ทัวร์ญี่ปุ่น
/
วัดขึ้นชื่อ 5 แห่ง ที่ต้องมาเยือนให้ได้เมื่อมาญี่ปุ่น
บริษัททัวร์คุณภาพ
เหนือด้วย...ราคา และคุณภาพ
ข่าวสาร
การไปเที่ยวญี่ปุ่นนอกจากการไปเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวในตัวเมืองเด่นดังต่าง ๆ พร้อมทั้งสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามมากมายของญี่ปุ่นแล้ว สิ่งที่ห้ามพลาดเมื่อไปเยือนญี่ปุ่นอีกหนึ่งสิ่งสำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ก็คือการไปเคารพและกราบไหว้ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำท้องถิ่นของญี่ปุ่นนั่นเอง ซึ่งวัดในญี่ปุ่นก็มีมากถึง 77,000 แห่งเลยทีเดียว แต่จะให้ไปเที่ยวทั้งหมดนั้นคงเป็นไปไม่ได้ เว็บไซต์ mcha-th.com จึงได้คัดสรร 5 วัดขึ้นชื่อ ที่ไม่ควรพลาดของญี่ปุ่น มาเป็นแนวทางให้กับมือใหม่ตะลอนเที่ยวญี่ปุ่น จะมีวัดไหนบ้างนั้น...ไปชมกันเลยค่ะ
เพื่อน ๆ ทราบไหมคะว่าในญี่ปุ่นมีวัดทั้งหมดกี่แห่ง ? คำตอบก็คือ 77,000 แห่งเลยทีเดียว เรียกได้ว่ามีจำนวนมากกว่าร้านสะดวกซื้อทั่วประเทศญี่ปุ่นเสียอีก (ปี 2015) ในบทความนี้เราจะขอมาแนะนำวัดยอดนิยม 5 แห่งซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวคัดสรรพิเศษจากบรรดาวัดทั่วประเทศญี่ปุ่นกันค่ะ
วัดโฮริวจิ (นารา)
ภาพจาก gtknj on flickr
:: วัดโฮริวจิ ในจังหวัดนารา เป็นวัดสถาปัตยกรรมไม้ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ซึ่งสร้างขึ้นที่นาราในปี 607 และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์กร UNESCO ครั้งแรกของญี่ปุ่นในปี 1993 ภายในสถาปัตยกรรมและพระพุทธรูปของวัดโฮริวจิ มีสิ่งที่ถือเป็นสมบัติของชาติมากมาย เพียงแค่ยืนอยู่ภายในตัววัดโฮริวจิก็สามารถสัมผัสได้ถึงประวัติศาสตร์อันยาวนานแล้วล่ะค่ะ
วัดโฮริวจิโด่งดังจากการที่มีพระพุทธรูปประดิษฐานเป็นจำนวนมาก คุเซะคันนง (รูปปั้นยืนของพระโพธิสัตว์กวนอิม) ซึ่งเป็นสมบัติของชาติไม่ได้เปิดให้เข้าชมได้ทั่วไป แต่ในฤดูใบไม้ผลิ (11 เมษายน-18 พฤษภาคม) และฤดูใบไม้ร่วง (22 ตุลาคม-23 พฤศจิกายน) ของทุกปีจะมีการเปิดให้เข้าไปสักการบูชาเป็นโอกาสพิเศษ ยังไงเพื่อน ๆ ก็ลองแวะไปเยือนตามช่วงเวลากันดูนะคะ
และที่ศูนย์ข้อมูลข่าวสารสำหรับการท่องเที่ยว 「โฮริวจิ I เซ็นเตอร์」 ยังมีบริการฟรีไกด์ภาษาอังกฤษอีกด้วย ถ้าใครอยากทราบข้อมูลรายละเอียดของวัดโฮริวจิก็ขอแนะนำให้จองไว้ค่ะ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์หลัก
ที่อยู่ : 1-1 Horyuji Sannai, Ikaruga-cho, Ikoma-gun, Nara Prefecture
เบอร์โทรศัพท์ : 0745-75-2555
เว็บไซต์หลัก : วัดโฮริวจิ
วัดเซ็นโซจิ/วัดอาซากุสะ (โตเกียว)
ภาพจาก 浅草寺を隅々まで堪能してみませんか? 浅草寺総合ルート案内
:: วัดเซ็นโซจิ เป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดในโตเกียว ซึ่งสร้างขึ้นเมื่อปี 628 ทั้ง ๆ ที่เป็นวัดใจกลางเมืองหลวงแต่ก็สามารถสัมผัสได้ถึงบรรยากาศของเอโดะ (ชื่อเรียกของโตเกียวในยุคซามูไร) ได้ง่าย ๆ เลย จึงกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมทั้งในประเทศและต่างประเทศเลยล่ะค่ะ
แต่ละฤดูกาลก็จะมีการจัดงานเทศกาลมากมาย เช่น โฮสึคิอิจิ และ โทชิโนะอิจิ เป็นต้น สำหรับใครที่ไปก็ขอแนะนำให้เช็กข้อมูลงานเทศกาลให้ดีก่อนนะคะ
ผู้คนจำนวนมากมักจะมาตั้งกล้องถ่ายรูปกันตรงประตูฟูไรจิมมง (หรือเรียกกันว่า คามินาริมง) ที่ตั้งอยู่ตรงทางเข้าของวัดเซ็นโซจิ ซึ่งนับเป็นจุดถ่ายรูปยอดฮิตเลยค่ะ ถนนตั้งแต่ประตูยาวไปจนถึงตัววัดจะเรียงรายไปด้วยร้านค้าต่าง ๆ มากมาย และมีขนมขึ้นชื่อคืออาเกะมันจู
ทัวร์นิวซีแลนด์
/
10 สถานที่ท่องเที่ยวนิวซีแลนด์ สุดฮอตบนอินสตาแกรม
บริษัททัวร์คุณภาพ
เหนือด้วย...ราคา และคุณภาพ
ข่าวสาร
เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2559 การท่องเที่ยวนิวซีแลนด์ เผยภาพที่นักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศแชร์กันมากที่สุดบนโซเชียลมีเดียสุดฮอต "อินสตาแกรม" (Instagram) ประจำปี 2015 ได้แก่
อันดับ 1 เกาะไวฮิกิ (Waiheke Island)
:: เกาะไวฮิกิ ติดหนึ่งในสิบภูมิภาคน่าเที่ยวของโลกประจำปี 2016
สามารถเดินทางข้ามไปได้ด้วยเรือเฟอร์รี่โดยใช้เวลาเพียง 35 นาที จากโอ๊คแลนด์ บนเกาะนี้มีมุมสวย ๆ ให้ถ่ายรูปมากมาย ไม่ว่าจะเป็นภาพขณะข้ามเรือหรือภาพในไร่องุ่น นอกจากนี้เกาะไวฮิกิ ยังมีชื่อติดอันดับ 10 ภูมิภาคน่าเที่ยวประจำปี 2016 จากนิตยสารท่องเที่ยวดังอย่าง โลนลี่ แพลนเน็ต อีกด้วย
อันดับ 2 เมาท์ มองกานุย (Mount Muanganui)
:: เมาท์ มองกานุย หนึ่งในจุดชมวิวทะเลที่งดงามที่สุด
ที่อยู่ห่างจากโอ๊คแลนด์ไปทางตอนใต้เพียงแค่ 3 ชั่วโมง เมืองชายทะเลแห่งนี้มีจุดชมวิวที่สวยที่สุดตั้งอยู่บนยอดเขามองกานุย เมื่อมองลงมาด้านล่างจะเห็นหาดทรายสีขาวทอดยาวสุดสายตา เมืองนี้ได้ชื่อว่าเป็นเมืองพักตากอากาศยอดนิยมของชาวนิวซีแลนด์มาอย่างยาวนาน
อันดับ 3 หมู่บ้านฮอบบิทตัน
:: ฮอบบิทตัน มูฟวี่เซต สถานที่ถ่ายทำบ้านฮอบบิทใน The Lord of the Rings / The Hobbit
สถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์มหากาพย์เรื่องดังอย่าง The Lord of the Rings และ The Hobbit ตั้งอยู่บนเนินเขาบนพื้นที่ 12 เอเคอร์ ใกล้กับเมืองเกษตรกรรมอย่างมาทามาทา (Matamata) ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากเมืองโอ๊คแลนด์ไปทางตอนใต้เพียงขับรถ 2 ชั่วโมง
อันดับ 4 ตึกสกายทาวเวอร์
:: ตึกสกายทาวเวอร์ สุดยอดแห่งการชมวิวเมืองโอ๊คแลนด์แบบครบ 360 องศา
ตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางเมือง สัญลักษณ์ประจำเมืองโอ๊คแลนด์ ที่มีความสูง 328 เมตร จากยอดของตึกนี้นักท่องเที่ยวสามารถชมวิวมุมสูงของเมืองโอ๊คแลนด์ครบ 360 องศา
อันดับ 5 หาดทาคาปูนา (Takapuna Beach)
:: หาดทาคาปูนา
สามารถมองเห็นหาดนี้ได้อย่างชัดเจนจากตึกสกายทาวเวอร์ เพียงขับรถ 15 นาที จากเมืองโอ๊คแลนด์ นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาคลายร้อน หรือเดินเล่นพร้อมไอศกรีมเย็น ๆ สักแท่งได้ที่ชายหาดแห่งนี้
อันดับ 6 ทะเลสาบเทคาโป (Lake Tekapo)
:: ทะเลสาบเทคาโป ทัศนียภาพสวยจับใจของผืนน้ำสีเทอร์ควอยซ์ตัดกับเทือกเขา
สถานที่ท่องเที่ยวไฮไลท์ประจำเกาะใต้ซึ่งมีผืนน้ำเป็นสีเขียวอมฟ้าหรือสีเทอร์ควอยซ์เป็นสัญลักษณ์ นอกจากนี้บริเวณริมทะเลสาบยังเป็นที่ตั้งของ Church of the Good Shepherd ซึ่งเป็นโบสถ์ขนาดเล็กที่มีความสวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
อันดับ 7 หาดปีฮา (Piha)
:: หาดปีฮา หาดทรายสีดำสวรรค์ของนักโต้คลื่น
ด้านชายฝั่งตะวันตกห่างจากเมืองโอ๊คแลนด์เพียง 40 กิโลเมตร เอกลักษณ์ของหาดปีฮาคือหาดทรายสีดำสนิท พร้อมสัญลักษณ์ประจำหาดอย่างเขาสิงโต (Lion Rock) และกิจกรรมยอดนิยมของที่นี่คือการเล่นกระดานโต้คลื่น
อันดับ 8 ต้นไม้โด่งดังในทะเลสาบวานากา
:: ทะเลสาบวานากา
ทัวร์จีน
/
ยกใจให้จีน กับ 15 สถานที่ท่องเที่ยวแสนสวยสุดน่าทึ่ง
บริษัททัวร์คุณภาพ
เหนือด้วย...ราคา และคุณภาพ
ข่าวสาร
ยกใจให้จีน กับ 15 สถานที่ท่องเที่ยวแสนสวยสุดน่าทึ่ง
ด้วยอาณาเขตของประเทศจีน ที่กว้างใหญ่ไพศาล ดินแดนแห่งนี้จึงมีลักษณะภูมิประเทศและภูมิอากาศที่แตกต่างกันออกไป นั่นส่งผลให้เกิดธรรมชาติอันเป็นเอกลักษณ์มากมาย ซึ่งได้กลายมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันน่าทึ่งที่บางสถานที่แทบไม่น่าเชื่อว่าจะมีอยู่บนโลกใบนี้ และเราได้รวบรวมสถานที่สุดอัศจรรย์ในประเทศจีน ที่เป็นเหตุผลว่าทำไมเราถึงต้องไปเที่ยวจีนกันให้ได้สักครั้งในชีวิต ซึ่งสถานที่ที่ว่านี้จะมีที่ไหนบ้าง ตามไปอึ้งและทึ่งกับเรากันเลยค่ะ
ภูเขาเทียนจื่อ (Tianzi Mountain Nature Reserve)
:: ธรรมชาติมักจะสร้างสรรค์สิ่งที่ไม่ธรรมดาให้กับโลกใบนี้เสมอ ซึ่งหุบเขาเทียนจื่อก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่ธรรมชาติได้หล่อหลอมสร้างขึ้น โดยใช้การรวมพลังกันของลม น้ำฝน และแสงแดด ในการกัดกร่อนภูเขาหินปูนให้กลายเป็นเสาหินปูนสูงเสียดฟ้า เมื่อมองจากจุดชมวิวที่ระดับความสูง 692 เมตร นักท่องเที่ยวจะต้องตื่นตะลึงกับความงดงามของเสาหินปูนที่ตั้งอย่างโดดเด่นบนพื้นที่มากกว่า 67 ตารางกิโลเมตร ซึ่งเราจะเห็นสีน้ำตาลของหินปูนถูกแต่งแต้มไปด้วยสีเขียวของต้นไม้ที่ขึ้นแทรกอยู่บนเสาทั่วทั้งหุบเขา ภูเขาเทียนจื่อ ตั้งอยู่ที่มณฑลหูหนาน (Hunan) มีจุดสูงสุดที่ 1,262 เมตรจากระดับน้ำทะเล นักท่องเที่ยวสามารถใช้บริการเคเบิลคาร์เพื่อขึ้นไปที่จุดชมวิวได้ และยังสามารถเที่ยวในจุดใกล้เคียงอย่าง Yangjiajie, Suoxiyu และ Zhangjiajie ได้อีกด้วย
อุทยานแห่งชาติหวงหลง (Huanglong National Scenic Reserve)
:: ตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือของมณฑลเสฉวน เป็นอีกหนึ่งหุบเขาที่งดงาม ซึ่งเอกลักษณ์โดดเด่นก็คือยอดเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ พร้อมทั้งยังมีธารน้ำแข็งที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของจีนอีกด้วย ภายในอุทยานมีทั้งป่าเขาในแบบต่าง ๆ สัตว์ป่า โดยเฉพาะหมีแพนด้า ภูเขาหินปูน น้ำตก พร้อมทั้งบ่อน้ำพุร้อน สิ่งที่พลาดไม่ได้เมื่อมาที่นี่คือการไปชมบ่อน้ำพุร้อนต่าง ๆ ในอุทยาน ซึ่งน้ำในนั้นจะเป็นสีฟ้าใสราวกับคริสตัล บางแห่งไหลลดหลั่นกันเป็นชั้น ๆ เกิดเป็นภาพที่งดงามแปลกตา โดยธรรมชาติสุดอัศจรรย์ภายในที่แห่งนี้ได้รับการจดทะเบียนให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกอีกด้วย
อุทยานธรณีวิทยา จางเย่ ตันเซี๋ย (Zhangye Danxia National Geological Park)
:: ใครเลยจะคิดว่าฟ้าฝนและลมจะสามารถสร้างดินแดนที่งดงามราวกับภาพวาดนี้ให้เกิดขึ้นได้ อุทยานธรณีวิทยา จางเย่ ตันเซี๋ย หรือเจ้าของฉายา "หุบเขาสายรุ้ง" เพราะมีลักษณะของภูเขาที่มีสีสันสวยงามแปลกตา ซึ่งเกิดจากหินทรายสีแดงถูกชะล้างด้วยน้ำฝนและลม ที่ทำให้เห็นเป็นสีต่าง ๆ ในหุบเขาอย่างชัดเจน และยังทำให้เกิดเป็นริ้วในหุบเขาอีกด้วย ซึ่งโทนสีที่เราเห็นเด่นชัดที่สุดคือโทนสีแดง ไล่ไปตั้งแต่สีเหลืองอ่อนไปจนถึงสีแดง สลับสีสันกันไปมาจนกลายเป็นริ้วสีรุ้งทั่วทั้งหุบเขา อุทยานธรณีวิทยา จางเย่ ตันเซี๋ย ตั้งอยู่ทางด้านเหนือของมณฑลกานซู (Gansu) ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเข้าเยี่ยมชมคือช่วงเดือนมิถุนายน-กันยายน
น้ำตกเต๋อเทียน (Detian Waterfall)
:: น้ำตกเต๋อเทียน ตั้งอยู่ในเขตชายแดนประเทศจีน-เวียดนาม ทางด้านฝั่งประเทศจีนนั้นตั้งอยู่ที่เมืองฉงจัว (Chongzuo) เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง (Guangxi Zhuang)
ทัวร์แอฟริกา
/
Lonely Planet จัดให้แล้ว 10 เมืองน่าเที่ยวที่สุดในโลก ปี 2016
บริษัททัวร์คุณภาพ
เหนือด้วย...ราคา และคุณภาพ
ข่าวสาร
Lonely Planet จัดให้แล้ว 10 เมืองน่าเที่ยวที่สุดในโลก ปี 2016
สำหรับในปี 2016 ที่จะมาถึงนี้ มีแผนเดินทางไปเที่ยวที่ไหนกันบ้าง ถ้ายังไม่มีแผนเที่ยวที่ไหน ลองไปเที่ยวตามเมืองที่ได้รับรางวัลต่าง ๆ กันบ้างดีไหม ซึ่งจากที่เราเคยนำเสนอ 10 อันดับเมืองที่ดีที่สุดในโลก 2015 จากนิตยสารทราเวล แอนด์ เลเชอร์ (Travel & Leisure) ไปแล้ว คราวนี้มาถึงอีกหนึ่งผู้นำทางด้านหนังสือไกด์บุ๊กและข่าวสารทางด้านการท่องเที่ยวอย่างสำนักพิมพ์โลนลี แพลนเน็ต (Lonely Planet) ที่ได้ประกาศมาแล้วสำหรับ 10 เมืองท่องเที่ยวยอดเยี่ยมที่สุดในโลก 2016 ซึ่งแต่ละเมืองนั้นก็งดงามสมกับตำแหน่งนี้ เป็นจุดหมายปลายทางที่ไม่ควรพลาดในปี 2016 เลยทีเดียว และทั้ง 10 เมืองจะมีที่ไหนบ้าง ไปติดตามกันเลยค่ะ
เมือง kotor ประเทศมอนเตเนโกร
:: เมือง Kotor ตั้งอยู่ริมฝั่งทะเลเอเดรียติกภายในประเทศมอนเตเนโกร เป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานและมีความสำคัญอย่างยิ่งในยุคกลาง เมื่อเวลาผ่านพ้นไปเมืองแห่งนี้ก็ยังคงรักษาเอกลักษณ์ของสถาปัตยกรรมที่ออกแบบตามสไตล์โรมันไว้ได้อย่างดีเยี่ยม จนได้รับการจดทะเบียนให้เป็นเมืองมรดกโลกโดยองค์กรยูเนสโก ในปี ค.ศ. 1979 นักท่องเที่ยวนิยมที่จะเดินเล่นไปรอบ ๆ เมือง เดินตามตรอกซอกซอยเล็ก ๆ เพื่อชมความสวยงามของอาคารเก่าแก่ โดยเฉพาะ Church of Saint Luke และกำแพงเมืองเก่า แล้วเดินลัดเลาะขึ้นไปยังจุดชมวิวด้านบนเขา เพื่อชมกับความงดงามของเมือง Kotor กับริมทะเลเอเดรียติก บรรยากาศของเมืองนี้เงียบสงบ อากาศเย็นสบาย ผู้คนใช้ชีวิตเรียบง่าย ไม่หวือหวา เมื่อทุกอย่างมาอยู่รวมกันมันจึงทำให้ที่นี่กลายเป็นเมืองที่น่าท่องเที่ยวที่สุดในปี 2016 นั่นเอง
เมืองกีโต ประเทศเอกวาดอร์
:: เมืองกีโต เป็นเมืองหลวงของประเทศเอกวาดอร์ ซึ่งเป็นศูนย์กลางทั้งการค้า เศรษฐกิจ การศึกษา ประวัติศาสตร์ และการท่องเที่ยว ภายในเมืองผสมผสานระหว่างความทันสมัยและสไตล์โคโรเนียลเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว สิ่งที่โดดเด่นของเมืองแห่งนี้ก็คือสถาปัตยกรรมโบราณสไตล์โคโรเนียล ไม่ว่าจะเป็น Calle de la Ronda, The Basilica Church, Monasterio de San Francisco in Santo Domingo ฯลฯ ซึ่งล้วนแต่ทำให้เมืองแห่งนี้มีเสน่ห์ไม่เปลี่ยนแปลง และปัจจุบันยังได้รับการจดทะเบียนให้เป็นเมืองมรดกโลกอีกด้วย
เมืองดับลิน
ทัวร์ญี่ปุ่น
/
10 สิ่งไฮไลท์ ที่ต้องทำให้ได้เมื่อไปเยือนญี่ปุ่น
บริษัททัวร์คุณภาพ
เหนือด้วย...ราคา และคุณภาพ
ข่าวสาร
10 สิ่งไฮไลท์ ที่ต้องทำให้ได้เมื่อไปเยือนญี่ปุ่น
ไม่ว่าจะผ่านมากี่ปี "ญี่ปุ่น" ก็ยังเป็นหนึ่งประเทศที่สามารถครองใจคนทั่วโลกได้อย่างเหนียวแน่น นั่นอาจเป็นเพราะคนญี่ปุ่นไม่เคยหลงลืมตัวตนของตัวเอง และเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงธรรมชาติในประเทศ พวกเขาจึงไม่ให้วิวัฒนาการทางด้านเทคโนโลยีสุดทันสมัยมาทำลายตัวตนที่มีคุณค่าของพวกเขาลงได้ เมื่อวัฒนธรรมดั้งเดิมถูกผสมผสานเข้ากับธรรมชาติสุดอัศจรรย์ของประเทศญี่ปุ่น ที่นี่จึงกลายเป็นดินแดนสวรรค์ที่ใครต่างก็ต้องการที่จะไปสัมผัส และจากที่เราเคยนำเสนอ 30 สถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตในญี่ปุ่นที่ห้ามพลาดไปแล้ว คราวนี้ก็ขอหยิบเอา 10 สิ่งไฮไลท์ที่ต้องทำให้ได้เมื่อไปเยือนญี่ปุ่น ใครที่กำลังวางแผนไปเที่ยวญี่ปุ่นก็ตามมาเก็บข้อมูลทางนี้ได้เลยค่ะ
วัดและสวนสาธารณะในเกียวโต
:: เกียวโต เมืองที่ใหญ่เป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศญี่ปุ่น และในอดีตยังเคยเป็นเมืองหลวงอีกด้วย เป็นที่ทราบกันดีว่าภายในเมืองเกียวโตนั้นเต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมมากมาย โดยเฉพาะวัดต่าง ๆ วัดที่ไม่ควรพลาด อาทิ วัดเบียวโดอิน, วัดโทจิ, วัดโคซันจิ, วัดไซโฮจิ, วัดไดโกะจิ, วัดกินคะคุจิ, วัดคิโยะมิสึเดระ, วัดคินคะคุจิ, วัดเรียวอันจิ, วัดเท็นริวจิ เป็นต้น ซึ่งวัดเหล่านี้ก็จะมาพร้อมกับสวนสวยสไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิม นอกจากนี้ในเกียวโตยังมีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อย่างศาลเจ้าและปราสาท อาทิ ปราสาทนิโจ, ศาลเจ้าชิโมะงะโมะ จินจะ, ศาลเจ้าอุจิงะมิจินจะ ฯลฯ ให้เราไปเที่ยวชมอีกด้วย
การแช่ออนเซ็น
:: ประเทศญี่ปุ่นมีภูมิประเทศอยู่ในแนวของภูเขาไฟ ทำให้ทั่วทั้งประเทศมีบ่อน้ำพุร้อนมากมาย การนอนแช่น้ำแร่ในบ่อน้ำพุร้อนหรือที่เราเรียกกันว่าออนเซ็น จึงเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตของคนญี่ปุ่น และเมื่อเรามีโอกาสได้ไปถึงญี่ปุ่นแล้วก็ต้องลองเข้าถึงวัฒนธรรมดั้งเดิมของญี่ปุ่นให้ลึกซึ้ง ด้วยการไปผ่อนคลายด้วยการแช่ออนเซ็น โดยสถานที่แช่ออนเซ็นก็มีกระจัดกระจายอยู่โดยรอบประเทศญี่ปุ่น
ลิ้มลองอาหารญี่ปุ่น
:: คงไม่มีใครปฏิเสธว่าอาหารญี่ปุ่นนั้นมีเอกลักษณ์ในตัวของมันเอง อีกทั้งยังรสชาติอร่อยเสียด้วย ใครได้ลิ้มลองต่างก็หลงรักไปตาม ๆ กัน โดยเฉพาะอาหารทะเลในเมนูซูชิ ที่ข้าวปั้นหวานมันจะมาพร้อมกับปลาดิบและอาหารทะเลอื่น ๆ อีกมากมาย นอกจากนี้ยังมีเมนูอาหารอื่น ๆ ที่ห้ามพลาดด้วยเช่นกัน อาทิ เทมปุระ, อุด้ง, ราเมน, โซบะ, ซาซิมิ, ยากิโทริ, ทงคัตซึ เป็นต้น
นอนพักในเรียวกัง
:: เรียวกัง (Ryokan) หรือที่พักแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น ซึ่งมีมากกว่า 58,000 แห่งทั่วทั้งญี่ปุ่น ที่พักแบบเรียวกังจะเป็นอาคารสไตล์ดั้งเดิม ล้อมรอบไปด้วยสวนสวยสไตล์ญี่ปุ่น เงียบสงบ มีเพียงไม่กี่ห้องพักในหนึ่งเรียวกังเท่านั้น ซึ่งผู้มาเยือนจะได้สัมผัสกับธรรมเนียมของญี่ปุ่นอย่างแท้จริง ทั้งอาหาร รูปแบบการใช้ชีวิต เสื้อผ้า เป็นต้น เอกลักษณ์ของการพักในเรียวกัง คือการอาบน้ำในบ่อน้ำแร่ มีทั้งแบบส่วนตัวและห้องอาบน้ำรวม ซึ่งจะต้องถอดเสื้อผ้าทั้งหมดเพื่อลงไปแช่ในน้ำแร่ การนอนพักในเรียวกังจึงเป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นและไม่ควรพลาด
ทัวร์ภูฏาน
/
ประเทศภูฏาน
ชื่อในภาษาท้องถิ่นของประเทศคือ Druk Yul (อ่านว่า ดรุก ยุล) แปลว่า "ดินแดนของมังกรสายฟ้า (Land of the Thunder Dragon)" นอกจากนี้ยังเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Druk Tsendhen เนื่องจากที่ภูฏาน เสียงสายฟ้าฟาดถือเป็นเสียงของมังกร ส่วนชื่อ ภูฏาน (Bhutan) มาจากคำสมาสในภาษาสันสกฤต ภู-อุฏฺฏาน อันมีความหมายว่า "แผ่นดินบนที่สูง" (ในภาษาฮินดี สะกด भूटान ถอดเป็นตัวอักษรคือ ภูฏาน) ในปี พ.ศ. 2173 ดรุกปา ลามะ ลี้ภัยจากทิเบตสู่ภูฏาน ต่อมาได้ตั้งตัวขึ้นเป็น ธรรมราชา ปกครองครองดินแดนด้วยระบบศาสนเทวราช มีคณะรัฐมนตรีช่วย 4 ตำแหน่ง แม้ภูฏานจะพยายามแยกตัวอยู่อย่างโดดเดี่ยว แต่ต่อมาก็ถูกรุกรานจากประเทศเพื่อนบ้านโดยเฉพาะทิเบตอยู่หลายครั้งในช่วงพุทธศตวรรษที่ 22 ถึง 23 ในระยะต่อมาก็ยังถูกรุกรานโดยอังกฤษซึ่งมีอำนาจอยู่ในอินเดียก่อนที่จะได้เจรจาสงบศึกกัน ในปี พ.ศ. 2453
ไม่นานมานี้ ประเทศเล็กๆ อันเงียบสงบอย่าง "ภูฏาน" ในอาณาจักรหิมาลัย ดินแดนแห่งพุทธศาสนาที่คงความเป็นเอกลักษณ์พิเศษนี้มีเสน่ห์มากมายที่น่าค้นหา กลายมาเป็นจุดหมายปลายทางของใครหลายคนทั้งคนไทยเอง และชาวต่างชาติประเทศอื่นๆ มากมาย วันนี้เราจะพาไปดูข้อควรรู้ต่างๆ สำหรับคนที่อยากไปสัมผัสภูฏาน จะได้เตรียมตัวกันก่อนว่า ควรทำตัวอะไร ต้องเตรียมอะไรไปบ้างค่ะ รู้จักภูฏาน
ชื่ออย่างเป็นทางการของประเทศภูฎาน คือ ราชอาณาจักรภูฏาน (Kingdom of Bhutan) ส่วนประเทศภูฏานนั้นมีสมญาว่า "ดินแดนของมังกรสายฟ้า" (Druk Tsendhen) หรือ "Land of the Thunder Dragon" เนื่องจากชื่อภูฏานในภาษาถิ่นคือ Druk Yul (ออกเสียงว่า ดรุก-อือ) แปลว่า "ดินแดนของมังกร" นั่นเองค่ะ เสน่ห์ของภูฏานนั้นคือ ความเป็นเมืองพุทธศาสนาบนเทือกเขาหิมาลัย ที่มีธรรมชาติสวยงามบริสุทธิ์ และมีนักท่องเที่ยวจำนวนไม่มากนักที่เดินทางไปภูฏานได้ เนื่องจากที่ตั้งของประเทศยากแก่การเข้าถึง และ
นโยบายของรัฐบาลที่ไม่ต้องการให้นักท่องเที่ยวเข้าไปในประเทศของตนมากเกินไป จึงจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้าภูฏานเอาไว้ไม่ให้เกินประมาณปีละ 20,000 คนค่ะ
การเตรียมตัวก่อนไปเที่ยวภูฏาน
เส้นทางท่องเที่ยวของภูฏานมักจะเป็นเขาสูง เพราะฉะนั้นอาจทำให้เกิด "โรคแพ้ความกดดันอากาศในที่สูง" ได้ค่ะ ความสูงโดยเฉลี่ยในเส้นทางท่องเที่ยวจะอยู่ที่ 2,300 เมตร แต่ถ้าเป็นเส้นทางเดินเท้าท่องชมธรรมชาติอาจจะสูงได้ถึง 5,400 เมตรเลยทีเดียว การเมาความสูงจึงอาจเป็นปัญหารุนแรงสำหรับนักท่องเที่ยวบางคนค่ะ
ทัวร์มาเลเซีย
/
ประเทศมาเลเซีย
การประมงในมาเลเซียส่วนใหญ่เป็นการประมงขนาดเล็กทำการประมงกระจัดกระจายอยู่ตาม ชายฝั่ง มาเลเซียมีเรือประมงที่ได้รับอนุญาตทั้งสิ้น 32,672 ลำ ในจำนวนนี้ 20,365 ลำ ทำการประมงอยู่ใน ฝั่งแหลมมาลายู 133 ลำ ในเขตลาบวน 9,836 ลำ ในซาบาร์ และ 2,338 ลำ ในซาราวัก ในจำนวนนี้ร้อยละ 51.6 เป็นเรือประมงติดเครื่องยนต์ ภายในเรือ ร้อยละ 39.3 เป็นเรือติดเครื่องยนต์ภายนอกเรือ และอีกร้อย ละ 9.1 เป็นเรือไม่ติดเครื่องยนต์ ขนาดของตัวเรือร้อย ละ 63 มีขนาดต่ำกว่า 15 ตันกรอส ร้อยละ 24 มีขนาด อยู่ระหว่าง 15-140 ตันกรอส ร้อยละ 8.2 มีขนาด 40- 69.9 ตันกรอสและมีเพียงร้อยละ 3 ที่มีขนาดมากกว่า 70 ตันกรอส ภายใต้กฎหมายการประมงของมาเลเซีย ค.ศ.1985 เรือประมงที่จะทำการประมงในน่านน้ำ มาเลเซียต้องมีใบอนุญาตทำการประมงจากกรมประมงก่อน และเนื่องจากการประมงชายฝั่งของมาเลเซีย ระหว่าง 0-30 ไมล์ทะเล มีจำนวนหนาแน่นมากแล้ว จากการทำการประมงของเรือที่มีขนาดต่ำกว่า 70 ตัน กรอส จึงทำให้มาเลเซียไม่ออกใบอนุญาตเพิ่ม และหันมาส่งเสริมการประมงนอกชายฝั่งตั้งแต่ระดับ 30 ไมล์ทะเลออกไป โดยใช้เรือประมงขนาด 70 ตันกรอสขึ้นไป
ผลผลิตการประมงทะเลของมาเลเซียมีประมาณ 1.2 ล้านตันต่อปี โดยร้อยละ 71 มาจากการจับใน ฝั่งแหลมมาลายู ร้อยละ 11 จากรัฐซาราวัก ร้อยละ 3 จากลาบวน และอีกร้อยละ 15 จากซาบาร์ ผลผลิต ร้อยละ 88 ของประเทศมาจากการประมงชายฝั่ง ซึ่งสวนใหญ่มาจากเครื่องมือประมงประเภทอวนลาก และอวนล้อม สำหรับการประมงน้ำลึกตั้งแต่ 30 ไมล์ทะเลออกไปของเรืออวนลาก อวนล้อม และเรือเบ็ด ตวัด
ทัวร์ฟิลิปปินส์
/
ประเทศฟิลิปปิน
หมู่เกาะต่าง ๆ ของฟิลิปปินส์มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 300,000 ตารางกิโลเมตร มีเกาะใหญ่ 11 เกาะ ซึ่งมีพื้นที่รวมกันเท่ากับร้อยละ 90 ของพื้นที่ทั้งหมด เกาะต่าง ๆ ได้มีการตั้งชื่อแล้วไม่ถึงครึ่งของจำนวนเกาะทั้งหมด มีคนอยู่อาศัยบนเกาะต่าง ๆ เพียงประมาณ 900 เกาะ เกาะที่ใหญ่ที่สุดคือ เกาะลูซอน อยู่ทางเหนือ และเกาะมินดาเนา ที่อยู่ทางใต้
เกาะต่าง ๆ ของฟิลิปปินส์ ถ้าวัดจากทิศเหนือถึงทิศใต้ จะมีความยาวประมาณ 1,850 กิโลเมตร ถ้าวัดจากทิศตะวันออก ถึงทิศตะวันตก จะมีความยาวประมาณ 1,100 กิโลเมตร เกาะต่าง ๆ ของฟิลิปปินส์แบ่งออกเป็น 3 หมู่คือ หมู่เหนือ ประกอบด้วย สองเกาะใหญ่ ๆ คือ เกาะลูซอน (Luzon) และเกาะะมินโดโร (Mindoro)
หมู่กลาง เรียกว่า Visa yas ประกอบด้วยเกาะต่าง ๆ ประมาณ 7,000 เกาะ
หมู่เกาะใต้ ประกอบด้วย เกาะมินดาเนา (Mindanao) และ Sulu Archipa lago หมายถึง หมู่เกาะต่าง ๆ ประมาณ 400 เกาะ ซึ่งอยู่เรียงรายทางใต้ของเกาะมินดาเนา ไปจนถึงทางทิศตะวันตกของเกาะบอร์เนียว
เกาะต่าง ๆ ของฟิลิปปินส์ ที่มีพื้นที่ 1 ตารางไมล์ หรือมากกว่าเล็กน้อยมีอยู่ไม่ถึง 500 เกาะ ตลอดชายฝั่งทะเลมีอ่าวเล็ก อ่าวใหญ่อยู่เป็นจำนวนมาก และเป็นแนวฝั่งที่ยาว กว่าแนวฝั่งของประเทศสหรัฐอเมริกา นอกฝั่งตะวันออกของหมู่เกาะฟิลิปปินส์ มีร่องลึกมินดาเนา ซึ่งเป็นทะเลที่มีความลึกมากที่สุดแห่งหนึ่ง ในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ คือ มีความลึกมากกว่า 10,400 เมตร
ภูเขาและเทือกเขา
เทือกเขาบนหมู่เกาะฟิลิปปินส์ เป็นส่วนหนึ่งของเทือกภูเขาไฟ ที่ตั้งรายล้อมเป็นวงกลม ในมหาสมุทรแปซิฟิค มีแม่น้ำและทะเลสาบ อยู่เป็นจำนวนมาก อยู่ระหว่างช่องเขา ภูเขาที่สูงที่สุดในฟิลิปปินส์คือ ภูเขาอาโป
ทัวร์จอร์แดน
/
ประเทศจอร์แดน
ราชอาณาจักรฮัชไมต์จอร์แดน (อังกฤษ: Hashemite Kingdom of Jordan; อาหรับ: المملكة الأردنية الهاشمية) หรือที่เรียกกันทั่วไปว่าจอร์แดน (อังกฤษ: Jordan; อาหรับ: الأردن) เป็นประเทศในตะวันออกกลาง มีพรมแดนติดกับประเทศซีเรียทางทิศเหนือ ติดต่อกับอิรักทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ติดต่อกับซาอุดีอาระเบียทางทิศตะวันออกและทิศใต้ รวมทั้งติดต่อกับอิสราเอลและดินแดนที่อิสราเอลครอบครองทางทิศตะวันตก
จอร์แดนเป็นประเทศที่เกือบไม่มีทางออกสู่ทะเล มีชายฝั่งทะเลเดดซีร่วมกับอิสราเอลและดินแดนที่อิสราเอลครอบครอง มีชายฝั่งอ่าวอะกอบาร่วมกับอิสราเอล ซาอุดีอาระเบีย และอียิปต์
.....ราชอาณาจักรฮัชไมต์จอร์แดน (อังกฤษ: Hashemite Kingdom of Jordan; อาหรับ: المملكة الأردنية الهاشمية) หรือที่เรียกกันทั่วไปว่าจอร์แดน (อังกฤษ: Jordan; อาหรับ: الأردن) เป็นประเทศในตะวันออกกลาง มีพรมแดนติดกับประเทศซีเรียทางทิศเหนือ ติดต่อกับอิรักทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ติดต่อกับซาอุดีอาระเบียทางทิศตะวันออกและทิศใต้ รวมทั้งติดต่อกับอิสราเอลและดินแดนที่อิสราเอลครอบครองทางทิศตะวันตก
.....จอร์แดนเป็นประเทศที่เกือบไม่มีทางออกสู่ทะเล มีชายฝั่งทะเลเดดซีร่วมกับอิสราเอลและดินแดนที่อิสราเอลครอบครอง มีชายฝั่งอ่าวอะกอบาร่วมกับอิสราเอล ซาอุดีอาระเบีย และอียิปต์
ทัวร์ดูไบ
/
ประเทศดูไบ
เมืองดูไบถือได้ว่าเป็นเมืองท่าที่สำคัญแห่งหนึ่งบนโลก และมีอัตราการเจริญเติบโตของเมืองสูงมากในปี ค.ศ. 1833 ชนเผ่าบานียาส ประมาณ 800 คน นำโดยตระกูลมักตูม ซึ่งยังเป็นผู้ปกครองรัฐอยู่ในปัจจุบัน ได้อพยพมาตั้งหลักแหล่งบริเวณปากอ่าว ซึ่งบริเวณดังกล่าวเป็นท่าเรือที่อุดมสมบูรณ์จึง ทำให้ดูไบกลายเป็นศูนย์กลางของการค้าทางทะเล รวมทั้งการทำประมงและการทำฟาร์มไข่มุก หลังจากนั้นในศตวรรษที่ 20 ดูไบก็กลายเป็นเมืองท่าที่สำคัญแห่งหนึ่งเป็นศูนย์กลางการค้าและการส่งออกที่สำคัญ โดยมีซุก (ชื่อเรียกของตลาดบริเวณตะวันออกกลาง) ขนาดใหญ่ที่สุดตั้งอยู่บริเวณที่เรียกว่าเดียรา (Deira)
การค้าขายในดูไบประสบความสำเร็จมาก สามารถดึงดูดให้พ่อค้าชาวอิหร่าน และอินเดียมาตั้งถิ่นฐานเพื่อทำการค้าขายในรัฐได้ แต่ขณะที่การค้าขายเจริญมากขึ้น ฐานะทางการปกครองของดูไบก็ยังคงเป็นแค่รัฐในอารักขาของอาณานิคมอังกฤษ ซึ่งอยู่ในส่วนหนึ่งบนพื้นที่ทางตอนเหนือของชายฝั่งของคาบสมุทรอาหรับ ดังนั้นภายหลังจากที่อังกฤษได้ถอนตัวออกจากการปกครอง ในปี ค.ศ. 1971 ดูไบพร้อมด้วยอีกหลายรัฐ ได้ร่วมกันก่อตั้งประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
และถัดจากนั้นในช่วงยุค 1980-1990 ดูไบได้ลงทุนสร้างสิ่งก่อสร้างเกี่ยวกับการท่องเที่ยวมากมาย ทั้งนี้ เพื่อให้ดูไบเป็นเมืองท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ โดยในปี ค.ศ. 2000 จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าในดูไบมีจำนวน 3 แสนคน
ในปี ค.ศ. 1833 ชนเผ่าบานียาส ประมาณ 800 คน นำโดยตระกูลมักตูม ซึ่งยังเป็นผู้ปกครองรัฐอยู่ในปัจจุบัน ได้อพยพมาตั้งหลักแหล่งบริเวณปากอ่าว ซึ่งบริเวณดังกล่าวเป็นท่าเรือที่อุดมสมบูรณ์จึง ทำให้ดูไบกลายเป็นศูนย์กลางของการค้าทางทะเล รวมทั้งการทำประมงและการทำฟาร์มไข่มุก หลังจากนั้นในศตวรรษที่ 20 ดูไบก็กลายเป็นเมืองท่าที่สำคัญแห่งหนึ่งเป็นศูนย์กลางการค้าและการส่งออกที่สำคัญ โดยมีซุก (ชื่อเรียกของตลาดบริเวณตะวันออกกลาง) ขนาดใหญ่ที่สุดตั้งอยู่บริเวณที่เรียกว่าเดียรา (Deira)
การค้าขายในดูไบประสบความสำเร็จมาก สามารถดึงดูดให้พ่อค้าชาวอิหร่าน และอินเดียมาตั้งถิ่นฐานเพื่อทำการค้าขายในรัฐได้ แต่ขณะที่การค้าขายเจริญมากขึ้น ฐานะทางการปกครองของดูไบก็ยังคงเป็นแค่รัฐในอารักขาของอาณานิคมอังกฤษ ซึ่งอยู่ในส่วนหนึ่งบนพื้นที่ทางตอนเหนือของชายฝั่งของคาบสมุทรอาหรับ ดังนั้นภายหลังจากที่อังกฤษได้ถอนตัวออกจากการปกครอง ในปี ค.ศ. 1971 ดูไบพร้อมด้วยอีกหลายรัฐ ได้ร่วมกันก่อตั้งประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
และถัดจากนั้นในช่วงยุค 1980-1990 ดูไบได้ลงทุนสร้างสิ่งก่อสร้างเกี่ยวกับการท่องเที่ยวมากมาย ทั้งนี้ เพื่อให้ดูไบเป็นเมืองท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ โดยในปี ค.ศ. 2000 จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าในดูไบมีจำนวน 3 แสนคน
เตรียมตัวก่อนเดินทางไปดูไบ
.....สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (United Arab emirates) หรือ ยูเออี มีพื้นที่ประมาณ 83,600 ตารางกิโลเมตร สภาพที่ตั้งทางภูมิศาสตร์อยู่ระหว่างเอเชีย ยุโรป และแอฟริกา ประกอบด้วย รัฐต่าง ๆ 7 รัฐ ได้แก่ อาบูดาบี
ทัวร์ตุรเคีย
/
ประเทศตุรกี
ตุรกีมีพรมแดนทางด้านทิศตะวันออกติดกับประเทศจอร์เจีย อาร์มีเนีย อาเซอร์ไบจาน และอิหร่าน มีพรมแดนทางด้านทิศใต้ติดกับอิรัก ซีเรีย และทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ส่วนทางทิศตะวันตกติดกับกรีซ บัลแกเรีย และทะเลอีเจียน ทางเหนือติดกับทะเลดำ ส่วนที่แยกอานาโตเลียและเทรซออกจากกันคือทะเลมาร์มาราและช่องแคบตุรกี(ได้แก่ช่องแคบบอสฟอรัสและช่องแคบดาร์ดะเนลส์) ซึ่งมักถือเป็นพรมแดนระหว่างทวีปเอเชียกับยุโรป จึงทำให้ตุรกีเป็นประเทศที่มีดินแดนอยู่ในหลายทวีป
• เตรียมตัวท่องเที่ยวตุรกี วีซ่าตุรกี
• สำหรับชาวไทยที่จะเดินทางไปยังประเทศตุรกี จะต้องขอวีซ่าเข้าประเทศ (ยกเว้นผู้ที่ถือหนังสือเดินทางฑูตและหนังสือเดินทางราชการ)
• เอกสารที่ต้องเตรียมที่ใช้ยื่นวีซ่าตุรกี
1.หนังสือเดินทาง (passport) ที่มีอายุมากกว่า 6 เดือน พร้อมทั้งถ่ายเอกสารสำเนาหน้าแรก
2.จดหมายรับรองการทำงานเป็นภาษาอังกฤษ ระบุชื่อ ตำแหน่ง วันเริ่มต้นทำงานจนถึงปัจจุบัน และระบุวันและเวลาไปกลับให้ตรงตามตั๋วเครื่องบิน
3.ใบจองตั๋วเครื่องบินไปกลับ และใบจองที่พัก(ในกรณีไม่มีจดหมายเชิญ)
4.รูปถ่ายสีขนาด 2 นิ้ว จำนวน 1 ใบ 4.กรณีไปประชุมหรือธุรกิจ ต้องมีใบเชิญตัวจริงจากทางบริษัทหรือองค์กรของตุรกี กรณีเชิญส่วนบุคคล ต้องมีจดหมายเชิญตัวจริงจาก Noteri เท่านั้น (ไม่รับแบบสแกนหรือแฟกซ์ไม่ว่ากรณีใดๆก้อตาม)
5.กรอกแบบฟอร์มให้ครบ พร้อมติดรูปถ่าย 2 นิ้ว 1 รูป ( download แบบฟอร์มได้ที่ http://www.mfa.gov.tr ฟอร์มวีซ่าจะอยู่ในช่องที่เขียนว่า Consular info )
6.ค่าธรรมเนียมแบบเดินทางเข้า-ออกครั้งเดียว (single) 1,066 บาท และเดินทางเข้า-ออกหลายครั้ง (multiple) 3,567 บาท (กรุณาเตรียมเงินให้พอดี)
7.ใส่เอกสารทั้งหมดมาในแฟ้ม A4 พร้อมติดชื่อภาษาอังกฤษให้เรียบร้อย
• ภายหลังการยื่นเอกสารขอวีซ่าและได้รับการอนุมัติแล้ว จะใช้ระยะเวลาดำเนินการ 5 วันทำการ /สามารถรับวีซ่าตามวันที่ระบุในใบนัด โดยไม่จำเป็นต้องโทรสอบถาม
• รายละเอียดการตรวจลงตราสำหรับหนังสือเดินทางไทย (Visa)
หนังสือเดินทางทูตและราชการ-สามารถยกเว้นการตรวจลงตรา ระยะพำนัก 90 วัน
หนังสือเดินทางธรรมดา-ต้องผ่านการตรวจลงตรา ณ สถานเอกอัครราชทูตตุรกีประจำประเทศไทย
• สำหรับหนังสือเดินทางไทย สามารถยื่นคำร้องได้ที่
สถานเอกอัครราชฑูตตุรกีประจำประเทศไทย (Embassy of the Republic of Turkey)
66/1 ซ.จัดสรร ถนนสุทธิสาร ห้วยขวาง กรุงเทพ ฯ 10310
โทรศัพท์. 02-2747262-3 แฟกซ์ 02-274-7261
อีเมล์ : tcturkbe.cscoms.com
วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 09.00 -
ทัวร์จีน
/
ประเทศจีน
รากฐานที่สำคัญของอารยธรรมจีนคือ การสร้างระบบภาษาเขียน ในยุคราชวงศ์กอณัฐ (ศตวรรษที่ 58 ก่อน ค.ศ.) ให้เป็นภาษากลางใช้ได้ทั่วประเทศ เป็นครั้งแรกในโลก (ไม่ว่าชนเผ่าใดๆจะพูดต่างกัน สำเนียงต่างกัน แต่ใช้ตัวเขียนเหมือนกัน) แนวคิดนี้ไปสู่ภาษาอังกฤษปัจจุบัน ที่อ่านเป็นภาษาเยอรมัน รัสเซีย สเปน แต่เขียนด้วยอักษรโรมัน และการพัฒนาแนวคิดลัทธิขงจื๊อ เมื่อประมาณ ศตวรรษที่ 2 ก่อน ค.ศ.สอนให้คนจีนทุกคนสำนึกว่าแผ่นดินที่ตัวเองเกิด อยู๋อาศัย คือแผ่นดินแม่ต้องตอบแทนแผ่นดิน ทำให้คนจีนในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ในอเมริกา ในยุโรป อยู่ร่วมกับคนชาติอื่นอย่างมีเสถียรภาพ เพราะใจของคนจีนส่วนใหญ่ต้องตอบแทนแผ่นดินที่ตัวอยู่อาศัย เป็น ประวัติศาสตร์จีนมีทั้งช่วงที่เป็นปึกแผ่นและแตกเป็นหลายอาณาจักรสลับกันไป ในบางครั้งก็ถูกปกครองโดยชนชาติอื่น (มองโกล แมนจู ญี่ปุ่น เป็นชนชาติมองโกลลอยด์หน้าคล้ายคนจีน ที่ไม่เขียน พูดภาษาจีน) วัฒนธรรมของจีนมีอิทธิพลอย่างสูงต่อชาติอื่นๆ ในทวีปเอเชีย และในสังคมโลก เช่น สามก๊ก ซุนวู เครื่องปั้นดินเผา ไวน์ การสร้างสะพานแขวน เครื่องดนตรี กายกรรม การเดินเรือข้ามทวีป การพิมพ์หนังสือ เข็ม/เข็มทิศ การแพทย์แผนปัจจุบัน ซึ่งถ่ายทอดไปทั้งการอพยพ การค้า และการยึดครอง (เวียดนาม เกาหลี ญี่ปุน มองโกล ทิเบต ซินเกียง แมนจู) ซึ่งเป็นถิ่นที่ชนชาติ มองโกลลอยด์อยู่นั่นเอง แต่ไม่เขียนภาษาจีน
ยุคก่อนประวัติศาสตร์นั้นไม่มีหลักฐานแน่ชัดนักว่าเริ่มต้นเมื่อไร แต่จากการขุดพบวัตถุโบราณตามลุ่มแม่น้ำฉางเจียงและหวางเหอ แบ่งช่วงเวลานี้ออกได้เป็นสังคมสองแบบ แบบแรกเป็นช่วงที่ผู้หญิงเป็นใหญ่เรียกว่าช่วงวัฒนธรรมหยางเซา และช่วงที่ผู้ชายเป็นใหญ่เรียกว่าวัฒนธรรมหลงซาน ตำนานเล่ากันว่าบรรพบุรุษจีนมีชื่อเรียกว่า หวางตี้ และ เหยียนตี้
สมัยก่อนประวัติศาสตร์
1. ยุคหินเก่า จีนเป็นดินแดนที่มนุษย์อาศัยเป็นเวลานานที่สุดในทวีปเอเชีย หลักฐานที่พบคือมนุษย์หยวนโหม่ว 元谋人 (yuanmou man) มีอายุประมาณ 1,700,000 ปี ล่วงมาแล้ว ถูกค้นพบในปี ค.ศ. 1965 ที่มณฑลยูนนาน ภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีน และ พบโครงกระดูกมนุษย์ปักกิ่ง 北京人 (bei jing ren) มีอายุประมาณ 700,000 ปี -