ประเทศจีน

รากฐานที่สำคัญของอารยธรรมจีนคือ การสร้างระบบภาษาเขียน ในยุคราชวงศ์กอณัฐ (ศตวรรษที่ 58 ก่อน ค.ศ.) ให้เป็นภาษากลางใช้ได้ทั่วประเทศ เป็นครั้งแรกในโลก (ไม่ว่าชนเผ่าใดๆจะพูดต่างกัน สำเนียงต่างกัน แต่ใช้ตัวเขียนเหมือนกัน) แนวคิดนี้ไปสู่ภาษาอังกฤษปัจจุบัน ที่อ่านเป็นภาษาเยอรมัน รัสเซีย สเปน แต่เขียนด้วยอักษรโรมัน และการพัฒนาแนวคิดลัทธิขงจื๊อ เมื่อประมาณ ศตวรรษที่ 2 ก่อน ค.ศ.สอนให้คนจีนทุกคนสำนึกว่าแผ่นดินที่ตัวเองเกิด อยู๋อาศัย คือแผ่นดินแม่ต้องตอบแทนแผ่นดิน ทำให้คนจีนในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ในอเมริกา ในยุโรป อยู่ร่วมกับคนชาติอื่นอย่างมีเสถียรภาพ เพราะใจของคนจีนส่วนใหญ่ต้องตอบแทนแผ่นดินที่ตัวอยู่อาศัย เป็น ประวัติศาสตร์จีนมีทั้งช่วงที่เป็นปึกแผ่นและแตกเป็นหลายอาณาจักรสลับกันไป ในบางครั้งก็ถูกปกครองโดยชนชาติอื่น (มองโกล แมนจู ญี่ปุ่น เป็นชนชาติมองโกลลอยด์หน้าคล้ายคนจีน ที่ไม่เขียน พูดภาษาจีน) วัฒนธรรมของจีนมีอิทธิพลอย่างสูงต่อชาติอื่นๆ ในทวีปเอเชีย และในสังคมโลก เช่น สามก๊ก ซุนวู เครื่องปั้นดินเผา ไวน์ การสร้างสะพานแขวน เครื่องดนตรี กายกรรม การเดินเรือข้ามทวีป การพิมพ์หนังสือ เข็ม/เข็มทิศ การแพทย์แผนปัจจุบัน ซึ่งถ่ายทอดไปทั้งการอพยพ การค้า และการยึดครอง (เวียดนาม เกาหลี ญี่ปุน มองโกล ทิเบต ซินเกียง แมนจู) ซึ่งเป็นถิ่นที่ชนชาติ มองโกลลอยด์อยู่นั่นเอง แต่ไม่เขียนภาษาจีน

ยุคก่อนประวัติศาสตร์นั้นไม่มีหลักฐานแน่ชัดนักว่าเริ่มต้นเมื่อไร แต่จากการขุดพบวัตถุโบราณตามลุ่มแม่น้ำฉางเจียงและหวางเหอ แบ่งช่วงเวลานี้ออกได้เป็นสังคมสองแบบ แบบแรกเป็นช่วงที่ผู้หญิงเป็นใหญ่เรียกว่าช่วงวัฒนธรรมหยางเซา และช่วงที่ผู้ชายเป็นใหญ่เรียกว่าวัฒนธรรมหลงซาน ตำนานเล่ากันว่าบรรพบุรุษจีนมีชื่อเรียกว่า หวางตี้ และ เหยียนตี้

 

สมัยก่อนประวัติศาสตร์
1. ยุคหินเก่า จีนเป็นดินแดนที่มนุษย์อาศัยเป็นเวลานานที่สุดในทวีปเอเชีย หลักฐานที่พบคือมนุษย์หยวนโหม่ว 元谋人 (yuanmou man) มีอายุประมาณ 1,700,000 ปี ล่วงมาแล้ว ถูกค้นพบในปี ค.ศ. 1965 ที่มณฑลยูนนาน ภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีน และ พบโครงกระดูกมนุษย์ปักกิ่ง 北京人 (bei jing ren) มีอายุประมาณ 700,000 ปี – 200,000 ปี ล่วงมาแล้ว ถูกค้นพบในปี ค.ศ. 1929 ที่บริเวณตะวันตกเฉียงใต้ของปักกี่ง (北京西南周口店龙骨山山洞里) และ พบหลักฐาน มนุษย์ถ้ำ 山顶洞人 (shan ding dong ren)มีอายุประมาณ 18,000 ปี ล่วงมาแล้ว ถูกค้นพบในปี ค.ศ. 1930 ที่บริเวณตะวันตกเฉียงใต้ของปักกี่ง (北京西南周口店龙骨山顶部的山洞里)
2. ยุคหินกลาง มีอายุประมาณ 10,000 ปี – 6,000 ปีล่วงมาแล้วใช้ชีวิตกึ่งเร่ร่อน ไม่มีการตั้งหลักแหล่งถาวร มีการพบเครื่องถ้วยชาม หม้อ มีการล่าสัตว์ เก็บอาหาร เครื่องมือหินที่ใช้ในชีวิตประจำวัน คือ หินสับ ขูด หัวธนู
3. ยุคหินใหม่ มีอายุประมาณ 6,000 ปี – 4,000 ปีล่วงมาแล้วเริ่มตั้งหลักแหล่งเป็นชุมชน รู้จักเพาะปลูกข้าวฟ่าง เลี้ยงสัตว์ ทอผ้า ปลูกบ้านมีหลังคา ในยุคหินใหม่นี้มีมนุษย์ทำเครื่องปั้นดินเผาที่สวยงามมากขึ้น และเขียนลายสี
4. ยุคโลหะ มีอายุประมาณ 4,000 ปีล่วงมาแล้วหลักฐานที่เก่าสุดคือมีดทองแดง แล้วยังพบเครื่องสำริดเก่าที่สุด ซึ่งนำมาใช้ทำภาชนะต่าง ๆเช่น ที่บรรจุไวน์ กระถาง กระจกเงา มีขนาดใหญ่และสวยงาม มากโดยเฉพาะสมัยราชวงค์ชาง และ ราชวงค์โจว

 

1. ตรวจสอบโปรแกรมและวันที่เดินทาง

ชื่อโปรแกรมทัวร์ที่เราจะเดินทาง เช่น “ปักกิ่ง กำแพงเมืองจีน หอฟ้าเทียนถาน 5 วัน 3 คืน”

วันเวลาที่นัดหมายการเดินทาง เผื่อเวลามาสนามบินด้วยนะคะ จะได้ไม่ตกเครื่อง

ออกเดินทางที่สนามบินอะไร จะต้องเช็คอินที่เคาน์เตอร์ไหน ประตูอะไร ทางที่ดีในวันเดินทางควรโทร
ตรวจสอบอีกครั้ง เพราะอาจมีการปรับเปลี่ยนเคาน์เตอร์เช็คอินได้

เมื่อไปถึงสนามบินให้สังเกตป้ายรับ ที่ทางเจ้าหน้าที่ของทางกรุ๊ปทัวร์ได้จัดเตรียมไว้

 

2. ตารางการบิน

ตรวจสอบข้อมูลก่อนเดินทางว่าบินกับสายการบินอะไร เส้นทางการบิน เที่ยวบิน เวลาออก และเวลาถึง เช่น

เดินทางกับสายการบิน: THAI AIRWAYS

เส้นทางการบิน: BKK-CAN

เที่ยวบิน: TG668

เวลาออก: 10.45 น.

เวลาถึง: 14.35 น.

 

3. หัวหน้าทัวร์/คนส่งกรุ๊ปทัวร์/ไกด์

จดจำหรือบันทึกรายชื่อและหมายเลขโทรศัพท์ของหัวหน้าทัวร์ เจ้าหน้าที่ส่งกรุ๊ปทัวร์ และไกด์ท้องถิ่นเอาไว้ สำหรับติดต่อสอบถาม หรือ เวลาฉุกเฉินสามารถโทรหาได้

 

4. หน่วยและอัตราการแลกเงินสกุลเงิน

เงินจีนเรียกเป็นหยวน

มีอัตราแลกเปลี่ยนประมาณ 5.5 บาท / 1 หยวน

เงินหยวนมีธนบัตร 100, 50, 20, 10, 5, 2, 1 หยวน และเงินย่อย เรียก “เจียว” หรือ “เหมา” มีอัตราแลก 10 เจียว(เหมา) = 1 หยวน

สำหรับนักท่องเที่ยวโดยทั่วไป เงินเหมา ซึ่งเป็นเงินย่อย (สตางค์) จะใช้สำหรับการเข้าห้องน้ำ ครั้งละประมาณ 5 เหมา / 1 คน

สามารถแลกเงินและเช็คเดินทางได้ทั่วไปตามธนาคาร โรงแรม และสถานที่รับแลกเงิน แนะนำให้แลกพอสมควรใช้หรือนำเงินดอลล่าร์ ติดตัวไปด้วยจะดีกว่า ไม่ควรแลกมากเกินไปเพราะถ้าเหลือ แลกคืนจะขาดทุน

 

บัตรเครดิต

ในประเทศจีนสามารถใช้ได้เฉพาะโรงแรม และห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ เท่านั้น

 

5. ข้อควรรู้เกี่ยวกับเมืองจีน และการเตรียมตัวไปจีน

เวลา : เวลาในจีนเร็วกว่าประเทศไทย 1 ชั่วโมง เมื่อเดินทางถึงเมืองจีน กรุณาปรับเวลาให้เร็วขึ้นอีก 1 ชั่วโมง เพราะทางกรุ๊ปทัวร์จะนัดหมายเป็นเวลาจีนเท่านั้น

สภาพอากาศ : อุณหภูมิเฉลี่ย 19 ถึง 25 องศาเซลเซียส มีฝนตกเล็กน้อย

ภาษา : ภาษาจีนกลาง และภาษาท้องถิ่น

ระบบไฟฟ้า : ใช้ไฟฟ้าระบบ 220 โวลต์ ความถี่ 50 เฮิรตซ์ ใช้ปลั๊กแบบ G และ M (ปัจจุบันใน นิยมใช้ปลั๊กตัวผู้แบบ G (ปลายแบน) แต่แบบปลายกลมก็ยังมีใช้อยู่) ดังนั้นควรเตรียม Adaptor ไปด้วย

การโทรศัพท์ : การใช้โทรศัพท์มือถือที่เมืองจีน โทรศัพท์มือถือจะใช้ได้เฉพาะเครื่องที่ขออนุญาตเปิดใช้ต่างประเทศ (เปิด Roaming) สามารถโทรเข้า-รับได้ทุกสาย กรณีโทรกลับประเทศไทย แต่ค่าโทรศัพท์จะแพงมาก นาทีละ 73 บาท(AIS) กด +66 ตามด้วยรหัสจังหวัดหรือมือถือ (ตัด 0 ออก) ตามด้วย เบอร์โทรศัพท์ปลายทาง หรือถ้ารับสาย จากเมืองไทย นาทีละ 54 บาท(AIS) ทางที่ดีไม่ควรใช้ แต่ถ้าจำเป็นสำหรับธุรกิจก็คุ้ม หรือถ้าจะให้ประหยัดก็ให้ซื้อ Sim Card ของจีนใช้ สามารถโทรออกได้นาทีละประมาณ 20-30 บาท สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้จากไกด์ท้องถิ่น หรือหัวหน้าทัวร์

ยาประจำตัว : หากใครมีโรคประจำตัว ควรจัดเตรียมไปให้เพียงพอกับจำนวนวันที่เดินทาง (ท่านที่แพ้อากาศหนาวกรุณาเตรียมเครื่องกันหนาวเป็นพิเศษ)

กล้องถ่ายรูป : อุปกรณ์สำหรับบันทึกข้อมูล เช่น SD Card และอุปกรณ์ในการชาร์ตต่างๆ สายชาร์ต หรือแบตเตอรี่ ควรเตรียมไปให้เพียงพอโดยเฉพาะถ่านใส่กล้องถ่ายรูป ที่ต่างประเทศราคาจะสูงมาก

การแต่งกาย : เสื้อผ้าที่สวมให้ความอบอุ่น เสื้อแขนยาว กางเกงขายาว ถุงมือถุงเท้า

อาหารและเครื่องดื่ม : อาหารเป็นแบบกวางตุ้งและจีน ซึ่งมีรสชาติเค็มและมันเล็กน้อยมีบริการน้ำดื่มวันละ 1 ขวดต่อ ท่าน

 

6. การเดินทาง

กระเป๋าเดินทาง

ควรเตรียมกระเป๋าเสื้อผ้า น้ำหนักไม่เกิน 20 กิโลกรัมต่อท่าน หากน้ำหนักเกินกว่าที่กำหนดจะมีเรียกเก็บค่าที่เพิ่ม กระเป๋าเดินทางที่เตรียมไปควรมีความแข็งแรงและมีกุญแจล็อคเพื่อความสะดวกปลอดภัย สำหรับกระเป๋าติดตัวขึ้นเครื่องเพียงน้ำหนัก ไม่เกิน 7 กิโลกรัม

ข้อควรระวัง

กรุณาอย่านำมีดปอกผลไม้ ที่ตัดเล็บ หรือสิ่งของที่เป็นโลหะ ใส่กระเป๋าเล็กที่ถือขึ้นเครื่อง

ห้ามนำของเหลวขนาดเกิน 100 มล. ถือขึ้นเครื่อง เช่น ครีมทาผิว เจลใส่ผม เป็นต้น

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ หนังสือเดินทาง (พาสปอร์ต) โปรดเก็บรักษาให้ดีที่สุด

หากไปกับกรุ๊ปทัวร์ ให้ส่งหนังสือเดินทางตัวจริงกับทางบริษัททัวร์ หากใครยังไม่ได้เอาให้ ก็อย่าลืมนำติดตัวไปด้วย

พาสปอร์ต ต้องมีอายุเหลือมากกว่า 6 เดือน

ตรงต่อเวลาทุกครั้งที่มีการนัดหมายเพื่อประโยชน์ของหมู่คณะ

หากท่านจะเดินทางแยกจากคณะควรพกนามบัตรโรงแรมไปด้วยทุกครั้ง

เมื่อเช็คเอาท์จากที่พัก ให้ท่านวางสัมภาระไว้หน้าประตูห้องตามเวลานัด ส่วนกระเป๋าเล็ก กรุณาถือติดตัว และหากมีรายการที่ท่านจะต้องชำระ เช่น ค่าโทรศัพท์ ค่าเครื่องดื่มในตู้เย็น กรุณาชำระให้เรียบร้อย

 

7. การให้ทิป

ตามธรรมเนียมสากล การเข้าพักในโรงแรมทุกแห่ง พนักงานยกกระเป๋าคาดหวังว่าจะได้รับทิปเมื่อให้การบริการท่าน ควรเตรียมเงินใบย่อย เพื่อให้ทิปพนักงานยกกระเป๋าประมาณ 5 หยวน/กระเป๋า 1ใบ

สินน้ำใจสำหรับไกด์ กรุณาเตรียมทิปท่านละ 120 หยวน เพื่อเป็นสินน้ำใจให้ไกด์ท้องถิ่นและคนขับรถ โดยรวบรวมไว้ที่หัวหน้าทัวร์

 

10 อันดับ สถานที่ท่องเที่ยวของจีนที่ไม่ควรพลาด !

1. “The Forbidden City”หรือนครต้องห้าม ตั้งอยู่ใจกลางของกรุงปักกิ่ง เมืองหลวงของประเทศจีนและอยู่ทางตอนเหนือของจตุรัสเทียนอันเหมิน พระราชวังแห่งนี้ เป็นเขตหวงห้ามไม่ไห้ประชาชนเข้า แม้แต่ข้าราชการชั้นสูง ยังต้องขออนุญาตเป็นกรณีพิเศษ จึงเรียกพระราชวังนี้ว่า”พระราชวังต้องห้าม” จักรพรรดิจะทรงประทับอยู่ในพระราชวังแห่งนี้ กั้นพระองค์จากโลกภายนอก โดยมีสนมกำนัล ขันที และข้าหลวงรับใช้ ซึ่งคนเหล่านี้ต้องอาศัยอยู่ในนครต้องห้ามตลอดชีวิต

 

2. “The Great Wall” หรือ ที่เรารู้จักกันดีในชื่อ”กำแพงเมืองจีน” บ้างก็เรียกว่า”กำแพงหมื่นลี้” เพราะมีความยาวถึง 6,350 กิโลเมตร กำแพงเมืองจีนสร้างเมื่อกว่า 2,500 ปีมาแล้ว ตั้งแต่ก่อนสมัยของจิ๋นซีฮ่องเต้จักรพรรดิองค์แรกในประวัติศาสตร์จีน จุดประสงค์ก็เพื่อป้องกันการรุกรานจากชนเผ่าทางตอนเหนือ โดยมีการก่อสร้างเพิ่มเติมโดยฮ่องเต้องค์ต่อมาอีกหลายพระองค์ จนสำเร็จในที่สุด และนับเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลางด้วย

 

3. “The Terracotta Warriors” หรือ “สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้” สุสานของจอมจักรพรรดิแห่งราชวงศ์ฉินเป็นสุสานที่เต็มไปด้วยหุ่นดินเผาของทหารและม้านับหมื่น เล่ากันว่า”จิ๋นซีฮ่องเต้” มีพระบัญชาให้สร้างมหาสุสานเพื่อเป็นที่พักผ่อนชั่วนิรันดร์ โดยใช้ช่างฝีมือและคนงานกว่าเจ็ดแสนคนปั้นหุ่นทหารจากแบบที่เป็นคนจริง เมื่อปั้นเสร็จคนที่เป็นแบบจะถูกสังหารให้วิญญาณมาสถิตในหุ่นเพื่อพิทักษ์สุสาน ทุกวันนี้ก็ยังไม่มีใครพบที่ฝังพระศพของจิ๋นซีฮ่องเต้ และที่นี่ก็กลายมาเป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ที่ตะลึงกันทั่วโลก

 

4. “Karst Mountains” ในเมืองหยางโจว เป็นภูเขาที่สวยงามและมีชื่อเสียงมาก ตั้งอยู่ที่มณฑลกวางซีซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของจีน ทิวทัศน์ที่สวยที่สุดของที่นี่คือการมองจากหยางโจว เขตเทศบาลเล็กๆ บริเวณชานเมือง”กุ้ยหลิน” ซึ่งเป็นเมืองเอกของมณฑลกวางซี

 

5. “หางโจว” (Hangzhou) ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของมณฑลเจ้อเจียง ทางตะวันออกของจีน เป็นสวรรค์บนดินที่ล้อมรอบด้วย”ทะเลสาบซีหู” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์สำคัญของเมือง และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจมากที่สุด

 

6. หุบเขา”จิ่วจ้ายโกว” (Jiuzhaigou) เป็นพื้นที่อนุรักษ์ธรรมชาติทางตอนเหนือของมณฑลเสฉวน ประเทศจีน มีทะเลสาบที่สวยมหัศจรรย์เหลือจะบรรยาย ยิ่งในฤดูใบไม้ร่วง สีเหลืองของใบไม้สะท้อนผ่านสีเขียวของผืนน้ำ เกิดเป็นภาพที่สะกดทุกสายตา จนในปี พ.ศ. 2535 องค์การยูเนสโกได้ประกาศพื้นที่นี้ให้เป็นมรดกโลก และเป็น World Biosphere Reserve ใน พ.ศ. 2540

 

7. “พระราชวังโปตาลา” ตั้งอยู่ที่กรุงลาซา เขตปกครองตนเองทิเบต ประเทศจีน ปราสาทนี้ถูกสร้างในลักษณะของวังซ้อนวัง พระราชวังวงนอกเรียกว่า วังขาว เพราะทาสีขาว สร้างเสร็จ ปี ค.ศ. 1648 พระราชวังชั้นในเรียกว่าวังแดง ได้ชื่อตามผนังที่ทาสีแดง สร้างที่หลังวังขาวเกือบ 50 ปี ปัจจุบัน

พระราชวังโปตาลากลายเป็นพิพิธภัณฑ์และสถานสักการะ ภายในวังขาว มีสำนักงาน โรงเรียนศาสนา ส่วนวังแดงเป็นส่วนที่ยังใช้ประกอบพิธีกรรมอยู่ เป็นศูนย์รวมใจของโปตาลา

 

8. “The Bund” (The Bund เป็นภาษาเยอรมันหมายถึงจุดนัดพบ) หรือที่ชาวจีนเรียกกันว่า”Waitan” (ไว่ทัน)คือพื้นที่ที่อยู่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำHuangpu ทิวทัศน์ที่น่าสนใจบริเวณนี้ก็คือเหล่าตึกที่เป็นสถาปัตยกรรมแบบยุโรปในยุคศตวรรษที่ 19 ซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็น “An International Exhibition of Architecture” หรือนิทรรศการแสดงสถาปัตยกรรมนานาชาติ

 

9. อยากชิมอาหารพื้นเมืองอันมีรสชาติเป็นเอกลักษณ์ ไม่ควรพลาด”เฉิงตู” หนึ่งในเมืองสวยงามและเป็นแหล่งที่รวมอาหารเด็ดที่สุดในซีอาน พร้อมสัมผัสแพนด้ายักษ์อย่างใกล้ชิดที่สถาบันวิจัยการผสมพันธุ์สัตว์
10. “ความล้ำสมัยที่สุดของจีนสัมผัสได้จากฮ่องกง” เชื่อกันว่าหากอยากเห็นภาพตระการตาและไฮเทคของบ้านเมืองพี่จีน ให้ข้ามไปที่เกาะเกาลูน ฝั่งฮ่องกงแล้วมองกลับมา และภาพนั้นจะปรากฏอยู่

 

china_guide_2

บทความอื่นๆ