้นนำของโลก เรามาดูกันดีกว่าค่ะ ว่าบาหลีจะมีอะไรเด็ดๆ ที่เราไม่ควรพลาดบ้างไปลุยกันเลย… 1.โพสท่าเก๋ๆ ที่ประตูสวรรค์วัดเลมปูยัง (Lempuyang Temple) ประตูสวรรค์เป็นประตูของ วัดเลมปูยัง วัดใหญ่อันดับสามของเกาะและมีความสำคัญมากในวัฒนธรรมบาหลี มีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของพื้นที่ริมเกาะทางฝั่งตะวันออกมีฉากหลังเป็นภูเขาไฟอากุง ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ประตูสวรรค์อยู่ในลิสอันดับต้นๆ ที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจมาเช็คอิน ถ่ายรูปโพสท่าเท่ๆ พร้อมวิวทิวทัศน์สุดอลังการ สวยขนาดนี้!! พลาดไม่ได้แล้วว 2.อาบน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ที่วัดเทมภัคสิริงค์ บ่อน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ใสสะอาดที่ผุดขึ้นจากใต้ดิน เป็นที่เคารพสักการะของชาวบาหลีด้วยความเชื่อที่ว่าบ่อน้ำนี้กำเนิดมาจากพระอินทร์ จึงมีชาวบ้านนิยมมาอาบน้ำ เก็บน้ำไปดื่มกิน เพราะเชื่อว่าบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้สามารถรักษาโรคต่างๆ ขับไล่สิ่งเลวร้ายและเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต ซึ่งในทุกๆปีจะผู้คนนิยมเดินทางมาเพื่อชำระร่างกายให้บริสุทธิ์ที่น้ำพุแห่งนี้เป็นจำนวนมาก 3.ตื่นเต้นไปกับชิงช้า Bali swing Bali Swing ตั้งอยู่แถวๆ Tegalalang rice terrace ทุ่งนาขั้นบันไดซึ่งปลูกพันธุ์ข้าวที่ชาวอินโดนีเซียรับประทาน โดยกิจกรรมสุดฮิตของที่แห่งนี้คือ การนั่งไปบนชิงช้าที่มีความสูง ซึ่งจะทำให้คุณตื่นเต้น ท้าทาย และหวาดเสียวจนทำให้อะดรีนาลีนของคุณพุ่วพล่านอย่างแน่นอน นอกจากนั้นเรายังสามรถเก็บภาพระหว่างนั่งชิงช้าโดยมีฉากหลังธรรมชาติอันสวยงาม และบริเวณนั้นยังมีมุมสวยๆให้ถ่ายรูปอีกด้วย 4.ดื่มด่ำกับความงดงามของวิหารทานาล็อต เป็นอีกวัดนึงที่มความสวยงามด้านภูมิทัศน์ ตั้งอยู่บนโขดหินริมมหาสมุทรอินเดีย คล้ายเกาะเล็กๆที่พอเวลาน้ำขึ้นแล้ว จะดูเหมือนกับว่าลอยอยู่กลางทะเล สร้างโดยนักบุญนิธาราที่บำเพ็ญศีลภาวนา เป็นที่นับถือของชาวบาหลี และเชื่อกันว่ามีงูเทพเจ้าคอยปกปักรักษาอยู่ภายใต้วิหาร นับว่าเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กดีๆ ที่คุณต้องไปเห็นให้ได้ด้วยตาตนเอง 5.สัมผัสมนต์เสน่ห์อันน่าหลงไหลของวัดอูลันดานู บราตัน 1 ใน 5 วัด สำคัญของเกาะบาหลี ตั้งอยู่บริเวณริมทะเลสาบบราตัน สถานที่ที่อุดมไปด้วยมนต์ขลัง และความสวยงาม มีฉากหลังเป็นภูเขา อยู่บนความสูงจากระดับน้ำทะเลกว่า 1,000 เมตร สร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 17 เพื่ออุทิศแด่ เทวี ดานู เทพแห่งสายน้ำท้องทะเลสาบบราตัน ใช้ทำพิธีกรรมทางศาสนาพุทธ และฮินดู ก็จบกันไปแล้วนะคะ กับ 5 สิ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อไปเที่ยวบาหลี เกาะสวาดหาดสวรรค์ เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับมนต์เสน่ห์ของเกาะบาหลี งดงามและน่าสนใจทุกกิจกรรมเลยใช่ไหมหล่ะ ส่วนใครที่กำลังจะวางแผนมา เที่ยวบาหลี แต่ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนบ้าง ลองเข้ามาปรึกษาพวกเรา planetholidays สิคะ ให้เราเป็นส่วนหนึ่งในการเติมเต็มความทรงจำของคุณ ที่นี่เรามี ทัวร์ดีๆ มากมาย จัดหนักจัดเต็มทุกทริป รับรองไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ planetholidays คำตอบของคนชอบเที่ยว  ทัวร์ดี ราคาถูก โทรสอบถามข้อ มูลเพิ่มเติมได้ที่ Tel: 02-530-9899, 081-855-7999, 087-078-1777 Line เราก็มีนะ @planetholiday

ทวีปอเมริกา /

ทะเลสาบหลุยส์ (Lake Louise) แดนสวรรค์สีมรกตแห่งแคนาดา

ทะเลสาบหลุยส์ (Lake Louise) แดนสวรรค์สีมรกตแห่งแคนาดา ทะเลสาบหลุยส์ (Lake Louise) เป็นหนึ่งในทะเลสาบที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของประเทศแคนาดา สวรรค์แห่งธรรมชาติที่ถือกำเนิดขึ้นมาท่ามกลางเทือกเขาสูงใหญ่และพืชพรรณนานาอันเป็นองค์ประกอบที่สมบูรณ์แบบ งดงามเหนือกาลเวลา… ทะเลสาบหลุยส์ เดิมชื่อ ทะเลสาบสีมรกต เรียกตามความสวยงามที่เห็น ภายหลังเปลี่ยนชื่อมาเป็น เลค หลุยส์ เพื่อถวายเป็นพระเกียรติแด่องค์ Princess Louise พระธิดาแห่ง Queen Victoria  ทะเลสาบแห่งนี้ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติแบมฟ์ (Banff National Park) รัฐแอลเบอร์ตา (Alberta) ประเทศแคนาดา ซึ่งล้อมรอบไปด้วยแนวของเทือกเขาร็อคกี้ เมาท์เทน (Rocky Mountains) สูงกว่าระดับน้ำทะเล ราว 1,730 เมตร สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์และทำให้ทะเลสาบแห่งนี้มีชื่อเสียงระดับโลกคือ ผืนแผ่นน้ำสีฟ้าเทอควอยซ์ใสสะอาด มองเห็นพืชพรรณสัตว์น้ำต่างๆ ที่อาศัยอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ผสมผสานเข้ากับทัศนียภาพอันโดนเด่นของภูเขาร็อคกี้ที่มีหิมะสีขาวปกคลุมที่ปลายยอดตลอดทั้งปี ทุกสิ่งหลอมรวมกันอย่างสมบูรณ์แบบจนทำให้ที่แห่งนี้งดงามดั่งดินแดนสวรรค์ ที่ทะเลสาบแห่งนี้มีรีสอร์ท The Fairmont Chateau Lake Louise ตั้งอยู่เพียงรีสอร์ทเดียว ใครที่อยากสัมผัสกับวิวทิวทัศน์และดื่มด่ำกับบรรยากาศสุดอลังการนี้ ทางรีสอร์ทเค้าก็มีห้องพักไว้รองรับโดยสนนราคาจะอยู่ที่คืนละประมาณ 300 เหรียญแคนาดา ความสวยงามของทะเลสาบหลุยส์จะเปลี่ยนแปลงไปทุกฤดูกาล ใครที่อยากสัมผัสสีสันของทะเลสาบและความงดงามของเทือกเขาพร้อมพื้นพรรณที่เขียวชอุ่ม อากาสเย็นสบาย แนะนำให้ไปหน้าร้อน (มิถุนายน - สิงหาคม) แต่ถ้าอยากสัมผัวกับความเย็นในช่วงที่ทะเลสาบกลายเป็นน้ำแข็ง และภูเขาที่ถูกย้อมไปด้วยสีขาวโพลนจากหิมะ พร้อมกับการมาเล่นกีฬาฤดูหนาว ก็ควรไปในช่วงหน้าหนาว (ระหว่างเดือนพฤศจิกายน-มกราคม) กิจกรรมยอดฮิตหลักๆ ของการมาเที่ยวทะเลสาบหลุยส์คือ การล่องเรือในทะเลสาบ, การพายเรือแคนู, การเดินป่าตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติ, การปั่นจักรยาน ฯลฯ ส่วนกิจกรรมในหน้าหนาวที่นักท่องเที่ยวนิยมมาเล่นที่ทะเลสาบเลค หลุยส์ คือการเล่นไอซ์สเกต สกี และสโนว์บอร์ด ก็จบกันไปแล้วนะคะ กับ ทะเลสาบหลุยส์ (Lake Louise)แดนสวรรค์สีมรกตแห่งแคนาดา เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับมนต์เสน่ห์ของทะเลสาบแห่งนี้  งดงามดั่งแดนสวรรค์เลยใช่ไหมหล่ะ ส่วนใครที่กำลังจะวางแผนมา เที่ยวแคนาดา แต่ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนบ้าง ลองเข้ามาปรึกษาพวกเรา planetholidays สิคะ ให้เราเป็นส่วนหนึ่งในการเติมเต็มความทรงจำของคุณ ที่นี่เรามี ทัวร์ดีๆ มากมาย จัดหนักจัดเต็มทุกทริป รับรองไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ planetholidays คำตอบของคนชอบเที่ยว ทัวร์ดี ราคาถูก โทรสอบถามข้อ มูลเพิ่มเติมได้ที่ Tel: 02-530-9899, 081-855-7999, 094-794-1666 Line เราก็มีนะ @planetholiday

ทัวร์ยุโรป /

อนุเสาวรีย์แห่งการค้นพบ สัญลักษณ์ประวัติศาสตร์แห่งเมืองลิสบอน

อนุเสาวรีย์แห่งการค้นพบ สัญลักษณ์ประวัติศาสตร์แห่งเมืองลิสบอน อนุเสาวรีย์แห่งการค้นพบ (Monument to the Discoveries) ประติมากรรมชิ้นใหญ่ตั้งตระหง่านี่ไม่ได้เป็นแค่หินสลักธรรมดาแต่คือสิ่งสะท้อนถึงความยิ่งใหญ่ของเรื่องราวทางประวัติศาสตร์การเป็นชนชาตินักสำรวจของชาวโปรตุเกสมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 15 … ในศตวรรษที่ 15 - 18 ชนชาติที่มีชื่อเสียงในการเดินเรือมากที่สุดก็คงต้องยกให้เป็นโปรตุเกส ตามบันทึกในประวัติศาสตร์โปรตุเกสถือเป็นเจ้าแรกๆ ที่ออกเดินทางไปทำการค้าขายกับแดนตะวันออกไกล ความทะเยอทะยานที่ไม่มีที่สิ้นสุดในการกางใบเรือออกผจญภัยไปในโลกที่ไม่รู้จัก จนเกิดการค้นพบดินแดนใหม่ๆ ถูกบันทึกเป็นประวัติศาสตร์อันทรงเสน่ห์และถูกเล่าผ่านอนุเสาวรีย์แห่งการค้นพบ ที่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ที่เมืองลิสบอน ประเทศโปรตุเกส บนแผ่นหินที่มีชื่อว่า “Monument to the Discoveries” แห่งนี้ ถือเป็นอนุสาวรีย์แห่งการค้นพบที่ออกแบบให้เหมือนหัวเรือเดินทะเลลำใหญ่ที่มีเหล่านักสำรวจกำลังนำพาเรือลำนี้ออกสู่มหาสมุทรกว้าง บุคคลที่เป็นผู้นำประทับยืนอยู่หัวแถวคือ “Prince Henry the Navigator” ที่ทรงได้รับพระสมัญญานามว่าเป็น “เจ้าชายนักเดินทาง” อนุสาวรีย์ชิ้นนี้สร้างต่อเติมจากของเดิมที่เคยพังทลายมาแล้ว ปีที่เริ่มสร้างคือปี 1960 ซึ่งเป็นวันครบรอบ 500 ปีการจากไปของ Prince Henry the Navigator  ส่วนบุคคลที่เห็นยืนร่วมกันอยู่คือเหล่าลูกเรือและกลุ่มมิชชันนารีที่ร่วมเดินทางเผยแผ่ศาสนา มีนักวาดแผนที่ นักวิทยาศาสตร์ พ่อค้า รวมแล้วราว 30 คนที่อยู่ด้วยกันเคียงข้าง Prince Henry the Navigator ในทุกเส้นทาง และก็กลายเป็นสะพานแขวนที่ยาวที่สุดในยุโรปด้วยระยะความยาวรวมทางเชื่อม 17.2 กิโลเมตรทอดข้ามแม่น้ำเทกัส และสร้างเป็นสะพาน 2 ชั้น โดยชั้นบนสำหรับรถยนต์ ชั้นล่างสำหรับรถไฟ และก็ช่วยลดปัญหาความหนาแน่นของการจราจรในลิสบอนได้อย่างมาก ก็จบกันไปแล้วนะคะ กับ อนุเสาวรีย์แห่งการค้นพบ สัญลักษณ์ประวัติศาสตร์แห่งเมืองลิสบอน เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ของที่แห่งนี้ สุดยอดและมีมนต์ขลังมากเลยใช่ไหมหล่ะ ส่วนใครที่กำลังจะวางแผนจะไป เที่ยวโปรตุเกส แต่ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนบ้าง ลองเข้ามาปรึกษาพวกเรา planetholidays สิคะ ให้เราเป็นส่วนหนึ่งในการเติมเต็มความทรงจำของคุณ ที่นี่เรามี ทัวร์ดีๆ มากมาย จัดหนักจัดเต็มทุกทริป รับรองไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ planetholidays คำตอบของคนชอบเที่ยว ทัวร์ดี ราคาถูก โทรสอบถามข้อ มูลเพิ่มเติมได้ที่ Tel: 02-530-9899, 081-855-7999, 094-794-1666 Line เราก็มีนะ @planetholiday

ทัวร์รัสเซีย /

เด็ดกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว!! 4 ของฝากรัสเซีย เปย์ได้ ราคาสบายกระเป๋า

เด็ดกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว!! 4 ของฝากรัสเซีย เปย์ได้ ราคาสบายกระเป๋า นอกจากที่เที่ยวในรัสเซียจะดีงามพระราม 8 แล้ว ของฝากรัสเซีย ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เรียกได้ว่าละลายทรัพย์นักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี นั่นก็เพราะของฝากแต่ละอย่างนั้น ล้วนมีเอกลักษณ์ งดงาม ปราณีต และยังแฝงไว้ด้วยเรื่องราวชวนหลงไหลอีกด้วย วันนี้ Planetholidays ก็ได้คัดสรร 4 ของฝากรัสเซียเปย์ได้ ราคาสบายกระเป๋า มาฝากคนที่กำลังจะมีทริปไปเที่ยวรัสเซีย แต่ยังไม่รู้จะซื้ออะไรกลับมาฝากคนที่เรารักดี เรามาดูกันดีกว่าค่ะ ว่า 4 ชิ้นที่เราคัดสรรมานี่จะเด็ดดวงยังไง ไปชมกันเล๊ย… 1.ตุ๊กตาแม่ลูกดก (Matreshka) ชิ้นแรกที่เรานำมาเสนอก็คือ ตุ๊กตาแม่ลูกดก (Matreshka) โดยลักษณะและเอกลักษณ์ของตุ๊กตานี้จะเป็นการนำรูปหน้าของหญิงสาวรัสเซียที่มีใบหน้าอันแสนน่ารักมาวาดลงไปยังแท่งไม้ ซึ่งประวัติความเป็นมาของตุ๊กตาแม่ลูกดกตัวแรกของรัสเซีย ถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่ช่วงปลายศตวรรษที่ 19 โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากตุ๊กตาไม้ของญี่ปุ่น นับว่าเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรมขนบธรรมเนียมประเพณี ของชาวรัสเซีย หาซื้อง่ายและราคาไม่แพงอีกด้วย 2.ของเล่น (Dymkovo Toys) ของเล่นก็เป็นอีกหนึ่งสินค้าขึ้นชื่อของประเทศรัสเซีย โดยของเล่นเหล่านี้มีทั้งปั้นขึ้นมาจากดินเหนียว และที่สร้างจากเส้นด้ายเป็นรูปต่างๆ เช่น สัตว์ นางฟ้าในนิทานหรือวีรบุรุษที่อยู่ในตำนาน เป็นอีกหนึ่งของฝากในรัสเซียที่ไม่ควรพลาดเลย เพราะช่างฝีมือชาวรัสเซียเค้าสร้างสรรค์อย่างปราณีตจริงๆ… 3.ไข่ฟาแบร์เช (Faberge eggs) ชิ้นต่อมาเป็น ไข่ฟาแบร์เช (Faberge eggs) ของขวัญสำหรับเทศกาลอีสเตอร์สุดฮิต สร้างขึ้นจากโลหะหรือหินที่มีมูลค่า ตกแต่งด้วยอัญมณีสีสันงดงาม และปิดท้ายด้วยการลงยา แต่ปัจจุบันนักท่องเที่ยวก็นิยมซื้อกลับไปเป็นของฝากเช่นกัน 4.กล่องจิวเวลรี่ (Russian Jewelry boxes) มาถึงชิ้นสุดท้ายแล้วกับ กล่องจิวเวลรี่ (Russian Jewelry boxes) กล่องไม้แลคเกอร์ที่ช่างฝีมือจะนำแลคเกอร์มาทาซ้ำไปซ้ำมาจนกระทั่งเกิดเป็นเงาทั่วทั้งกล่อง พร้อมทั้งวาดภาพลงไปยังฝากล่องในช่วงที่แลคเกอร์ยังไม่แห้งได้อย่างงดงาม ถือว่าเป็นเทคนิคที่ยากมากๆ ช่างฝีมือของรัสเซียนี่ยอดเยี่ยมจริงๆ  ก็จบกันไปแล้วนะคะ กับ เด็ดกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว!! 4 ของฝากรัสเซียเปย์ได้ราคาสบายกระเป๋า เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับของฝากทั้ง 4 ชิ้นที่เราคัดสรรมา ที่นี้ก็หมดกังวลกันไปเลยใช่ไหมหล่ะ ว่าจะซื้ออะไรกลับไปฝากคนที่คุณรัก ส่วนใครที่กำลังจะวางแผนมา เที่ยวรัสเซีย แต่ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนบ้าง ลองเข้ามาปรึกษาพวกเรา planetholidays สิคะ ให้เราเป็นส่วนหนึ่งในการเติมเต็มความทรงจำของคุณ ที่นี่เรามี ทัวร์ดีๆ มากมาย จัดหนักจัดเต็มทุกทริป รับรองไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ planetholidays คำตอบของคนชอบเที่ยว ทัวร์ดี ราคาถูก โทรสอบถามข้อ มูลเพิ่มเติมได้ที่ Tel: 02-530-9899, 081-855-7999, 094-794-1666 Line เราก็มีนะ @planetholiday

ทัวร์อิหร่าน /

NASIR OL MOLK MOSQUE สุเหร่าสีชมพูที่สวยที่สุดในโลก

NASIR OL MOLK MOSQUE สุเหร่าสีชมพูที่สวยที่สุดในโลก NASIR OL MOLK MOSQUE หรือ ที่รู้จักกันในชื่อสุเหร่าสีชมพู หนึ่งในมัสยิดที่มีความสำคัญมากที่สุดของ ประเทศอิหร่าน และเป็นมัสยิดที่มีความงดงามมากที่สุดในโลก… Pink Mosque ตั้งอยู่ใจกลางเมือง Shiraz เมืองทางตอนใต้ของเมืองหลวง Tehran ประเทศอิหร่าน สร้างขึ้นโดย มรีซ์า ฮาซาน อลี นาซีร์ อัลมอล์ค ใน ค.ศ. 1876-1888 ซึ่งใข้เวลาสร้างถึง 12 ปี และมีอายุมากกว่า 100 ปี เลยทีเดียว สิ่งที่ทำให้สุเหร่าสีชมพูแห่งนี้มีชื่อเสียงกระฉ่อนไปทั่วโลกก็คือ สีสีนของกระเบื้องที่ถูกตกแต่งอย่างวิจิตรงดงามตามส่วนต่างๆ มีทั้งกระเบื้องสีชมพู สีแดง สีเหลือง ซึ่งไม่ว่าจะมองมาจากมุมใดของมัสยิดก็ตามจะได้เห็นสีของกระเบื้องที่ตกแต่งภายในเป็นสีชมพูสวยงามเป็นอย่างมาก ยิ่งถ้าใครได้เข้าไปสัมผัสในช่วงที่แสงแดดสาดแสงผ่านกระจกสีลงมากระทบพื้นจะรู้ว่าที่แห่งนี้มัน unseen มากๆ สีสันของกระเบื้องกระทบกับแสงแดดอ่อนๆ ที่สาดส่องภาพเข้ามา ช่วยเผยความงดงามและเติมแต่งให้ที่แห่งนี้มีมนต์เสน่ห์ดั่งดินแดนในความฝัน ก็จบกันไปแล้วนะคะ กับ NASIR OL MOLK MOSQUE สุเหร่าสีชมพูที่สวยที่สุดในโลก เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับมนต์เสน่ห์ขอสุเหร่าสีชมพู งดงามชวนหลงไหลมากเลยใช่ไหมหล่ะ ส่วนใครที่กำลังจะวางแผนมา เที่ยวอิหร่าน แต่ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนบ้าง ลองเข้ามาปรึกษาพวกเรา planetholidays สิคะ ให้เราเป็นส่วนหนึ่งในการเติมเต็มความทรงจำของคุณ ที่นี่เรามี ทัวร์ดีๆ มากมาย จัดหนักจัดเต็มทุกทริป รับรองไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ planetholidays คำตอบของคนชอบเที่ยว  ทัวร์ดี ราคาถูก โทรสอบถามข้อ มูลเพิ่มเติมได้ที่ Tel: 02-530-9899, 081-855-7999, 087-078-1777 Line เราก็มีนะ @planetholiday

ทัวร์ยุโรป /

Bled Island เกาะสวรรค์กลางทะเลสาบแห่งเทือกเขาจูเลียนแอลป์

Bled Island เกาะสวรรค์กลางทะเลสาบแห่งเทือกเขาจูเลียนแอลป์ Bled Island เกาะสวรรค์กลางทะเลสาบแห่งเทือกเขาจูเลียนแอลป์ แดนสวรรค์แห่งความโรแมนติกบนผืนแผ่นดิน “สโลวีนีย” ประเทศเล็กๆ ที่แฝงไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวอันงดงาม… เกาะเบลด เป็นเกาะเล็กๆ ที่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่กลางทะเลสาบเบลด ทะเลสาบอันเป็นที่เลืองชื่อเรื่องความงดงามของธรรมชาติ ซึ่งเกาะแห่งที่ตั้งอยู่ในเมืองเบลด เมืองทางตอนเหนือของประเทศสโลวีนีย ทะเลสาบเบลดมีขนาดไม่ใหญ่มาก มีพื้นที่เพียงแค่ 1.45 กิโลเมตรเท่านั้น แต่สิ่งที่ทำให้ทะเลสาบแห่งนี้มีชื่อเสียงก็คือ ภูมิทัศน์ที่แสนอลังการโอบล้อมด้วยเนินเขา ผืนน้ำ และยังถูกผสานเข้าด้วยเกาะกลางทะเลสาบที่มีสิ่งปลูกสร้างเป็นโบสถ์ สร้างขึ้นเพื่ออุทิศแด่การขึ้นไปจุติบนสวรรค์ของพระแม่มารีในช่วงศตวรรษที่ 17 ซึ่งความสวยงามจากศิลปะแนวบารอคของที่นี่ ทำให้ในแต่ละปีมีคู่รักจำนวนมากเลือกเกาะแห่งนี้เป็นสถานที่แต่งงานของพวกเขา เบลดเป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญแห่งหนึ่งของประเทศสโลวีเนีย ไฮไลท์หลักของการท่องเที่ยวที่แห่งนี้ก็คือการล่องเรือชมความงดงามของทะเลสาบเบลด โดยจะมีบริการนั่งเรือไม้ (เรือพาย) จากชาวท้องถิ่น เรือหนึ่งลำจะสามารถนั่งได้ประมาณ 12 - 15 คนค่ะ เกาะกลางทะเลสาบมีขนาดเล็กนิดเดียว บันไดที่นำเราขึ้นไปยังบนเกาะมีเพียง 99 ขั้นเท่านั้น ซึ่งคู่รักคู่ไหนที่ต้องการจะมาจัดงานแต่งงานยังที่แห่งนี้ จะมีธรรมเนียมอยู่ว่า เจ้าบ่าว จะต้องอุ้ม เจ้าสาว ขึ้นบันได 99 ขั้น เพื่อขึ้นไปยังโบสถ์ ก่อนจะลั่นระฆังเพื่ออธิฐานให้ชีวิตคู่อยู่กันอย่างยั่งยืน การจะเข้าไปท่องเที่ยวในโบสถ์นั้น เราต้องเสียค่าเข้าชมคนละ 6 ยูโร และบนเกาะยังมีร้านขายของที่ระลึก ค่าเฟ่ ร้านอาหารให้เราได้ฝากท้องกันอีกด้วย นอกจากนี้บริเวณริมทะเลสาบเบลดยังมีโรงแรม รีสอร์ทหลายแห่งให้เราได้เลือกพักผ่อน ใครที่วางแผนจะมาเที่ยวยังเกาะแห่งนี้ ก็สามารถนอนค้างคืนตามโรงแรมริมทะเลสาบ สัมผัสวิวชิลล์ๆ ก่อนได้ พอวันรุ่งขึ้นก็ค่อยออกไปเที่ยวบนเกาะค่ะ ก็จบกันไปแล้วนะคะ กับ BledIsland เกาะสวรรค์กลางทะเลสาบแห่งเทือกเขาจูเลียนแอลป์ เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับมนต์เสน่ห์ของBled Island  งดงามดั่งดินแดนในเทพนิยายเลยใช่ไหมหล่ะ ส่วนใครที่กำลังจะวางแผนมา เที่ยวสโลวีเนีย แต่ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนบ้าง ลองเข้ามาปรึกษาพวกเรา planetholidays สิคะ ให้เราเป็นส่วนหนึ่งในการเติมเต็มความทรงจำของคุณ ที่นี่เรามี ทัวร์ดีๆ มากมาย จัดหนักจัดเต็มทุกทริป รับรองไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ planetholidays คำตอบของคนชอบเที่ยว ทัวร์ดี ราคาถูก โทรสอบถามข้อ มูลเพิ่มเติมได้ที่ Tel: 02-530-9899, 081-855-7999, 094-794-1666 Line เราก็มีนะ @planetholiday

ทัวร์ยุโรป /

หาดทรายสีดำ Reynisfjara beach มหัศจรรย์ธรรมชาติแห่งไอซ์แลนด์

หาดทรายสีดำ Reynisfjara beach มหัศจรรย์ธรรมชาติแห่งไอซ์แลนด์ ไอซ์แลนด์ เป็นหนึ่งในประเทศที่มีธรรมชาติอันมหัศจรรย์อยู่มากมาย และหนึ่งในนั้นก็คือ หาดทรายสีดำ Reynisfjara beach หาดทรายที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในประเทศและยังเป็นที่โจษจันระดับโลก ความพิเศษของทรายสีดำที่เกิดจากการเนรมิตโดยธรรมชาติ จนเกิดเป็นภาพทิวทัศน์อันงดงามชวนหลงไหลและน่าพิศวงในเวลาเดียวกัน… Reynisfjara beach ตั้งอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ ทางตอนใต้ของประเทศไอซ์แลนด์ ก้อนกรวดและทรายสีดำที่เรียงรายอยู่บนหาดนี้ แท้จริงแล้วเกิดจากการสึกกร่อนของหินลาวา และแนวหินบะซอลต์ ที่ถูกพัดพาไปสะสมตัวบริเวณชายหาด โดยเม็ดทรายนี้มีความหนาแน่นและทนทานต่อการแตกสลายผุพัง ถ้าลองสังเกตุอย่างใกล้ๆ เราจะเห็นว่าก้อนกรวดพวกนี้มีลักษณะคล้ายกับอัญมณีอย่างนิลเลยทีเดียว ในโลกใบนี้มีชายหาดสีดำอยู่ไม่กี่แห่ง โดย Reynisfjara beach เป็น 1 ใน 10 ชายหาดที่มีความงดงามและน่าอัศจรรย์ที่สุดในโลก ซึ่งมีความยาวถึง 5 กิโลเมตร และอยู่ในภูมิอากาศที่มีฝนตกแทบจะทุกวันจึงทำให้มีความชุ่มชื้นและอากาศเย็น บริเวณนี้ยังเป็นที่นิยมสำหรับช่างภาพที่ชื่นชอบการถ่ายรูปวิวทิวทัศน์ และพรีเวดดิ้งอีกด้วย นอกจากนี้บริเวรใกล้ๆ กันก็มีแท่งหินบะซอลต์ทรงกระบอกหกเลี่ยมเรียงซ้อนกันเป็นชั้นๆ เรียกว่า Reynisdrangur ตั้งอยู่เป็นจำนวนมากและนี่ก็เป็นอีกหนึ่งความมหัศจรรย์ที่ธรรมชาติรังสรรค์ขึ้น และยังมีโพรงถ้ำหินบะซอลต์ Dyrholaey ซึ่งมีความสูงสูง 120 เมตร ให้เราได้เข้าไปสัมผัสกับความงดงามอีกด้วย… ก็จบกันไปแล้วนะคะ กับ หาดทรายสีดำ Reynisfjara beach มหัศจรรย์ธรรมชาติแห่งไอซ์แลนด์ เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับมนเสน่ห์ของที่แห่งนี้ งดงามและอัศจรรย์มากเลยใช่ไหมหล่ะ ส่วนใครที่กำลังจะวางแผนจะไป เที่ยวไอซ์แลนด์ แต่ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนบ้าง ลองเข้ามาปรึกษาพวกเรา planetholidays สิคะ ให้เราเป็นส่วนหนึ่งในการเติมเต็มความทรงจำของคุณ ที่นี่เรามี ทัวร์ดีๆ มากมาย จัดหนักจัดเต็มทุกทริป รับรองไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ planetholidays คำตอบของคนชอบเที่ยว ทัวร์ดี ราคาถูก โทรสอบถามข้อ มูลเพิ่มเติมได้ที่ Tel: 02-530-9899, 081-855-7999, 094-794-1666 Line เราก็มีนะ @planetholiday

ทัวร์ตุรเคีย /

ต้องมนต์สะกดไปกับเมืองโรมัน เอฟฟิซุส มหานครโบราณแห่งประเทศตุรกี

ต้องมนต์สะกดไปกับเมืองโรมัน เอฟฟิซุส มหานครโบราณแห่งประเทศตุรกี ต้องมนต์สะกดไปกับเมืองโรมัน เอฟฟิซุส มหานครโบราณแห่งประเทศตุรกี แหล่งอารายธรรมที่กำเนิดขึ้นในยุคสมัยกรีกคลาสสิค ซึ่งในปัจจุบันมีอายุมากกว่า 2,500 ปี… เอฟฟิซุสตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของอานาโตเลียในจังหวัดอิซเมียร์ในประเทศตุรกี ในสมัยโรมันเอฟฟิซุสเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นสองของจักรวรรดิโรมันรองจากโรมและยังถูกจารึกให้เป็น “มหานครแห่งแรกและยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเซีย” เพราะเป็นเมืองโบราณที่มีความสมบูรณ์และมั่งคั่งที่สุด ถนนทุกสายปูด้วยหินอ่อน ซึ่งในสมัยนั้นจะหาอะไรที่หรูหรากว่านี้คงไม่มีอีกแล้ว ในอดีตเมืองแห่งนี้เคยมีประชากรมากถึง 250,000 ในศตวรรษที่ 1 ก่อนคริสต์ศักราช ซึ่งเท่ากับทำให้เป็นเมืองที่ใหญ่เป็นสองของโลกในยุคนั้น ชื่อเสียงของเมืองมาจากเทวสถานอาร์ทีมิส (สร้างเสร็จราว 550 ปีก่อนคริสต์ศักราช) ซึ่งเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก ตัวเทวสถานถูกทำลายในปี ค.ศ. 401 โดยฝูงชนที่นำโดยนักบุญจอห์น คริสซอสตอมจักรพรรดิคอนสแตนตินที่ 1 ทรงสร้างเมืองขึ้นมาใหม่และทรงสร้างโรงอาบน้ำสาธารณะ ต่อมาในปี ค.ศ. 614 บางส่วนของตัวเมืองก็มาถูกทำลายไปโดยแผ่นดินไหวเมื่อความสำคัญทางการค้าขายของเอฟฟีซุสลดถอยลง อ่าวก็ตื้นเขินขึ้น ซึ่งในเวลาต่อมาเมืองก็ถูกรุกรานเข้ายึดครองโดยพวกเปอร์เซียและกษัตริย์อเล็กซานเดอร์มหาราช ภายหลังเมื่อโรมันเข้าครอบครองก็ได้สถาปนาเอฟฟิซุสขึ้นเป็นเมืองหลวงต่างจังหวัดของโรมัน ซากเมืองโบราณของเอฟฟีซุสเป็นสิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวเป็นอันมาก และยังเป็นเมืองโบราณที่มีการบำรุงรักษาไว้เป็นอย่างดีที่สุดเมืองหนึ่ง ในเมืองจะพบถนนหินอ่อนผ่านใจกลางเมืองเก่าที่สองข้างทางเต็มไปด้วยซากสิ่งก่อสร้างเมื่อสมัย 2,000 ปีที่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นโรงละครกลางแจ้งที่สามารถจุผู้ชมได้กว่า 30,000 คน ห้องอาบน้ำแบบโรมันโบราณ ที่ยังคงเหลือร่องรอยให้เห็นอยู่จนถึงทุกวันนี้ ห้องสมุดโบราณที่มีวิธีการเก็บรักษาหนังสือไว้ได้เป็นอย่างดี ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นศิลปะแบบเฮเลนนิสติคที่มีความอ่อนหวานและฝีมือประณีต ก็จบกันไปแล้วนะคะ กับ ต้องมนต์สะกดไปกับเมืองโรมัน เอฟฟิซุส มหานครโบราณแห่งประเทศตุรกี เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับมนต์เสน่ห์ของเอฟฟิซุส งดงามและมีมนต์ขลังมากเลยใช่ไหมหล่ะ ส่วนใครที่กำลังจะวางแผนมา เที่ยวตุรกี แต่ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนบ้าง ลองเข้ามาปรึกษาพวกเรา planetholidays สิคะ ให้เราเป็นส่วนหนึ่งในการเติมเต็มความทรงจำของคุณ ที่นี่เรามี ทัวร์ดีๆ มากมาย จัดหนักจัดเต็มทุกทริป รับรองไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ planetholidays คำตอบของคนชอบเที่ยว ทัวร์ดี ราคาถูก โทรสอบถามข้อ มูลเพิ่มเติมได้ที่ Tel: 02-530-9899, 081-855-7999, 094-794-1666 Line เราก็มีนะ @planetholiday

ทัวร์เกาหลี /

สัมผัสฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ณ อุทยานแห่งชาติโซรัคซาน แลนด์มาร์กดีๆ ที่ตุลานี้ต้องไปโดน !!

สัมผัสฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ณ อุทยานแห่งชาติโซรัคซาน แลนด์มาร์กดีๆ ที่ตุลานี้ต้องไปโดน !! เติมเต็มประสบการณ์การชมใบไม้เปลี่ยนสีของคุณ ณ อุทยานแห่งชาติโซรัคซาน สุดยอดแลนด์มาร์กแห่งการชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ดีที่สุดของประเทศเกาหลี ตุลาคมนี้ !! แพลนไว้แล้วออกไปลุยกันเล๊ย… อุทยานแห่งชาติโซรัคซานตั้งอยู่ในเมืองซกโช จังหวัดคังวอนโด มีพื้นที่ทั้งหมด 354 กิโลเมตร จัดได้ว่าเป็นแนวเขาที่สวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่งในเกาหลีใต้และเป็นที่แรกๆ ที่ใบไม้เริ่มเปลี่ยนสี ซึ่งจะเริ่มในช่วงเดือนกันยายน ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและจะไปพีคที่สุดในช่วงเดือนตุลาคม - พฤศจิกายน ค่ะ ตลอดการเที่ยวชมภายในอุทยาน คุณจะได้ดื่มด่ำกับพรรณไม้นานาชนิดที่กำลังเปลี่ยนสีไล่เฉดไปทั่วภูเขา เคล้าคลอด้วยลมหนาวที่กำลังพัดผ่านมา ประกบกับเสียงลมเสียงใบไม้พริ้วไหว เสียงนก เสียงแมลง ที่คอยเติมแต่งบรรยากาศให้ที่แห่งนี้ เป็นดินแดนในจินตนาการ… หลังจากดื่มด่ำกับสีสันของฤดูกาลกันมาสักพักแล้ว ใครที่เริ่มหิว ภายในอุทยานก็มีร้านค้าร้านอาหาร ค่าเฟ่ มากมาย ให้คุณได้เลือกลิ้มลองกันตามใจชอบ หรือใครที่เป้นคอกาแฟอยากจิบกาแฟเบาๆ เสพบรรยากาศอันแสนสุข ที่แห่งนี้ก็มีร้านกาแฟไว้บริการนะคะ อีกหนึ่งไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาดเลยเมื่อมาเยือนอุทยานแห่งนี้ก็คือ การขึ้นไปชมวิวทิวทัศน์อันงดงามของยอดเขา Gwongeumseong Fortress ซึ่งที่แห่งนี้มีกระเช้าคอยบริการนักท่องเที่ยวอยู่ โดยจะมีค่าบริการไป - กลับอยู่ที่ 10,000 วอน หรือประมาณ 370 บาท ต้องบอกว่าระหว่างทางที่กระเช้าเคลื่อนตัวนั้น วิวทิวทัศน์ของเค้าสุดยอดจริงๆ ตัวกระเช้าจะไม่ได้ขึ้นไปยังจุดสูงสุดของยอดเขา Gwongeumseong Fortress โดยจะจอดที่จุดพัก ซึ่งตรงนี้ถ้าใครต้องการจะไปพิชิตจุดสูงสุดของยอดเขาจะต้องเดินเท้ากันต่อนะคะ แต่ถ้าใครไม่อยากขึ้นก็สามารถชมวิวอยู่ตรงจุดพักกระเช้าได้ค่ะ งดงามเหมือนกัน อัตราค่าเข้าชมอุทยาน : ผู้ใหญ่ 3,500 วอน (ประมาณ 100 บาท), เด็ก (อายุ 14-19) 1,000 วอน (ประมาณ 30 บาท), เด็ก(อายุ 8-13) 500 วอน (ประมาณ 15 บาท) เวลาเปิดทำการ : เปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 7.00 น. - 17.00 น. การเดินทาง : จากเมืองซกโช, ขึ้นรถ City Bus และลงที่ทางเข้าอุทยานแห่งชาติซอรัคซาน (ใช้เวลาประมาณ 20-25 นาที, มีรถทุกๆ 10 นาที) จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 10 นาทีก็จะถึง จากเมืองซกโช, ขึ้น Taxi มาลงที่อุทยานแห่งชาติ (ใช้เวลาประมาณ

ทัวร์พม่า /

มหาเจดีย์ชเวสิกอง 1 ใน 5 มหาบูชาสถานสูงสุดแห่งเมืองพม่า

มหาเจดีย์ชเวสิกอง 1 ใน 5 มหาบูชาสถานสูงสุดแห่งเมืองพม่า มหาเจดีย์ชเวสิกอง (Shwezigon Paya) เจดีย์องค์ใหญ่ สีทอง เก่าแก่คู่บ้านคู่เมือง พุกาม ศาสนสถานอันเป็นที่เคารพนับถือของชาวพม่าและชาวไทย โดยชื่อ “ชเวสิกอง” มีความหมายว่า เจดีย์ทองแห่งชัยชนะ และยังเป็น 1 ใน 5 มหาบูชาสถานสูงสุดของประเทศพม่าอีกด้วย… เจดีย์ชเวสิกองตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำอิระวดีตอนบน เขตเมืองพุกาม เริ่มสร้างในสมัยพระเจ้าอโนรธามหาราช (พ.ศ.1587 – 1620) มาเสร็จสิ้นสมัยพระเจ้าจันสิตตา (พ.ศ.1627 - 1656) รัชกาลที่ 3 แห่งราชวงศ์พุกาม พุทธลักษณะเป็นเจดีย์ทรงระฆังคว่ำแบบมอญ ประดับลายงดงามด้วยเฟื่องอุบะ และแถบคาดรอบองค์ระฆังที่เรียกว่า “รัดอก” แซมลวดลายประดับทั้งขอบล่างและขอบบน องค์เจดีย์หุ้มด้วยแผ่นทอง ตั้งบนฐาน 3 ชั้น รวมความสูงจากฐานถึงยอด 53 เมตร หรือกว่า 170 ฟุต รอบระเบียงมีภาพแผ่นเคลือบปูนปั้นเล่าเรื่องในนิทานชาดกสอนใจคน รอบฐานเจดีย์มีวิหารโถงประดิษฐานพระพุทธรูปทั้งสี่ทิศ ถือเป็นศิลปะพุกามรุ่นแรกที่ได้รับอิทธิพลจากมอญ จุดที่สร้างเจดีย์ เกิดจากช้างเสี่ยงทายของพระเจ้าอโนรธาเดินมาหยุดอยู่ ณ หาดทรายริมฝั่งแม่น้ำอิระวดี จึงเฉลิมนาม “ชเวสิกอง” หรือในสำเนียงพม่าว่า “ชเวซีโข่ง” แปลตรงตัวว่าเจดีย์ทองบนพื้นทรายเจดีย์ที่เปรียบเสมือนสัญลักษณ์แห่งชัยชนะของพม่าที่มีเหนือมอญ และยังเป็นสัญลักษณ์แห่งศรัทธาในศาสนาพุทธนิกายเถรวาท ที่สำคัญคือเป็นเจดีย์บรรจุพระทันตธาตุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เจดีย์ชเวสิกองมีความอัศจรรย์ 9 ประการของพระมหาธาตุชเวสิกอง คือ 1.ยอดพระเจดีย์ไม่มีการใช้เหล็กเสริม 2.กระดาษห่อแผ่นทองคำเปลวที่นำไปปิดส่วนยอดพระเจดีย์ จะไม่ปลิวพ้นฐานสี่เหลี่ยมของพระเจดีย์ 3.เงาพระเจดีย์จะไม่ล้ำออกนอกฐานสี่เหลี่ยมของพระเจดีย์ (ถ้าเงาล้ำออกไป ถือว่าเป็นลางร้าย) 4.ภายในเขตองค์พระเจดีย์ สามารถรองรับผู้แสวงบุญได้ไม่จำกัดจำนวน (ไม่เคยเต็ม) 5.มีการให้ทานด้วยข้าวสุกร้อน ๆ ทุกเช้า (ไม่ว่าเราจะตื่นเช้าสักเพียงใด จะพบข้าวสุกในบาตรอยู่ก่อนหน้าเราเสมอ) 6.เมื่อตีกลองใบใหญ่จากด้านหนึ่งของพระเจดีย์ จะไม่สามารถได้ยินเสียงกลองจากด้านตรงข้าม 7.แม้พระเจดีย์จะตั้งอยู่บนพื่นราบ แต่เมื่อมองจากภายนอก จะเกิดภาพลวงตาคล้ายพระเจดีย์ตั้งอยู่บนที่สูง 8.ไม่ว่าฝนจะตกหนักเพียงใด จะไม่มีน้ำฝนขังอยู่ในอาณาเขตขององค์พระเจดีย์ 9.มีต้นพิกุล (Khaye หรือ Chayar) ซึ่งจะออกดอกตลอดทั้งปี (ปรกติจะออกปีละครั้ง) ก็จบกันไปแล้วนะคะ กับ มหาเจดีย์ชเวสิกอง 1 ใน 5 มหาบูชาสถานสูงสุดแห่งเมืองพม่า เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับมนเสน่ห์ของมหาเจดีย์ชเวสิกอง งดงาม ดูศักดิ์สิทธิ์และมีมนต์เสน่ห์มากเลยใช่ไหมหล่ะ ส่วนใครที่กำลังจะวางแผนจะไป เที่ยวพม่า แต่ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนบ้าง ลองเข้ามาปรึกษาพวกเรา planetholidays สิคะ ให้เราเป็นส่วนหนึ่งในการเติมเต็มความทรงจำของคุณ ที่นี่เรามี ทัวร์ดีๆ มากมาย จัดหนักจัดเต็มทุกทริป รับรองไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ planetholidays คำตอบของคนชอบเที่ยว ทัวร์ดี ราคาถูก โทรสอบถามข้อ มูลเพิ่มเติมได้ที่ Tel: 02-530-9899, 081-855-7999, 094-794-1666 Line เราก็มีนะ @planetholiday

ทัวร์ยุโรป /

มหาวิหารดูโอโม่ (Duomo di Milano) ความหรูหรากลางมหานครแห่งแฟชั่น

มหาวิหารดูโอโม่ (Duomo di Milano) ความหรูหรากลางมหานครแห่งแฟชั่น มหาวิหารดูโอโม่ (Duomo di Milano) ที่สุดของสถาปัตยกรรมกอธิคแห่งเมืองมิลาน ตั้งโดดเด่น หรูหราอยู่ตรงกลางจตุรัสแห่งมหานครแฟชั่น แลนด์มาร์กท่องเที่ยวสำคัญที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนเมืองแห่งนี้… ดูโอโม่แห่งมิลาน เป็นโบสถ์ใหญ่อันดับ 3 ของยุโรป ใช้ศิลปะกอธิคที่หรูหราในการออกแบบ และใช้เวลาในการสร้างนานเกือบ 600 ปีเลยทีเดียว โดยเริ่มสร้างตั้งแต่ ปี ค.ศ.1386 มีความความสูงถึง 157 เมตรและกว้างถึง 92 เมตร จนได้ชื่อว่าเป็นมหาวิหารแบบกอธิคที่ใหญ่ที่สุดในโลก จุดประสงค์ในการสร้างเพื่อเป็นอนุสรณ์แก่กษัตริย์วิคเตอร์เอมมานูเอลที่ 2 ปฐมกษัตริย์ของอิตาลีในการรวมชาติ ลานกว้างด้านหน้าดูโอโม่มีอนุสาวรีย์ พระเจ้าวิกเตอร์เอมมานูเอลที่ 2 ทรงม้า คือสถานที่จัดงานสำคัญต่างๆ และเป็นที่พบปะของผู้คน ความโดดเด่นของมหาวิหารนั้นก็คือ การตกแต่งประดับประดาที่เน้นความหรูหราอย่างเต็มที่โดยเฉพาะรูปปั้นรอบตัวอาคาร มีจำนวนกว่า 3,000 ชิ้น ขวามือของโบสถ์มีอาคารทรงกากบาทหลังหนึ่ง และหลังคามุงด้วยกระเบื้องโปร่งใส เรียกกันว่า“อาเขต” อีกทั้งยังถูกรายล้อมด้วยยอดแหลมประมาณ 135 ยอดบนหลังคาทำให้มหาวิหารนั้นดูอลังการ สวยงามแปลกตา ยอดที่สูงที่สุดประดับด้วยรูปสลักพระแม่มาเรียสูง 4 เมตร หุ้มด้วยทองคำทั้งองค์ มีชื่อเรียกว่า “มาดอนนิน่า” ภายในมหาวิหารก็ถูกตกแต่งอย่างหรูหราเช่นกัน มีรูปปูนปั้นของนักบุญและเรื่องราวจากพระคัมภีร์ บนผนัง เพดาน หน้าต่างเต็มไปด้วยภาพเขียนและสเตนกราสที่มีสีสันลวดลายสวยงามวิจิตร บริเวณภายในกว้างขวาง สามารถบรรจุคนได้มากถึง 40,000 คนเลยทีเดียว มหาวิหารดูโอโม่สะท้อนให้เห็นถึงความสามารถของสติปัญญาและอัฉริยะภาพของสถาปนิกในสมัยกลาง โดยเฉพาะประเทศฝรั่งเศสที่มีสถาปัตยกรรมกอธิคมากมาย สะท้อนให้เห็นถึงความน่าทึ่งของสถาปัตยกรรมกอธิคที่มีระยะเวลาการสร้างที่ยาวนานและความสามารถของช่างฝีมือที่เก่งกาจที่สามารถสร้างสรรค์ผลงานอันน่าเกรงขามแสดงถึงพลังอำนาจของคริสตจักรได้เป็นอย่างดี วันเวลาทำการ : 10:00 - 18:00 น. ปิดทุกวันพุธ อัตราค่าเข้าชม : เข้าชมฟรี แต่ถ้าต้องการถ่ายรูปต้องเสีย 2 ยูโร ค่าขึ้นลิฟ 8 ยูโร เดินขึ้นบันได 5 ยูโร ก็จบกันไปแล้วนะคะ กับ มหาวิหารดูโอโม่ (Duomo di Milano) ความหรูหรากลางมหานครแห่งแฟชั่น เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับมนต์เสน่ห์ของมหาวิหารดูโอโม่ หรูหรา งดงาม อลังการมากเลยใช่ไหมหล่ะ ส่วนใครที่กำลังจะวางแผนจะไป เที่ยวอิตาลี แต่ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนบ้าง ลองเข้ามาปรึกษาพวกเรา planetholidays สิคะ ให้เราเป็นส่วนหนึ่งในการเติมเต็มความทรงจำของคุณ ที่นี่เรามี ทัวร์ดีๆ มากมาย จัดหนักจัดเต็มทุกทริป รับรองไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ planetholidays คำตอบของคนชอบเที่ยว ทัวร์ดี ราคาถูก โทรสอบถามข้อ มูลเพิ่มเติมได้ที่ Tel: 02-530-9899, 081-855-7999, 094-794-1666 Line เราก็มีนะ @planetholiday
Promotion 0%